ธนาคารกลางประเทศจาไมก้าได้รับรองให้เหรียญ “Jam-Dex” ซึ่งเป็นเหรียญประเภท CBDC เป็นเงินชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย ส่งผลให้ประเทศจาไมก้าเป็นประเทศแรกในโลกที่รับรองเรื่องนี้
ธนาคารแห่งประเทศจาไมก้าได้ทำให้เหรียญ CBDC ถูกต้องตามกฎหมาย ทั้งนี้เพื่อสร้างทางเลือกให้กับเศรษฐกิจแบบใช้เงินสด
ตามรายงาน วุฒิสภาประเทศจาไมก้าได้มอบอำนาจให้ธนาคารกลางสามารถออกเหรียญประเภท CBDC ที่ชื่อว่า Jamaica Digital Exchange หรือ Jam-Dex โดย Richard Byles ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศจาไมก้าได้เปิดเผยว่า จะเปิดให้มีการใช้เหรียญ Jam-Dex ภายในประเทศก่อน ในช่วงปลายเดือน
Byles ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Blockworks ว่า สกุลดอลลาร์จาไมก้าดิจิทัลจะเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยและสะดวกมากกว่าธนบัตรและเหรียญ และยังสามารถใช้ได้โดยไม่ต้องมีบัญชีธนาคาร
เหรียญ Jam-Dex อยู่ในขั้นนำร่องทดลองใช้ตั้งแต่เดือนสิงหาคม ปีที่ผ่านมา โดยในช่วงต้นปีที่ผ่านมา สำนักข่าว BeInCrypto รายงานว่า เหรียญดังกล่าวจะถูกนำมาใช้ในไตรมาสที่ 1 แต่เกิดความล่าช้า ทำให้ถูกนำมาใช้ในไตรมาสที่ 2 แทน
โซลูชั่นการชำระเงินแบบใหม่
Jonathan Dharmapalan CEO ของ eCurrency ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเทคโนโลยีสำหรับให้บริการเหรียญ CBDC ยืนยันว่า เหรียญ Jam-Dex ได้รับการรับรองทางกฎหมายแล้วจริง “กฎหมายในจาไมก้าสนับสนุนการใช้สกุลดอลลาร์ดิจิทัลในประเทศจาไมก้ากันอย่างเต็มที่ คุณสามารถใช้เหรียญดิจิทัลชำระหนี้ในจาไมก้าได้แล้วนะ เราสามารถใช้เหรียญ Jam-dex ซื้อของและกำหนดมูลค่าสินค้าได้แล้ว”
Jonathan ให้ความเห็นว่า เป็นเรื่องสำคัญที่ประเทศต่างๆ จะเริ่มยอมรับว่า เงินสามารถอยู่ในรูปดิจิทัลได้ ก่อนจะเสริมว่า “เพราะเป็นเหรียญดิจิทัล คุณไม่จำเป็นต้องอยู่ในที่ๆ เดียวกัน ในเวลาเดียวกันเพื่อทำธุรกรรมเลย มันเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังมากๆ”
ตามรายงานของสำนักข่าว Jamaica Observer บริษัท JMMB Group ซึ่งเป็นองค์กรที่ให้บริการด้านการเงินแห่งหนึ่ง กำลังมองหาช่องทางเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อาทิเช่น ระบบ Point-of-sale บริการอีคอมเมิร์ซ และโซลูชั่นการชำระเงินแบบใหม่เพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้เหรียญ Jam-Dex
นอกจากนี้ สำนักข่าวแห่งหนึ่งยังได้เปิดเผยว่า ธนาคารพาณิชย์แห่งชาติเองก็กำลังผลักดันการใช้เหรียญ CBDC ผ่านวอลเล็ต Lynk เช่นกัน
กระแสเหรียญ CBDC ในโลก
ข้อมูลจากระบบติดตามเหรียญ CBDC ของ Atlantic Council แสดงให้เห็นว่า ปัจจุบัน มีทั้งหมด 105 ประเทศ ซึ่งคิดเป็นมากกว่าร้อยละ 95 ของจีดีพีทั่วโลก กำลังวิจัยหรือพัฒนาเหรียญ CBDC
ข้อมูลดังกล่าวยังเผยให้เห็นอีกว่า มี 10 ประเทศที่ประกาศใช้เหรียญ CBDC แล้ว เช่น ประเทศไนจีเรีย ประเทศบาฮามาส ซึ่งใช้ Sand Dollar และอีกหลายประเทศในแถบหมู่เกาะแคริบเบียน อย่างไรก็ตาม ประเทศจาไมก้าถือเป็นชาติแรกที่อนุญาตให้ใช้เหรียญดิจิทัลเป็นเงินชำระหนี้ทางกฎหมาย
การนำร่องใช้สกุลหยวนดิจิทัลอย่าง e-CNY หรือ DCEP ในประเทศจีนมีแผนจะดำเนินการต่อไปจนถึงปี 2023 โดยในเดือนเมษายน ประเทศจีนได้เพิ่มเมืองเทียนจีน ฉงชิ่ง กวางโจว ฝูโจว เซี่ยเหมิน และอีก 6 เมืองในมณฑลเจ้อเจียงในโครงการนำร่องทดลองใช้สกุลหยวนดิจิทัล
ประเทศสหรัฐอเมริกายังถือว่าตามหลังในสนามนี้ เพราะผู้กำหนดนโยบายและบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยังค่อนข้างล่าช้าในการพัฒนาดอลลาร์สหรัฐฯ แบบคริปโต
บางส่วนเชื่อว่า เหรียญ CBDC จะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ มีอำนาจในการควบคุมดูแลการเงินของประชาชนมากขึ้น
ข้อจำกัดความรับผิด
หมายเหตุบรรณาธิการ: เนื้อหาต่อไปนี้ไม่ได้สะท้อนถึงมุมมองหรือความคิเห็นของ BeInCrypto มันจัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้นและไม่ควรถูกตีความว่าเป็นคำแนะนำทางการเงิน กรุณาทำการวิจัยของคุณเองก่อนที่จะทำการตัดสินใจลงทุนใดๆ