กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้เตือนว่าประเทศอย่างรัสเซียและอิหร่านสามารถใช้สกุลเงินดิจิทัลเพื่อหลีกเลี่ยงการคว่ำบาตรได้
ในรายงานของ IMF เผยว่าประเทศต่างๆ สามารถใช้ประโยชน์จากแหล่งพลังงานส่วนเกิน ซึ่งพวกเขาไม่สามารถส่งออกได้ ไปสู่การขุดพลังงานซึ่งเป็นวิธีการซึ่งต้องใช้พลังงานจำนวนมากเพื่อทำให้การทำธุรกรรมคริปโตนั้นสมบูรณ์ หลังจากการรุกรานยูเครนของรัสเซีย มหาอำนาจตะวันตกหันไปใช้มาตรการคว่ำบาตรอย่างแพร่หลาย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกดดัน Kremlin ให้ออกห่างจากการใช้ปฏิบัติการทางทหาร
IMF เตือนประเทศต่างๆ สามารถขยายการทำเหมืองได้
รายงานของกองทุนการเงินระหว่างประเทศระบุว่าในขณะที่การหลีกเลี่ยงการคว่ำบาตรผ่านการขุดคริปโตนั้นไม่ใช่ประเด็นใหญ่ในวันนี้ รัฐบาลประเทศต่าง ๆ สามารถขยายการดำเนินการขุดในอนาคตเพื่อสร้างรายได้จากค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมได้
ไม่นานหลังจากการคว่ำบาตรมีผลบังคับใช้ ฝ่ายนิติบัญญัติระบุว่า การใช้เงินดิจิทัลเป็นวิธีที่เป็นไปได้ที่รัสเซียจะสามารถเลี่ยงการคว่ำบาตรระหว่างประเทศได้ และวุฒิสมาชิกสหรัฐ Elizabeth Warren ได้เสนอร่างกฎหมายเพื่อบังคับใช้การคว่ำบาตรของสหรัฐอเมริกาในอุตสาหกรรมคริปโตทั่วโลก
Christine Lagarde ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวเมื่อเดือนที่แล้วว่ามีหลักฐานบ่งชี้ว่าชาวรัสเซียต่างพากันแลกเปลี่ยนรูเบิลเป็นสกุลเงินดิจิทัลหรือ Stablecoin
“เมื่อคุณเห็นปริมาณเงินรูเบิลที่ทยอยกลายเป็นเงิน Stable หรือเงินคริปโตแล้ว จะรู้ว่านี่คือระดับสูงสุดที่เราเคยเห็นมาตั้งแต่ปี 2021” เธอเผยในการประชุมออนไลน์
ในขณะนั้น ผู้เล่นในอุตสาหกรรมคริปโตจำนวนมาก หนึ่งในนั้นคือ Michael Chobanian ประธานสมาคมบล็อคเชนของยูเครน ตั้งคำถามจากขออ้างของ Lagarde และเจ้าหน้าที่ของรัฐอย่าง Warren โดยกล่าวว่า “ผมเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังตัวเลขทั้งหมดและรู้ว่าสิ่งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร และเป็นไปไม่ได้เลยที่จะโอนเงินเงินจำนวนมากจากสกุลเงินในโลกปกติไปเป็นสกุลดิจิทัล”
Jonathan Levein ผู้ร่วมก่อตั้ง Chainalysis กล่าวว่าไม่มีหลักฐานบ่งชี้ว่ารัสเซียหรือประธานาธิบดี Vladimir Putin กำลังใช้เงินดิจิทัลเพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัดทางการเงินเหล่านี้
บุคคลที่ถูกคว่ำบาตรจะหาทางปิดบังทรัพย์สินของตนเอง
กระทรวงการคลังแห่งสหรัฐอเมริกากล่าวว่าบุคคลหรือบริษัทที่ถูกคว่ำบาตรจะต้องดิ้นรนเพื่อปิดบังความมั่งคั่งของตนเองผ่านการใช้เงินดิจิทัล “แม้แต่ในหมู่ชนชั้นสูง การฟอกเงินหลายพันล้านดอลลาร์โดยใช้กระเป๋าเงินดิจิทัลจะเผยให้เห็นการใช้เงินของพวกเขาในตลาดคริปโตอยู่ดี” โฆษกกระทรวงการคลังกล่าวกับ DW
นอกจากนี้ Carole House ผู้อำนวยการด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ของสภาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ กล่าวว่า “ปริมาณเหรียญที่รัสเซียจะต้องใช้เพื่อให้ประสบความสำเร็จในการหลีกเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรทางการเงินโดยสหรัฐฯ และพันธมิตรทั้งหมด แทบจะทำให้สกุลเงินดิจิทัลเป็นเครื่องมือหลักที่ไม่มีประสิทธิภาพสำหรับรัฐไปเลย”
Chainalysis ยังแย้งว่าจากการใช้แทบทุกตัวชี้วัด ตลาดคริปโตยังคงขาดสภาพคล่องเพื่อรองรับการหลีกเลี่ยงการคว่ำบาตรของรัสเซีย
“ผลการวิจัยของเราชี้ให้เห็นว่าตลาดไม่มีสภาพคล่องเพียงพอที่จะรองรับการเคลื่อนไหวของผู้คนนับแสนล้านที่ควบคุมโดยผู้มีอำนาจของรัสเซียซึ่งถูกคว่ำบาตร” บริษัทกล่าวในบล็อกโพสต์ของตนเอง
นอกจากนี้ Changpeng Zhao ผู้เป็น CEO ของ Binance สรุปสถานการณ์อย่างกระชับในการให้สัมภาษณ์กับ Guardian ว่า “เงินดิจิทัลนั้นเล็กเกินไปสำหรับรัสเซีย หากเราดูการใช้งานเงินดิจิทัลในวันนี้ อาจมีประมาณ 3% ของประชากรโลกที่เคยใช้งานเงินดิจิทัลบางประเภทบ้าง (เช่น ถือครองเงินดิจิทัลบางสกุล) ทั้งนี้ ส่วนใหญ่มีมูลค่าสุทธิเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบเป็นสกุลเงินคริปโต ตอนนี้ มูลค่าสุทธิทั่วโลกอาจจะคิดเป็นเพียงแค่น้อยกว่า 0.3% ในเงินสกุลคริปโต ซึ่งอัตรานี้เทียบเท่าได้พอดีกับรัสเซีย”
ข้อจำกัดความรับผิด
หมายเหตุบรรณาธิการ: เนื้อหาต่อไปนี้ไม่ได้สะท้อนถึงมุมมองหรือความคิเห็นของ BeInCrypto มันจัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้นและไม่ควรถูกตีความว่าเป็นคำแนะนำทางการเงิน กรุณาทำการวิจัยของคุณเองก่อนที่จะทำการตัดสินใจลงทุนใดๆ