ความเคลื่อนไหวรุนแรงของ Bitcoin เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม ทำให้นักเทรดส่วนใหญ่คาดไม่ถึง โดยในวันเดียว BTC พุ่งขึ้นถึงประมาณ 90,500 USD ก่อนจะกลับตัวลงอย่างแรงและไหลลงมาที่ประมาณ 85,200 USD จากจุดสูงสุดถึงจุดต่ำสุด มีความผันผวนเกิน 5% หรือประมาณ 5,000 USD
สถานการณ์ครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากข่าวสาร แต่เกิดจากโครงสร้างตลาด แผนภูมิสามรูปอธิบายว่าทำไมเหตุการณ์นี้จึงเกิดขึ้น เหตุใดจึงหยุดที่จุดนั้น และเหตุใดความผันผลลักษณะเดียวกันจึงยังมีโอกาสเกิดขึ้นอีก
Sponsoredการวิเคราะห์ปริมาณชี้ความเสี่ยงก่อนราคาตก
ก่อนจะเกิดการเทขาย ราคาของ BTC แสดงสัญญาณความตึงเครียดอยู่แล้ว ระหว่างวันที่ 15 ถึง 17 ธันวาคม ราคาของ Bitcoin สร้างจุดต่ำสุดใหม่ที่สูงขึ้นในกราฟรายวัน ซึ่งดูเหมือนว่าราคาจะเสถียร แต่ตัวชี้วัด On-Balance Volume (OBV) กลับบอกอีกเรื่องหนึ่ง
OBV ใช้ติดตามปริมาณการซื้อขายเพื่อยืนยันการเคลื่อนไหวของราคา ในช่วงเวลาดังกล่าว OBV ไม่สามารถขึ้นตามราคาที่เพิ่มขึ้นได้ กลับทำจุดต่ำสุดที่ต่ำลง ซึ่งความแตกต่างขัดแย้งนี้บ่งชี้ถึงการกระจายตัว พูดง่ายๆ คือ ราคาดูเหมือนแข็งแกร่ง แต่ปริมาณการซื้อขายกำลังไหลออกแบบเงียบๆ
อยากได้บทวิเคราะห์เหรียญแบบนี้เพิ่มเติมใช่หรือไม่ ลงทะเบียนรับจดหมายข่าว Daily Crypto ของ Editor Harsh Notariya ได้ที่ ที่นี่
เมื่อ Bitcoin พุ่งแตะ 90,500 USD ก็ทำได้ด้วยการเข้าร่วมที่เบาบาง ซึ่งทำให้การปรับขึ้นนั้นเปราะบาง และเมื่อมีแรงขายเริ่มขึ้น ก็ไม่มีปริมาณรองรับด้านล่าง ส่งผลให้การปรับฐานกลายเป็นการเหวี่ยงตัวแรงแบบวันเดียว
ในตลาด คำว่า whiplash หมายถึงการเคลื่อนไหวขึ้นอย่างรวดเร็วตามด้วยการร่วงลงแรงทันที หรือในทางกลับกัน
Sponsored Sponsoredแผนที่ความร้อนต้นทุนเผยสาเหตุที่ USD90,500 ถูกปฏิเสธและ USD85,200 ยังยึดไว้
ข้อมูลต้นทุนบนเครือข่ายอธิบายจุดกลับตัวอย่างแม่นยำ
แผนภูมิฮีตแมปแสดงการกระจุกตัวของซัพพลายหนาแน่นระหว่าง 90,168 USD ถึง 90,591 USD และมี BTC ประมาณ 115,188 เหรียญสะสมในโซนนี้ เมื่อราคากลับเข้ามาในช่วงดังกล่าว นักลงทุนจำนวนมากแต่ละรายต่างถึงจุดคุ้มทุน
สิ่งนี้อาจสร้างแรงกดดันในการขายทันที และเมื่อรวมกับความอ่อนแอของ OBV ทำให้คลัสเตอร์นี้กลายเป็นเหมือนเพดาน ดังนั้น ราคาที่ปรับตัวขึ้นจึงหยุดลงแล้วกลับตัว
หากพิจารณาด้านขาลง เรื่องราวก็เปลี่ยนไป
Sponsoredคลัสเตอร์ที่แข็งแกร่งอีกกลุ่มหนึ่งอยู่ระหว่าง USD 84,845 ถึง USD 85,243 โดยจุดนี้นับว่าเป็นแนวรับเข้มข้นที่สุดในกราฟระยะใกล้ และเมื่อราคาลดลง ผู้ซื้อก็เข้ามาอย่างรวดเร็วที่บริเวณนี้ นั่นคือเหตุผลที่ราคาบิทคอยน์ไม่ได้ร่วงลงไปมากกว่านี้ แม้ในช่วงที่เกิดการบังคับขายทำลายสัญญา
ดังนั้น การเคลื่อนไหวจึงถูกจำกัดให้อยู่ในกรอบ โดยผู้ขายปกป้องแนวต้านที่ USD 90,500 ขณะที่ผู้ซื้อปกป้องแนวรับที่ USD 85,200 ทำให้ความผันผวนเกิดขึ้นภายในกรอบนี้
ระดับราคา Bitcoin กำหนดว่า ความผันผวนจะกลับมาหรือไม่
ในเชิงโครงสร้าง บิทคอยน์ยังคงรักษาขาขึ้นอ่อนๆ หลังจากจุดต่ำสุดวันที่ 21 พฤศจิกายน ซึ่งถือว่าเป็นจุดสำคัญ เหตุการณ์ความผันผวนเมื่อวานนี้ยังอยู่ในกรอบเดิม
Sponsored Sponsoredถ้าราคาจะกลับไปขาขึ้นต่อเนื่อง ต้องมีจุดที่ควรจับตา โดยบิทคอยน์ต้องปิดราคาแบบ daily close เหนือ USD 90,500 ให้ชัดเจน ซึ่งระดับนี้ยังไม่เคยถูกยึดคืนตั้งแต่ 13 ธันวาคม หากยังไม่สามารถปิดได้เหนือระดับนี้ การปรับตัวขึ้นใดๆ ก็ยังมีความเสี่ยงที่จะถูกปฏิเสธอีกครั้ง
เหนือกว่านั้น ช่วง USD 92,200 ถึง USD 92,300 ก็จะกลายเป็นแนวสำคัญอีกจุดหนึ่ง ข้อมูล on-chain แสดงให้เห็นว่ามีคลัสเตอร์ซัพพลายอีกกลุ่มอยู่ที่นั่น ซึ่งเทรดเดอร์ควรคาดว่าจะมีแรงต้านเกิดขึ้น เว้นแต่ราคาจะสามารถทะลุผ่านโซนนี้ไปได้อย่างเด็ดขาด และเทรดเดอร์ที่อ่านอยู่อาจพิจารณาการรอปิดแท่งรายวันแบบเต็มแท่งเหนือระดับสำคัญบนกราฟ แทนที่จะเข้าซื้อในแบบเบรกเอาต์ชั่วคราวด้วยไส้แท่งเทียน
ในด้านขาลง USD85,000-USD85,200 ยังคงเป็นโซนหลักที่สำคัญ เพราะตราบใดที่กรอบนี้ยังไม่ถูกเจาะ ก็มีแนวโน้มว่าราคาจะไม่ลงลึกมากนัก แต่หากราคาหลุดบริเวณนี้ จะเปิดทางให้ราคาลงไปที่ USD83,800 ได้ อย่างไรก็ตาม การหลุด USD85,000 ต้องมีแรงขายใหม่เข้ามาช่วยดันราคาลง
จุดสำคัญที่คุณควรจำคือ ราคาบิตคอยน์ที่ปรับผันผวนกว่า 5% ไม่ได้เกิดขึ้นแบบสุ่ม เพราะมันเกิดจากปริมาณซื้อขายที่เบาบาง อุปทานที่หนาแน่นในระดับต้นทุนที่หลายคนรู้จัก และสภาพคล่องที่ตึงตัว ดังนั้น ตราบใดที่โครงสร้างเหล่านี้ยังไม่เปลี่ยนไป การเคลื่อนไหวแรง ๆ แบบนี้ ก็จะยังคงเป็นส่วนหนึ่งของตลาดคริปโตต่อไป