หน่วยงานกํากับดูแลทางการเงินในประเทศไทยอยู่ในเส้นทางสงครามคริปโตและเป้าหมายของพวกเขาคือ Bitkub ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มคริปโตที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้
เป็นครั้งที่สองในรอบ 1 เดือนที่สํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ตั้งเป้าไปที่ Bitkub ซึ่งเป็นตลาดซื้อขายคริปโตที่ใหญ่ที่สุดของราชอาณาจักรไทย
ตามประกาศ (ฉบับแปล) เมื่อวันที่ 27 กันยายน ก.ล.ต. กําลังดําเนินการทางกฎหมายกับ Bitkub และบุคคลสองคนในข้อหา ได้แก่ “สร้างปริมาณเทียมของสินทรัพย์ดิจิทัล” บนแพลตฟอร์ม การกระทำเช่นนี้มักเรียกว่า ‘Wash Trading’ ซึ่งเป็นกระบวนการที่นักลงทุนซื้อและขายสินทรัพย์เดียวกันในเวลาเดียวกันเพื่อจัดการกับตลาดโดยการเพิ่มปริมาณการซื้อขายในตลาด
คดีนี้ ซึ่งยื่นฟ้องต่อศาลแพ่ง ได้ขอค่าปรับทางแพ่งและค่าใช้จ่ายประมาณ 634,000 ดอลลาร์สหรัฐจากบริษัท รวมทั้งจากบุคคลธรรมดาสองคน คือ นายอนุรักษ์ เชื้อชัยชัย และนายสกลกรย์ สระกวี และรวมถึงข้อห้ามในการซื้อขายคริปโตเป็นเวลาหกเดือนสําหรับทั้งคู่
บทลงโทษซ้ำสําหรับ Bitkub
ในกรณีที่สองที่เกี่ยวข้องกับ Satang Corporation ก.ล.ต. ได้ดําเนินการกับบุคคลสองคนที่เรียกร้องค่าปรับประมาณ 317,000 ดอลลาร์สหรัฐสําหรับการจัดการปริมาณที่คล้ายกัน
จากข้อมูลของ CoinGecko Bitkub มีปริมาณรายวัน 62 ล้านดอลลาร์สหรัฐทําให้เป็นแพลตฟอร์มคริปโตที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศไทย การแลกเปลี่ยนมี 75 เหรียญและคู่การซื้อขายที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ Tether เป็นเงินบาทไทย (USDT / THB)
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ ก.ล.ต. ได้ดําเนินการกับ Bitkub ในช่วงปลายเดือนสิงหาคม นายสำเร็จ วจนะเสถียร ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของ Bitkub ได้รับคําสั่งให้จ่ายค่าปรับประมาณ 235,000 ดอลลาร์สหรัฐสําหรับการซื้อขายโดยใช้ข้อมูลภายใน
ในเดือนพฤษภาคม 2022 หน่วยงานกํากับดูแลหลักทรัพย์ได้ลงโทษ Bitkub และสมาชิกห้าคนของคณะกรรมการคัดเลือกสินทรัพย์ดิจิทัลโดยปรับเนื่องในข้อหาการไม่ปฏิบัติตามกฎการจดทะเบียนสินทรัพย์ดิจิทัล ค่าปรับ 65,000 ดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากความขัดแย้งทางผลประโยชน์ตามที่ถูกกล่าวหาเมื่อ Bitkub จัดจำหน่ายโทเค็นประจำแพลตฟอร์มอย่าง KUB
เป็นไปได้ว่าการปะทุครั้งใหญ่ที่สุดของ Bitkub คือเมื่อธนาคารที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศไทย (ธนาคารไทยพาณิชย์) ถอนตัวออกจาก ข้อตกลงซื้อขายกิจการมูลค่า 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อซื้อหุ้น 51% จากบริษัท นอกจากนี้ ในเดือนสิงหาคม 2022 ธนาคารอ้างถึงความกังวลด้านกฎระเบียบอันส่งผลถึงการตัดสินใจของธนาคารนที่สุด
ความคิดเห็นอันหลากหลายเกี่ยวกับการใช้คริปโตในประเทศไทย
การซื้อขายและการลงทุนในสินทรัพย์คริปโตเป็นที่นิยมอย่างมากในประเทศไทย แต่ธนาคารกลางและหน่วยงานกํากับดูแลทางการเงินที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลทหารมีทัศนคติที่แตกต่างออกไป
ก.ล.ต. ได้ยกระดับมาตรการควบคุมบริษัทคริปโต เมื่อเร็ว ๆ นี้และหัวหน้าธนาคารกลางได้ย้ำจุดยืนของพวกเขาว่าสินทรัพย์ดิจิทัลไม่ใช่เครื่องมือสำหรับชำระหนี้สินได้กฎหมายและไม่ควรใช้สําหรับการชําระเงินไม่ว่าจะในกรณีใด ๆ ในขณะที่กระทรวงการท่องเที่ยวไทยกําลังพยายามนิยามว่าประเทศไทยเป็นมิตรกับคริปโตเคอเรนซีเพื่อพยายามฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก
ข้อจำกัดความรับผิด
หมายเหตุบรรณาธิการ: เนื้อหาต่อไปนี้ไม่ได้สะท้อนถึงมุมมองหรือความคิเห็นของ BeInCrypto มันจัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้นและไม่ควรถูกตีความว่าเป็นคำแนะนำทางการเงิน กรุณาทำการวิจัยของคุณเองก่อนที่จะทำการตัดสินใจลงทุนใดๆ