หลังจากมีรายงานว่ามีนักลงทุนคริปโตในอินเดียถึงเกือบ 115 ล้านคน ผู้ว่าการธนาคารกลางแห่งอินเดีย (RBI) กล่าวว่าคริปโตเคอเรนซียังไม่เหมาะสมกับเศรษฐกิจกําลังพัฒนาของประเทศเช่นอินเดีย
ในการให้สัมภาษณ์เมื่อเร็ว ๆ นี้ Shaktikanta Das ผู้ว่าการ Reserve Bank of India กล่าวว่า “ประเทศต่าง ๆ เช่น อินเดีย มีสถานะที่แตกต่างจากประเทศที่มีระบอบเศรษฐกิจที่มีระบอบเศรษฐกิจแบบเมื่อมีการอภิปรายเมื่อมีการหารือเกี่ยวกับการทําให้มีเงินดอลลาร์มากเกินไปในระบอบเศรษฐกิจ”
การมีเงินดอลลาร์มากเกินไปในระบอบเศรษฐกิจแบบที่ไม่อาจตั้งตัว
“นี่ไม่ใช่เรื่องดีสำหรับเศรษฐกิจของเรา ดังนั้น สำหรับเศรษฐกิจของตลาดที่เพิ่งปะทุตัวออกมา เนื่องจากเงินคริปโตกลายเป็นหน่วยย่อยของสกุลเงินแบบแข็งเนื่องด้วยกับเงินดอลลาร์ขนานใหญ่ ทำให้ (คริปโตเคอเรนซี) จะไม่ได้ผลในบางประเทศ เช่น อินเดีย มันอาจจะเหมาะสมกับประเทศที่มีระบอบเศรษฐกิจแบบก้าวหน้า” Das เสริม
คําเตือนของเขายิ่งสําคัญเป็นพิเศษเมื่อเร็ว ๆ นี้รายงานของ KuCoin แสดงให้เห็นว่านอกจากนักลงทุนริปคโตจํานวน 115 ล้านคนที่กระจายตัวอยู่ทั่วอินเดียแล้ว นักลงทุนส่วนใหญ่ในอินเดียที่จะตั้งใจเพิ่มจํานวนเงินที่สินทรัพย์ตนถือครองในอนาคตอันใกล้
ย้อนกลับไปในเดือนพฤษภาคม 2022 ธนาคารกลางฯ เตือนสมาชิกรัฐสภาว่าคริปโตเคอเรนซี โดยเฉพาะ Stablecoin สามารถนําไปสู่ผลลัพธ์ของการทําให้ “ระบอบเศรษฐกิจมีเงินดอลลาร์มากเกินไป”
เมื่อให้สัมภาษณ์กับ Be[In]Crypto Vikram R Singh ผู้ก่อตั้งและ CEO ของบริษัทพัฒนาบล็อกเชน Antier Solutions กล่าวว่า “เทคโนโลยีบล็อกเชนและการใช้งานสกุลเงินเสมือนจริงไร้ขีดจํากัดเพื่อที่จะสร้างความแข็งแกร่งให้ระบอบเศรษฐกิจทั่วโลก” และยังเสริมว่า “การประยุกต์ใช้คโตผ่านการกํากับดูแลและกฎระเบียบที่ชัดเจนจะช่วยให้ประเทศต่าง ๆ มีศักยภาพมากขึ้น ทั้งสำหรับการพัฒนาภาครัฐและเอกชน”
ในขณะเดียวกัน ผู้ว่าการธนาคารกลางยังสนับสนุนแนวคิดที่ว่าในขณะที่พวกเขาสนับสนุนนัวตกรรมในภาคฟินเทค RBI จะประเมินความเสี่ยงประเภทต่าง ๆ ที่มีอยู่ในอุตสาหกรรมคริปโตและตรวจสอบว่าความเสี่ยงเหล่านี้ได้รับการจัดการเป็นอย่างดีหรือไม่
Das ยังกล่าวต่อในการให้สัมภาษณ์ว่า “ฉันอยากจะเชื่อนะว่าผู้คนส่วนใหญ่จะใส่ใจกับคําเตือนและข้อกังวลที่ RBI แถลงการณ์ออกมาและฉันอยากจะเชื่อนะว่าเอาจริง ๆ เราตระหนักว่าหลาย ๆ คนไม่ได้ลงทุนในสินทรัพย์ริปคโตโตหรือถูกดึงออกจากวงการคโตเนื่องจากคําเตือนและข้อกังวลที่ Reserve Bank ออกประกาศเอาไว้”
ผู้เล่นในอุตสาหกรรมคริปโตผลักดันให้มีกฎระเบียบเพื่อจัดการกับข้อกังวลทางกฎหมาย
ในอดีต ธนาคารกลางของประเทศได้บอกใบ้ว่าตนไม่น่าจะเปลี่ยนจุดยืนเชิงลบที่มีต่อสินทรัพย์ดิจิทัลเสมือน (VDA) เนื่องจากความกังวลด้านเสถียรภาพทางการเงินที่เพิ่มขึ้นในระบบเศรษฐกิจ พร้อมกับความเสี่ยงในการฟอกเงิน
ในเดือนนี้ คณะกรรมการบังคับใช้ของอินเดีย (Enforcement Directorate – ED) ยังบล็อกทรัพย์สินของธนาคารที่เป็นของ Vauld อันเป็นแพลตฟอร์มคริปโตที่มีปัญหา และที่เป็นของหนึ่งในกรรมการของ Zanmai Lab Private Ltd ผู้ประกอบการ WazirX ในขณะที่พวกเขากําลังถูกสอบสวนจากข้อหาฟอกเงิน
ถึงอย่างนั้น Das ยังตั้งคําถามถึงมูลค่าที่แท้จริงของสินทรัพย์ประเภทนี้ทั้งหมดหลังการชะลอตัวของตลาดเมื่อเร็ว ๆ นี้ เขากล่าวว่า “ราคาของอะไรสักอย่างที่ไม่มีฐานพื้นฐานใด ๆ จะไม่สามารถคงตัวได้สูงตลอดเวลา ดังนั้น อาจมีข้อผิดพลาดและความล้มเหลว ท้ายที่สุดแล้ว ในสถานการณ์เช่นนี้ มีแต่นักลงทุนรายย่อยที่ขาดทุน เงินดังนั้น นี่จึงเป็นความเสี่ยงที่ยิ่งใหญ่สําหรับนักลงทุนรายย่อยด้วย”
Vineet Budki หุ้นส่วนผู้จัดการและซีอีโอของ Cypher Capital บริษัทร่วมทุนคริปโตกล่าวว่าเมื่อกฎระเบียบมีพัฒนาการทั่วโลก ความเสี่ยงในปัจจุบันอาจลดลง โดยเขาระบุว่า “คริปโตเคอเรนซีมีลักษณะเป็นสิ่งที่ใช้งานทั่วโลกและสถานะทางกฎหมายของมันแตกต่างกันไปในแต่ละเขตอํานาจศาล ในขณะที่เราอยู่ในขั้นตอนที่เพิ่งเริ่มใช้งานคริปโต ต้องตระหนักว่า Stablecoin ที่ใช้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐหนุนหลายตัว ช่น USDC, DAI และ USDT ครองฐานการทำธุรกรรมและเป็นฐานของการเข้าใช้งานสําหรับผู้ใช้งานส่วนใหญ่ เราคาดว่าสิ่งนี้จะเปลี่ยนไปเมื่อกฎระเบียบของวงการคริปโตกลายเป็นที่น่าพอใจและเศรษฐกิจเปิดตัว CBDC เพื่อสนับสนุนระบบนิเวศคริปโตในระดับท้องถิ่น”
ข้อจำกัดความรับผิด
หมายเหตุบรรณาธิการ: เนื้อหาต่อไปนี้ไม่ได้สะท้อนถึงมุมมองหรือความคิเห็นของ BeInCrypto มันจัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้นและไม่ควรถูกตีความว่าเป็นคำแนะนำทางการเงิน กรุณาทำการวิจัยของคุณเองก่อนที่จะทำการตัดสินใจลงทุนใดๆ