สถาบันสินเชื่อคริปโต Hodlnaut ได้หยุดให้บริการเบิกถอนเงิน การแลกเปลี่ยนโทเค็น และการฝากเงินสําหรับผู้ใช้งานเป็นที่เรียบร้อย โดยระบุว่าตนต้องประสบกับ “การตัดสินใจที่ยากลําบาก” โดยได้รับแรงหนุนจาก “สภาวะล่าสุดของตลาดคริปโต”
“เราต้องการให้คุณมั่นใจว่าการตัดสินใจอันยากลําบากครั้งนี้เกิดขึ้นเพื่อให้เรามุ่งเน้นไปที่การรักษาเสถียรภาพของสภาพคล่องและรักษาสินทรัพย์ของเรา ในขณะที่เราพยายามหาวิธีที่ดีที่สุดในการปกป้องผลประโยชน์ระยะยาวของผู้ใช้งานแพลตฟอร์มของเรา” ผู้ให้กู้รายนี้**กล่าว**ในแถลงการณ์
Hodlnaut ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับ Celsius
แพลตฟอร์มอื่น ๆ อีกหลายแห่งเปิดเผยว่าพวกเขากําลัง**ประสบปัญหาสภาพคล่อง** กล่าวคือ ศาล**สูงของสิงคโปร์**เพิ่งอนุญาตให้ Vauld ผู้ให้กู้คริปโตอีกรายที่มีปัญหาเรื่องการเงินได้รับการคุ้มครองสามเดือนจากเจ้าหนี้
วิกฤตครั้งนี้ในอุตสาหกรรมคริปโตเกิดขึ้นหลังจากการล่มสลายของ Terra สถานการณ์ความยากลำบากของ Celsius Network และปัญหาเรื่องเงินกู้ของ Three Arrows Capital โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการล้มละลายของศาล ที่เผยว่า Hodlnaut ถือเป็นหนึ่งในลูกค้ารายสถาบันของ Celsius
มีรายงานว่า Hodlnaut แจ้งให้ Monetary Authority of Singapore (MAS) ทราบว่าหน่วยงานของตนกำลังเถิกถอนใบสมัครเพื่อขออนุญาตกระทำการที่เกี่ยวข้องกับการใช้โทเค็นดิจิทัลเพื่อใช้ชำระเงินแบบที่ถูกกำกับดูแล (DPT) การกระทำดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า Hodlnaut จะหยุดให้บริการสินเชื่อ การกู้ยืม และบริการแลกเปลี่ยนโทเค็นในฐานะผู้ให้บริการคริปโต และการทำธุรกรรมภายในระหว่างบัญชี Hodlnaut ด้วยกันจะถูกระงับเช่นเดียวกัน
ในขณะเดียวกัน ผู้ใช้งานยังคงสามารถเข้าถึงใบแจ้งยอดบัญชีของตนได้ แต่แพลตฟอร์มยังไม่ได้แจ้งระยะเวลาที่ชัดเจนว่าบริการเบิกถอนเงินจะกลับมาอีกครั้งเมื่อใด แต่สิ่งที่แน่ชัดคือสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นจะเป็น “กระบวนการอันยาวนาน”
ในขณะเดียวกัน ทางแพลตฟอร์มยังคงเปิดช่องทางการสื่อสารที่จํากัดและได้ให้คํามั่นว่าจะแจ้งให้ทราบความคืบหน้าในวันที่ 19 สิงหาคมในบล็อกของตนอย่างเป็นทางการ
“เรากําลังดําเนินการอย่างแข็งขันเกี่ยวกับแผนฟื้นฟูที่เราหวังว่าจะให้ข้อมูลอัปเดตและรายละเอียดโดยเร็วที่สุด เรากําลังปรึกษากับ Damodara Ong เกี่ยวกับความเป็นไปได้และระยะเวลาของแผนปฏิบัติการที่เราตั้งใจไว้ และกําลังวางกลยุทธ์แผนฟื้นฟูของเราโดยคํานึงถึงประโยชน์สูงสุดของผู้ใช้” Hodlnaut กล่าว
ผู้ใช้ทุกคนถูกขอให้งดเว้นจากการฝากเงินเพิ่ม แต่ทางแพลตฟอร์มได้ระบุว่า “จะยังคงจ่ายดอกเบี้ยที่ได้รับตามอัตราเหล่านี้ทุกวันจันทร์จนกว่าจะมีประกาศเพิ่มเติม”
นักวิจัยกล่าวหาว่าสถาบันสินเชื่อรายนี้โกหกและบิดเบือนความจริง
ข้อมูลจากนักวิจัยคริปโต FatMan กล่าวว่า Hodlnaut ถูกกล่าวหาว่า “โกหก” และ “บิดเบือนความเสี่ยงในการลงทุนใน stablecoin” โดยการทำให้ตัวเองดูน่าเชื่อถือในสายตาของลูกค้า
FatMan จาก Terra Research Forum อ้างว่าการจัดการอัตราความรับผิดชอบและการปฏิเสธคําขอสินเชื่อของ 3AC หลังจากได้รับ**การอนุมัติจาก MAS** เป็นความคืบหน้าที่น่าประทับใจ นักวิจัยกล่าวว่า “อัตราราคา 14% บนแพลตฟอร์ม CeFi นั้นสูงมากสําหรับ Stablecoin โดยสูงกว่าที่ 3AC ให้บริการบนแพลตฟอร์มการให้กู้ยืมคริปโตของตน”
จากการอ้างผู้แจ้งเบาะแสที่ไม่ระบุชื่อ ซึ่งกล่าวว่าผู้ให้กู้รายนี้มีปฏิสัมพันธ์กับ UST อย่างมีนัยสําคัญในระหว่างการถอนหมุดราคา นอกจากนี้ FatMan ยังโต้แย้งข้อยืนยันของ Hodlnaut ว่าพวกเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับ Anchor
จากการวิเคราะห์ของ FatMan ในช่วงที่ถอนหมุดราคา กระบวนการต่าง ๆ เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และผู้ให้กู้เริ่มให้บริการ bETH **เป็นหลักทรัพย์**แก่ Anchor และนําเงินกู้ UST ออกมาเป็นเงินหลายล้านเพื่อโอนเงินไปยัง Binance
นอกจากนี้ นักวิจัยรายนี้ยังกล่าวหาว่าพวกเขาเริ่มเผา UST สําหรับ LUNA และส่งไปยังแพลตฟอร์มคริปโตต่าง ๆ ซึ่งอาจใช้ประโยชน์จากความเหลื่อมล้ำของราคาที่ปรากฎชัดเจนในขณะนั้น
อย่างไรก็ตาม Hodlnaut อาจไม่ใช่แพลตฟอร์มเดียวที่หลีกเลี่ยงกฎระเบียบ “ความจริงก็คือหลายแพลตฟอร์ม CeFi เหล่านี้ไร้ความรับผืดชอบมากขึ้น ทั้งยัง เสื่อมโทรมกว่าที่คุณสามารถจินตนาการ และประชาชนจําเป็นต้องรับรู้ความเสี่ยงที่ “แท้จริง” จาก Stablecoin APY ถึง 8% ซึ่งดูราวกับเป็นเวทมนตร์” FatMan เสริม
“นี่เป็นฤดูการแห่งการดูแลตัวเอง ความนิยมกำลังเสื่อมถอยลง อย่าเป็นรายต่อไปที่ถูกจับไปทำโทษ” นักวิจัยคนดังกล่าวเตือน
การระงับบริการเบิกถอนส่งผลกระทบอย่างไรต่อตลาด
แพลตฟอร์ม Hodnault ซึ่งจัดตั้งขึ้นในปี 2019 นั้นได้เปิดเผยใน**เดือนกุมภาพันธ์** 2022 ว่าสินทรัพย์ภายใต้การจัดการ (AUM) มีทะลุ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แต่ Mikkel Morch ผู้อํานวยการบริหารของกองทุนเพื่อการลงทุนคริปโต ARK36 บอกกับ Bloomberg ว่า “Hodlnaut เป็นบริการที่ค่อนข้างเล็ก ดังนั้น เราจึงไม่คาดหวังว่าข่าวนี้จะมีผลกระทบที่เห็นได้ชัดเจนต่อราคาของสินทรัพย์หลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เนื่องจากตลาดแสดงโครงสร้างที่ดู “รั้น” กว่าที่เคยถกเถียงกันมากกว่าที่พวกเขาเคยทํากันเมื่อเกิดการเหยีบย่ำหนี้สินคริปโตนับตั้งแต่มิถุนายน 2022”
ข้อจำกัดความรับผิด
หมายเหตุบรรณาธิการ: เนื้อหาต่อไปนี้ไม่ได้สะท้อนถึงมุมมองหรือความคิเห็นของ BeInCrypto มันจัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้นและไม่ควรถูกตีความว่าเป็นคำแนะนำทางการเงิน กรุณาทำการวิจัยของคุณเองก่อนที่จะทำการตัดสินใจลงทุนใดๆ