การเพิ่มขึ้นของเงินที่ถูกขโมยไปจากโปรโตคอลการเงินแบบไร้ตัวกลางควบคุม (DeFi) ได้ส่งการสูญเสียจากการแฮ็กคริปโตที่พุ่งสูงขึ้นเกือบ 60% ในช่วงเจ็ดเดือนแรกของปี
ระหว่างเดือนมกราคมถึงกรกฎาคม 2022 เงินที่ถูกขโมยจากการแฮ็กคริปโตเคอเรนซีคิดเป็นมูลค่า 1.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเพิ่มขึ้นจาก 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ตามบล็อกโพสต์จาก Chainalysis
บริษัทวิเคราะห์บล็อกเชนแห่งนี้ระบุว่าแนวโน้มดังกล่าวไม่น่าจะกลับมาอยู่สภาวะปกติได้ในระยะสั้น เนื่องจากการแฮ็ก Cross-chain Bridge อย่าง Nomad มูลค่า 190 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และการแฮ็กวอลเล็ต Solana หลายบัญชี มูลค่า 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐได้เกิดขึ้นแล้วในสัปดาห์แรกของเดือนสิงหาคม
“โปรโตคอล DeFi มีความเสี่ยงเป็นพิเศษต่อการแฮ็ก เนื่องจากโค้ดโอเพนซอร์สของพวกเขาสามารถถูกใช้ศึกษาซ้ำไปซ้ำมาจนอาจเป็นอัตรายโดยอาชญากรไซเบอร์ที่กําลังมองหาเส้นทางการแสวงหาประโยชน์ และเป็นไปได้ว่านี่เป็นแรงจูงใจของโปรโตคอลในการเข้าถึงตลาดและเติบโตอย่างรวดเร็ว นําไปสู่การหละหลวมในนโยบายปฏิบัติด้านการรักษาความปลอดภัย” Chainalysis กล่าวในบล็อก
Chainalysis กล่าวถึงกิจกรรมที่ผิดกฎหมายส่วนใหญ่ของ “ผู้ไม่หวังดี” ที่เกี่ยวข้องกับเกาหลีเหนือ เช่น กลุ่ม Lazarus ชื่อดัง ตามการประมาณการ กลุ่มพันธมิตรเกาหลีเหนือได้โจรกรรมเงินดิจิทัลประมาณ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐจากโปรโตคอล DeFi ตลอดปี 2022 นี้
การต้มตุ๋นในโลกคริปโต
ในขณะเดียวกัน การต้มตุ๋นในโลกคริปโตเป็นอิสระจาก DeFi เนื่องจากมูลค่าของ DeFi ลดลง 65% อย่างรวดเร็วในเดือนกรกฎาคม เนื่องจากราคาสินทรัพย์ดิจิทัลลดลง
รายได้จากการโจรกรรมของปีนี้ถึงเดือนกรกฎาคมสูงถึง 1.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเท่านั้นเทียบกับ 4.46 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว
“การหลอกลวงลดลงอย่างเห็นได้ชัดเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำของโลกคริปโต และยังเป็นเพราะการบังคับใช้กฎหมายจํานวนมากที่ชนะนักต้มตุ๋นและผลิตภัณฑ์โซลูชันที่แพลตฟอร์มคริปโตสามารถใช้เพื่อต่อสู้กับนักต้มตุ๋นได้” Kim Grauer ผู้อำนวยการการวิจัยของ Chainalysis กล่าว
จากการวิจัย พบว่ารายได้ที่เกี่ยวข้องกับการต้มตุ๋นลดลงตามราคาของ Bitcoin ตั้งแต่ต้นปี นอกเหนือจากผลตอบแทนที่ลดลงจากการต้มตุ๋นแล้ว จํานวนการโอนเงินส่วนบุคคลที่คิดเป็นหยอดการต้มตุ๋นสะสมยังลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบสี่ปี
“ตัวเลขเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่ามีคนจํานวนน้อยลงกว่าเดิมที่ตกเป็นเหยื่อของการต้มตุ๋นในโลกดิจิทัล” Chainalysis ระบุในรายงาน “เหตุผลหนึ่งอาจเป็นเพราะเมื่อราคาสินทรัพย์ลดลง การต้มตุ๋น ซึ่งโดยทั่วไปจะนําเสนอตัวเองว่าเป็นโอกาสในการลงทุนคริปโตแบบพาสซีฟพร้อมผลตอบแทนมหาศาลที่สัญญาไว้อย่างมหาศาล กลายเป็นสิ่งที่ดูย้ำยวนใจน้อยลง”
สําหรับการวิเคราะห์ Bitcoin (BTC) ล่าสุดของ Be[In]Crypto คลิกที่นี่
ข้อจำกัดความรับผิด
หมายเหตุบรรณาธิการ: เนื้อหาต่อไปนี้ไม่ได้สะท้อนถึงมุมมองหรือความคิเห็นของ BeInCrypto มันจัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้นและไม่ควรถูกตีความว่าเป็นคำแนะนำทางการเงิน กรุณาทำการวิจัยของคุณเองก่อนที่จะทำการตัดสินใจลงทุนใดๆ