ดูเพิ่มเติม

สาย Trader คริปโต เลือกเเพลตฟอร์มเทรดอย่างไรดี

3 mins
อัพเดทโดย Passanai Jiraruekmongkol

สรุปย่อ

  • รู้จักตนเองและข้อแตกต่างระหว่าง Trader และ Investor
  • เลือกตลาด Spot  หรือ Future?
  • ปัจจัยอะไรบ้างที่ต้องคำนึงถึงสำหรับ Trader
  • ส่อง Top 5 exchange สำหรับ Trader
  • Promo

บทบาทของ Trader กับการเทรดเก็งกำไร Cryptocurrency แท้จริงแล้วเป็นส่วนสำคัญของเม็ดเงินเเละสภาพคล่องบนตลาด ในทุกๆ วัน ไม่ว่าจะเป็นการเทรดด้วย bot ผ่านการเชื่อม API (Algorithmic trading) กลุ่ม scalper กลุ่ม arbitrager และอีกมากมายตามแต่ประเภทของนักลงทุนนั้นๆ ผู้ที่จะเข้ามาเพื่อแสวงหากำไรควรวางแผนและทราบเป็นอย่างดีว่าตนเองต้องการลงทุนในรูปแบบใด

  • รู้จักตนเองและข้อแตกต่างระหว่าง Trader และ Investor
  • เลือกตลาด Spot  หรือ Future?
  • ปัจจัยอะไรบ้างที่ต้องคำนึงถึงสำหรับนักเทรดเก็งกำไร
  • ส่อง Top 5 exchange สำหรับ Trader

รู้จักตนเองและข้อแตกต่างระหว่าง Trader และ Investor

กลุ่ม Trader คือ กลุ่มนักเก็งกำไรในระยะสั้น มักลงทุนด้วยสัญญาณทางเทคนิค หรือ Technical Analysis ในการจับสัญญาณซื้อและขาย และมีกลยุทธ์เป็นของตัวเองอาจแบ่งเป็นกลุ่มคร่าวๆ ได้ดังนี้

  1. Day-trading คือ กลุ่มนักเทรดที่เข้าและออก position ภายใน 24 ชั่วโมง
  2. Swing trading คือ กลุ่มนักเทรดสายรันเทรน อาจถือ position ข้ามวันถึงสัปดาห์
  3. Algorithmic trading คือ กลุ่มที่ใช้ bot ในการเทรด ในบางครั้งอาจเป็น arbitrager ด้วยเนื่องจากมีความได้เปรียบในเรื่องการยิงคำสั่ง

กลุ่ม Investor คือ กลุ่มนักลงทุนระยะยาวที่เน้นลงทุนกับโปรเจคที่ตนเองเชื่อว่าจะเติบโตต่อไปในอนาคต การลงทุนลักษณะนี้จะต้องแลกมาด้วย Time exposure หรือความเสี่ยงด้านการถือครองและให้ความสนใจกับ Fundamental Analysis มากกว่า เช่น

  1. ICO/IEO/IDO Investor คือ กลุ่มที่เน้นลงทุนกับเหรียญ cryptocurrency ใหม่ๆ ที่ออกโดยโปรเจคที่ผู้ลงทุนสนใจ
  2. DCA (Dollar Cost Averaged) คือ กลุ่มที่ลงทุนด้วยการเก็บออม เช่น การเข้าซื้อ BTC ในทุกๆ เดือน
  3. Institutional Investor คือ กลุ่มนักลงทุนสถาบัน เช่น venture capital ต่างๆ ที่อาจลงทุนทั้งกำลังคนและเม็ดเงิน เพื่อสร้างโปรเจค หรือร่วมลงทุนในโปรเจคขนาดใหญ่ มีเม็ดเงินมากพอที่จะขับเคลื่อนตลาด

เลือกตลาด Spot  หรือ Future?

ตลาด Spot อาจเหมาะกับนักลุงทุนหรือ trader ระยะกลาง-ยาว เพราะสามารถคุมความเสี่ยงได้ง่ายกว่าจากการคุมเงินต้น และใช้เวลาติดตามตลาดน้อยกว่า (screen time) การซื้อขายในตลาด spot จะทำได้เพียงซื้อถูกขายแพง ส่วนสินทรัพย์ที่ถูกซื้อจะเปลี่ยนกรรมสิทธิ์เป็นของผู้ซื้อทันที เช่น นาย A ซื้อ BTC ในตลาด Spot นาย A สามารถโอน BTC ออกจากกระดานได้ทันที เสียเพียงค่าธรรมเนียมในการซื้อขายต่อครั้งเพียงเท่านั้น

ตลาด Future หรือ Deriviative จะมีความเสี่ยงสูงกว่ามากจากการกู้เพื่อเพิ่มกำลังซื้อขาย (Leverage) และเหมาะกับผู้ที่มีความชำนาญและมีเวลาติดตามตลาดมากกว่า พร้อมมอบโอกาสในการทำกำไรขาลงผ่านการ Short อีก้ดวย ในตลาด Future ของ cryptocurrency Trader สามารถเลือกขนาดที่ต้องการ leverage ได้ตั้งแต่ 1x จนถึง 50x หรือมากกว่าตามแต่กระดานเทรดที่เลือกใช้ หรือตามกฏหมายที่กำกับในบางประเทศ การ Leverage ถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับกลุ่มนักเก็งกำไร เพราะการเพิ่มจำนวนเท่าและความเสี่ยงจะเปิดโอกาสให้ Day trader/scalper สามารถทำกำไรได้ในระหว่างวัน เช่น การเคลื่อนที่ของ BTC 1% หาก Leverage x2 trader จะสามารถทำกำไรได้ 2%

ค่าธรรมเนียมของตลาด Future จะแตกต่างจาก Spot ตรงที่ต้องจ่ายดอกเบี้ยกู้ยืมในทุกๆ วัน เพิ่มเติมจากค่าธรรมเนียมการซื้อขาย ส่วนค่าธรรมเนียมการซื้อขายจะมี 2 ประเภท คือ Taker คือ การเข้า position ด้วยคำสั่ง Market execution หรือเข้าซื้อขาย ณ ระดับราคาล่าสุดทันที และ Maker คือ การเข้า position ด้วย Limit order หรือการตั้งไม้รอ ซึ่งจะมีค่าธรรมเนียมที่ถูกกว่าแบบแรก เพราะถือว่าเป็นผู้สร้างสภาพคล่อง (Liquidity) ให้กับ order book หรือสร้างกำแพงราคานั่นเอง

ปัจจัยอะไรบ้างที่ต้องคำนึงถึงสำหรับ Trader

สำหรับ Trader การเลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสมกับลักษณะการลงทุนของตนเองถือว่าเป็นหัวใจสำคัญที่จะเพิ่มประสิทธิภาพในการเทรดโดยรวม และรู้จักเงือนไขและข้อจำกัดต่างๆ ของแต่ละเครื่องมือในการลงทุน

  1. ค่าธรรมเนียม (Fees) ค่าธรรมเนียมสัมพันธ์กับรูปแบบการลงทุนหรือไม่ เช่น การลงทุนระยะยาวสำหรับรายย่อย ตลาด spot อาจเหมาะกว่าเนื่องจากจ่ายค่าธรรมเนียมเพียงครั้งเดียว ในขณะที่ตลาด Future ต้องจ่ายดอกเบี้ยกู้ในทุกๆ วัน แต่แน่นอนว่าค่าธรรมเนียมที่ถูกจะยิ่งสร้างโอกาสสำหรับ Scalper และ Day trader เพราะค่าธรรมเนียมจะถูกคูณตามขนาด position ด้วยเช่นกัน หากค่าธรรมเนียมถูก การแกว่งของราคาที่จำเป็นเพื่อครอบคลุมต้นทุนค่าธรรมเนียมก็จะน้อยลงด้วยเช่นกัน
  2. จำนวนคู่เหรียญ (Market Pair) เป็นอีกตัวแปรสำคัญสำหรับนักเทรด หากมีคู่เทรดให้เลือกเป็นจำนวนมาก ย่อมมีโอกาสมากขึ้นในการเก็งกำไรรายวัน
  3. สภาพคล่อง (Liquidity) และ Volume เป็นตัวแปรที่สำคัญที่สุดสำหรับนักเทรดเก็งกำไร โดยเฉพาะกับตลาด Future หากสภาพคล่องต่ำ จะส่งผลให้ระดับราคาผันผวนจากราคากลาง และก่อความเสียหายต่อ trader จากการ Long squeeze และ Short squeeze เพราะกำแพงราคาบางเกินไป เมื่อมีการเทขายด้วย volume ที่มากกว่าสภาพคล่องที่แพลตฟอร์มหรือคุ่เหรียญนั้นๆ

ส่อง Top 5 exchange สำหรับ Trader

Coingecko: Trading volume

หากคำนึงถึงปัจจัยข้างต้นนี้แล้ว กระดานเทรดไหนบ้างที่น่าสนใจมีค่าธรรมเนียมและบริการใดๆ บ้างที่เหมาะสมกับ Trader ผู้เขียนจะรวบรวมโดยอ้างอิงการจัดอันดับกลุ่ม Crypto exchange จาก Volume หรือสภาพคล่องบน Coingecko

Binance Global

  • จุดเด่น: สภาพคล่องสูงที่สุดรวมถึงคู่เหรียญจำนวนมาก

Binance ก่อตั้งเมื่อปี 2017 โดย Changpen Zhao (CZ) ปัจจุบันเป็นกระดานเทรด cryptocurrency อันดับ 1 ในแง่ของ volume รายวันมีผู้ใช้งานทั่วโลก พร้อมกับผลิตภัณฑ์ในการลงทุนมากมาย ทั้งการแลกเงินในรูปแบบ Peer-to-peer ตลาด Spot/future ระบบ one staking service สำหรับเก็บออม Launch-pad หรือ IEO มีการลดค่าธรรมเนียมตาม Volume เทรดของ Trader และสามารถใช้เหรียญ BNB ในการลดเพิ่มเติมได้ นอกจากนี้ยังมีบล็อกเชนและ Stablecoin เป็นของตนเองอีกด้วย (Binance Smart Chain, BSC) และ BUSD

Spot: ค่าธรรมเนียมเริ่มต้น : Maker/Taker 0.1% คู่เหรียญ : 362 เหรียญ 1456 คู่

Deriviative Futures: USD-M-Future USDT ค่าธรรมเนียมเริ่มต้น: Maker 0.02%/ Taker 0.04% BUSD ค่าธรรมเนียมเริ่มต้น: Maker 0.012%/ Taker 0.03%

Coin-M-Future ค่าธรรมเนียมเริ่มต้น: Maker 0.01%/ Taker 0.05% คู่เหรียญ: 212 คู่

OKX

  • จุดเด่น: มีสภาพคล่องเป็นอันดับ 2

OKX หรือชื่อเก่า OKEx ก่อตั้งเมื่อปี 2017 โดย Star Xu แรกเริ่มสำนักงานใหญ่อยู่ที่ กรุงปักกิ่ง ประเทศจีนแต่ได้ย้ายไปตั้งที่ Seychelles เนื่องจากนโยบายของรัฐบาลจีนในปี 2021 OKX ให้บริการทั้ง Spot และ Deriviative สำหรับ Trader แต่ยังไม่สามารถให้บริการนักลงทุนในประเทศสหรัฐอเมริกาได้ มีการลดค่าธรรมเนียมตาม volume เทรด รวมถึงการใช้เหรียญ OKB เพื่อลดค่าธรรมเนียม

Spot: ค่าธรรมเนียมเริ่มต้น : Maker 0.08%/ Taker 0.1% คู่เหรียญ : 348 เหรียญ 597 คู่

Deriviative Futures: USDT-M Futures/ Crypto-M Futures ค่าธรรมเนียมเริ่มต้น : Maker 0.02%/ Taker 0.05% คู่เหรียญ : 169 คู่

FTX

  • จุดเด่น: ค่าธรรมเนียมถูกสามารถลดค่าธรรมเนียมได้มาก

FTX ก่อตั้งเมื่อปี 2019 โดย Sam Bankman-Fried มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศ Bahamas ถือว่าเป็นอีกกระดานเทรดหนึ่งที่มาแรงด้วยโปรโมชั่นฟรีค่าธรรมเนียมการถอน 1 ครั้งต่อสัปดาห์และค่าธรรมเนียมที่ถูก มีบริการมากมายทั้ง Spot, Deriviatives future, IEOs, และตลาด tokenized stock หรือตลาดหุ้นนั่นเอง (ยังไม่บริการแก่นักลงทุนในประเทศไทย) นอกจากนี้ยังมีเหรียญ FTT บน ETH mainnet ที่สามารถใช้ลดค่าธรรมเนียมได้อีก

Spot: ค่าธรรมเนียมเริ่มต้น : Maker 0.02%/ Taker 0.07% คู่เหรียญ : 335 เหรียญ 520 คู่

Deriviative Futures: USD Perpetuals ค่าธรรมเนียมเริ่มต้น : Maker 0.02%/ Taker 0.07% คู่เหรียญ : 194 คู่

Coinbase

  • จุดเด่น: ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย US

Coinbase ก่อตั้งเมื่อปี 2012 โดย Brian Armstrong และ Fred Ehrsam ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในกระดานเทรดที่เก่าแก่ที่สุด ปัจจุบันเป็น remote company ไม่มีสำนักงานใหญ่ตั้งแต่ปี 2020 ปัจจุบันบริษัท Coinbase ยังจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ประเทศสหรัฐอเมริกาอีกด้วย Coinbase มีจุดเด่นที่แตกต่างไปจากเจ้าอื่น โดยผสมผสานผลิตภัณฑ์เพื่อการลงทุนที่คล้ายคลึงกับบริษัท Brokerage และธนาคาร มีบริการ Wallet การชำระเงินหรือฝากเงินผ่าน card การกู้ยืมโดยใช้ BTC ค้ำประกัน ระบบบริการชำระเงินสำหรับร้านค้า กระดาน Spot และ future BTC/Crude Oil และหลักทรัพย์บางประเภท แต่ข้อเสียอย่างหนึ่งของ Coinbase คือ กระดาน crypto derivatives มีเพียง BTC Nano Contract เท่านั้น และบริการตามกฎหมาย SEC ประเทศสหรัฐอเมริกา ถือเป็นตัวอย่างหนึ่งที่ไม่เหมาะสำหรับกลุ่มนักลงทุนระยะสั้นแต่จะได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายที่ชัดเจน

Spot/Deriviative: ค่าธรรมเนียมเริ่มต้น : Maker 0.6%/ Taker 0.4% คู่เหรียญ : 201 เหรียญ 514 คู่

Huobi

  • จุดเด่น: มี Algorithmic Bot Built-in ให้ใช้

Huobi ก่อตั้งเมื่อปี 2013 โดย Leon Li และย้ายสำนักงานออกจากประเทศจีน ไปที่ Seychelles และจนทะเบียนบริษัทที่ฮ่องกงในปี 2018 เนื่องจากนโยบายจากรัฐบาล และหยุดบริการให้แก่นักลงทุนในประเทศจีนโดยสิ้นเชิงในปี -2021 นอกจากบริการ Spot และ Derivative Futures ลดค่าธรรมเนียมเทรดตาม volume และสำหรับผู้ที่ถือเหรียฐ Huobi Token (HT) แล้ว ยังมีผลิตภัณฑ์ Algorithmic trading หรือบอทเทรดที่ Built-in ให้ง่ายสำหรับนักเทรดที่ต้องการใช้บริการบนหน้าเว็บ ถือว่าเป็นจุดเด่นของ Huobi เลยทีเดียว

Spot:

ค่าธรรมเนียมเริ่มต้น : Maker 0.2%/ Taker 0.2%

คู่เหรียญ : 588 เหรียญ 1013 คู่

Deriviative Futures:

USD-M Futures Coin-M Futures

ค่าธรรมเนียมเริ่มต้น : Maker 0.02%/ Taker 0.05%

คู่เหรียญ : 240 คู่

แพลตฟอร์มคริปโตที่ดีที่สุดในไทย | เมษายน 2024

Trusted

ข้อจำกัดความรับผิด

ข้อมูลทั้งหมดที่มีอยู่บนเว็บไซต์ของเราเผยแพร่ด้วยเจตนาที่ดีและเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น การกระทำใด ๆ ที่ผู้อ่านดำเนินการตามข้อมูลที่พบบนเว็บไซต์ของเราถือเป็นความเสี่ยงของผู้อ่านโดยเฉพาะ

IMG_4466-1.png
Nonthachai Sukkankosol
นนทชัย สักการโกศล จบการศึกษาปริญญาโท ด้านการวิจัยผลงานศิลปะร่วมสมัย จาก SOAS University of London แต่ผันตัวมาเป็นผู้แนะนำการลงทุนที่บริษัทหลักทรัพย์ Finansia Syrus Securities PLC. เขาถือใบอนุญาตผู้แนะนำการลงทุนตราสารทุน ตราสารหนี้และกองทุนรวม และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า รวมถึงใบรับรองด้านการวิเคราะห์เชิงเทคนิค CMT ระดับ 2 จาก CMT Association ประเทศสหรัฐอเมริกา เขามีประสบการณ์เกี่ยวกับการลงทุนในผลิตภัณฑ์ต่างๆ และเริ่มลงทุนคริปโตเคอเรนซี่มาตั้งแต่ปี 2016
READ FULL BIO
ได้รับการสนับสนุน
ได้รับการสนับสนุน