เนื่องจากทั่วโลกมีการกดดันเรื่องกฎเกณฑ์ในการทำเหมือง Bitcoin บริษัทต่าง ๆ มีทีท่าจะผ่อนปรนความกังวลเหล่านี้โดยทำตามโยบาย Carbon-Neutrality
ความกังวลเกี่ยวกับการใช้พลังงานของ Proof of Work เพื่อการทำเหมืองบิตคอย์น ขึ้นสู่จุดสูงสุดในปีนี้ เหล่าผู้กำหนดนโยบายต่างไม่พอใจกับการใช้พลังงานซึ่งเกิดขึ้นจากการทำเหมืองบิตคอย์น และต่างเตรียมร่างกฎหมายว่าด้วยการจำกัดการทำเหมืองบิตคอย์นในบางพื้นที่เนื่องจากความกังวลเรื่องสิ่งแวดล้อม
บริษัทที่ทำเหมืองบิตคอย์นหลายแห่งได้ตอบรับการความกังวลเหล่านี้โดยเผยว่าตนต่างจะพากันตอบรับนโยบาย Carbon-Neutrality ภายในสิ้นปี 2022 หนึ่งในนั้นคือ Marathon Digital Holdings ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ทำเหมืองบิตคอย์นที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกาเหนือ
จากการแถลงการณ์เมื่อวันที่ 5 เมษายนที่ผ่านมา ทางบริษัทเผยว่าจะมีการเคลื่อนย้ายจากฐานผลิตที่มอนทานาซึ่งใช้พลังงานจากถ่านหินเป็นหลัก ไปยังแหล่งทำเหมืองบิตคอย์นแห่งใหม่ซึ่งใช้พลังงานที่ยั่งยืนมากขึ้นและปราศจากการปล่อยคาร์บอน
การทำเหมืองบิตคอย์นกับพลังงานที่สะอาดยิ่งขึ้น
Marathon เสริมว่าการทำเหมืองบิตคอย์นของตนจะปลอดคาร์บอน 100% ภายในสิ้นปี 2022 โดย Fred Thiel ประธานและ CEO ของ Marathorn กล่าวว่าเป้าหมายของปีนี้คือการแสวงหาพลังงานยั่งยืนในการทำเหมืองบิตคอย์น
“เนื่องด้วยเรามีกำหนดการจะนำอุปกรณ์ของเราไปใช้กับฐานการผลิตซึ่งใช้พลังงานหมุนเวียน และขั้นตอนดังกล่าวอยู่ในช่วงระหว่างดำเนินการ เราเชื่อว่านี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสมในการส่งต่อมรดกการทำเหมืองของเราจากพลังงานฟอสซิลสู่พลังงานที่ยั่งยืนมากยิ่งขึ้น”
มีความเป็นไปได้อยู่บ้างที่การทำเหมืองบิตคอย์นนั้นสามารถสอดคล้องกับนโยบาย Carbon-Neutrality ได้ หนึ่งในนั้นคือการใช้พลังงานหมุนเวียน เช่น ลม แสงอาทิตย์ หรือพลังน้ำ และนอกจากนี้คือการเข้าร่วมโครงการชดเชยคาร์บอน โดยบริษัทต้องลดก๊าซเรือนกระจกให้ได้เท่ากับตนปล่อยออกมา
ทาง Marathon ยังมีข้อตกลงกับ Beowulf Energy ในการสร้าง Data Center บนพื้นที่ 20 เอเคอร์ใกล้กับสถานีผลิตฮาร์ดินของบริษัท Beowulf ซึ่งเป็นแหล่งผลิตพลังงาน 105 เมกะวัตต์ ซึ่งตั้งอยู่ใกล้เมืองฮาร์ดิน รัฐมอนทานา จากเว็บไซต์ของบริษัทชี้ว่าศูนย์ข้อมูลสามารถสร้างพลังงาน 30,000 S19 Pro Miners ซึ่งสร้างแฮชเรตได้ถึง 3.32 EH ต่อวินาที
ตอบรับข้อเสนอ SEC เกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลเรื่องผลกระทบต่อสภาพอากาศ
ในแวดวงเดียวกันนั้น บริษัทขุดบิตคอย์นคู่แข่งอย่าง Stronghold Digital Mining กล่าวว่าตนตอบรับข้อเสนอล่าสุดจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีเนื้อความว่าบริษัทที่ซื้อขายคริปโตกันอย่างเปิดเผยควรแสดงข้อมูลเกี่ยวกับผลกระทบต่อสภาพอากาศให้สาธารณชนรับทราบ
Gregory Beard ประธานร่วมและ CEO ของบริษัท Stronghold กล่าวว่าบริษัทของเขาได้ปฏิบัติตามข้อเสนอเรื่องการเปิดเผยข้อมูลแล้ว ทั้งยังเสริมว่าบริษัทเองกำลังมองหาเทคโนโลยีและการลงทุนที่จะช่วยลดการปล่อยคาร์บอนและช่วยลดการเกิด Carbon Footprint
Stronghold มีหน่วยปฏิบัติการอยู่ที่เพนซิลเวเนียซึ่งใช้ของเสียจากถ่านหินเพื่อเป็นขับเคลื่อนการทำเหมืองบิตคอย์นของตน
ข้อจำกัดความรับผิด
หมายเหตุบรรณาธิการ: เนื้อหาต่อไปนี้ไม่ได้สะท้อนถึงมุมมองหรือความคิเห็นของ BeInCrypto มันจัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้นและไม่ควรถูกตีความว่าเป็นคำแนะนำทางการเงิน กรุณาทำการวิจัยของคุณเองก่อนที่จะทำการตัดสินใจลงทุนใดๆ