คริปโตไทยถูกแบน กฎหมายที่ออกมาใหม่นี้เป็นเรื่องจริงหรือไม่? Raymond Hsu CEO และ Co-founder ของ Cabital กล่าว
หลายๆคนในวงการคริปโตคงเข้าใจว่าประเทศไทยได้กลายเป็นศูนย์กลางของคริปโตเมื่อประมาณปีที่แล้ว คล้ายๆกับที่ประเทศอังกฤษเป็น Hub ของ Crypto ของยุโรป
มีบริษัทหลายๆบริษัทในไทยได้ทำธุรกิจขุดเหมืองคริปโต และทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับคริปโตมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Bitkub, Kubix, JTS ซึ่งธนาคารกลางแห่งประเทศไทยได้แจ้งความเสี่ยงแก่ประชาชนทั่วไปถึง ความผันผวน ในตลาดให้แก่ผู้คน ประเทศได้กำหนดอัตราภาษีคริปโตที่ 15% และเราก็ได้เห็นการร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยจุฬาฯและ Tezos ในการสร้างหลักสูตรและแผนกวิจัย Blockchain ร่วมกัน
พวกอีเว้นต์ๆต่างๆก็มักจะจัดในประเทศไทย บริษัทคริปโตขนาดใหญ่ก็ตั้งอยู่ที่ประเทศไทยซึ่งทำให้กรุงเทพฯดูจะกลายเป็น Crypto Hub แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และแล้วก็มีข่าวดังซึ่งทำให้นักลงทุนทั่วโลกตกตะลึง
แบนการใช้คริปโต
แม้ว่าประเทศไทยจะเป็นประเทศที่มีอัตราส่วนของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเยอะมาก (ประมาณ 20.1% ของประชากรอายุ 16-64 ปี) กฎหมายของประเทศนี้ก็ไม่ได้เอื้ออำนวย ล่าสุด กลต. ได้ประกาศแบนการใช้คริปโตสำหรับการซื้อหรือขายสินค้า เริ่มต้นตั้งแต่ 1 เมษานี้
ข้ออ้างสำหรับการแบนนี้ก็คือ การใช้คริปโตจะส่งผลต่อการลดมูลค่าของสินค้า และการเหวี่ยงของราคา การฟอกเงิน และการโดนโจรกรรมทางออนไลน์
แต่นี้จะเป็นจุดจบของคริปโตในประเทศไทยหรือไม่? อาจจะยังไม่ใช่…
การแบนการใช้คริปโตในไทยนั้นเป็นสิ่งที่คาดเดากันได้อยู่แล้ว
ที่จริงแล้วการแบนการใช้คริปโตในไทยนั้นเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายขนาดนั้นเลยหรือไม่? ก็คงไม่หรอก รัฐบาลทุกประเทศต่างพยายามปกป้องสกุลเงินของตัวเอง การควบคุมเงินนั้นทำให้พวกเขาสามารถติดตาม กู้ พิมพ์เงิน เก็บภาษีได้ง่าย การเปิดโอกาสให้ใช้ Crypto เป็นสื่อกลางในการใช้จ่ายนั้นดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ทำให้ระบบเศรษฐกิจเดิมปั่นป่วนและอาจมีผลกระทบขนาดใหญ่ในอนาคตได้
ข่าวดีคือปัจจุบันบริษัทคริปโตในไทยก็ได้มีกฎหมายคริปโตเป็นลายลักษณ์อักษรแล้ว แต่ข้อเสียก็คือ กฎหมายที่ออกมาเช่นนี้จะขัดขวางการเกิด Innovation ใหม่ๆในอนาคตหรือไม่?
การแบนการใช้จ่ายด้วยคริปโตครั้งนี้จะขัดขวางการเติบโตของอุตสาหกรรมคริปโตที่กำลังเติบโตขึ้นในประเทศไทยหรือไม่? ในขณะที่ทั่วโลกกำลังจ้างผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับคริปโตทั่วโลก เปิดบริการต่างๆมากมาย เราคงต้องดูต่อไปว่ามันจะส่งผลเช่นไร
จากเหรียญสู่สินทรัพย์ทางดิจิตอล
ในขณะที่รัฐบาลได้ทำการแบนคริปโตสำหรับการใช้จ่ายสินค้าแทนเงินบาท แต่ไม่ได้กักกั้นในการใช้คริปโตเพื่อเป็นสินทรัพย์ทางเลือก
หมายความว่าประชาชนไทยยังสามารถที่จะถือ Crypto ไปได้ต่อและนักลงทุนก็ยังต่างซื้อ Bitcoin หรือคริปโตอื่นๆได้อยู่ ไม่ว่าจะเป็นการ Staking การ HODL หรือบริหารพอร์ทต่างๆ
ในขณะที่ประชาชนชาวไทยก็ยังพยายามที่จะหา Yield farming ที่สูงที่สุดในโลกคริปโต ไม่ว่าจะเป็นการซื้อเก็งกำไร NFTs, การซื้อ Land ใน Metaverse หรือผจญภัยไปยัง Metaverse ต่างๆนั้น Crypto ในปัจจุบันก็ยังไม่สามารถที่จะใช้จ่ายเพื่อซื้อสินค้าและบริการในโลกแห่งความจริงได้ ผู้คนพยายามใช้มันเพื่อหาความมั่งคั่งใน Internet มากกว่า
ประเทศไทยยังคงสนับสนุนการใช้ Crypto อยู่
เราอยากให้รู้ว่าปัจจุบันประเทศไทยยังคงสนับสนุน Cryptocurrency อยู่ เพียงแต่พยายามหาวิธีใช้ที่ไม่ทับกับเงินบาทเก่า ในขณะที่ประเทศก็พยายามสะสม Bitcoin เพื่อมา Back เป็นเงินสำรองประเทศอยู่โดยรัฐบาลกลาง
ประเทศไทยก็ได้ผ่อนผันภาษีคริปโตเกี่ยวกับการเทรดให้เริ่มต้นปี 2023 เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรม กรรมการ กลต ได้พูดว่ารัฐบาลพยายามอย่างเต็มที่เพื่อที่จะสนับสนุนวงการคริปโตไทย
ในขณะที่ประเทศไทยได้พยายามควบคุมการใช้คริปโต บริษัทคริปโตต่างๆทั่วโลกก็พยายามที่จะหาวิธีใช้มันอย่างแข็งขันทั่วโลก แต่ประชาชนคนไทยก็ชื่นชอบการลงทุนในคริปโตเป็นอย่างมากอ้างอิงจาก มูลค่าตลาดคริปโตในไทยทั้งหมดมีมูลค่าสูงถึง 4 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ
ข้อจำกัดความรับผิด
หมายเหตุบรรณาธิการ: เนื้อหาต่อไปนี้ไม่ได้สะท้อนถึงมุมมองหรือความคิเห็นของ BeInCrypto มันจัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้นและไม่ควรถูกตีความว่าเป็นคำแนะนำทางการเงิน กรุณาทำการวิจัยของคุณเองก่อนที่จะทำการตัดสินใจลงทุนใดๆ