ราคา Chainlink (LINK) ยังไม่ขยับ แม้ไม่มีการไหลออกจาก ETF ในสหรัฐฯ ปัจจัยใดอาจเปลี่ยนทิศทางตลาด

Chainlink ETF ของ Grayscale ยังไม่เคยมีเงินไหลออกแม้แต่ครั้งเดียวตั้งแต่เปิดตัว และสะสมเงินไหลเข้าสุทธิแล้วถึง 54.69 ล้าน USD ขณะเดียวกัน การสะสมของวาฬก็ยังคงแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง

แม้จะมีสัญญาณบวกเหล่านี้ แต่ราคาของ LINK ยังคงปรับตัวลดลง นักวิเคราะห์จึงชี้ถึงปัจจัยสำคัญที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งอาจสนับสนุนการเติบโตของเหรียญ altcoin นี้

Chainlink ETF ดึงดูดความสนใจจากสถาบันอย่างต่อเนื่อง

BeInCrypto รายงานก่อนหน้านี้ว่า Chainlink ETF แบบ spot แห่งแรก เคยเปิดตัวเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม ที่ตลาด NYSE Arca โดยในวันเปิดตัว กองทุนบันทึกยอดเงินไหลเข้า 37.05 ล้าน USD นับตั้งแต่นั้น ก็ไม่เคย มีเงินไหลออกเลยแม้แต่ครั้งเดียว แม้ว่าจะมีบางวันที่ทุนไหลเข้าสุทธิเป็นศูนย์ถึงสามครั้งก็ตาม

อ้างอิงข้อมูลจาก SoSoValue ETF มีเงินไหลเข้าสุทธิ 2.02 ล้าน USD ในวันที่ 15 ธันวาคม ที่น่าสนใจคือ ยอดเงินไหลเข้ารวมของกองทุนนี้ ได้แซงหน้า ETF altcoin รายอื่นแล้ว รวมถึง Dogecoin และ Litecoin ทั้งที่ ETF เหล่านั้นเปิดตัวเร็วกว่ามาก

ขณะเดียวกัน ความต้องการใน ETF ของบิตคอยน์และอีเธอเรียมอ่อนกำลังลง ในวันที่ 15 ธันวาคม ETF บิตคอยน์มีเงินไหลออกสุทธิ 357.69 ล้าน USD ส่วน ETF อีเธอเรียมมีเงินไหลออก 224.78 ล้าน USD ท่ามกลางสถานการณ์นี้ ETF ของ Chainlink ก็ยังคงรักษาทิศทางที่เป็นกลางถึงเชิงบวกไว้ได้

นอกจากกระแสเงินใน ETF แล้ว ข้อมูลออนเชนยังแสดงให้เห็นการสะสมอย่างโดดเด่นในหมู่นักถือโทเคนรายใหญ่ของ Chainlink แพลตฟอร์มวิเคราะห์อย่าง Santiment รายงานว่า 100 กระเป๋าใหญ่ที่สุด ได้สะสม LINK ไปแล้ว 20.46 ล้านเหรียญ นับตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 263 ล้าน USD แสดงถึงความเชื่อมั่นที่แข็งแกร่งจากนักลงทุน

นักวิเคราะห์เผยปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อ LINK แม้ราคา USD ลดลง

อย่างไรก็ตาม ราคาของ LINK ก็ยังไม่ได้สะท้อนถึงโมเมนตัมนี้ ข้อมูลจาก BeInCrypto Markets แสดงให้เห็นว่า altcoin นี้ได้ปรับตัวลดลง 11.1% ตลอดเดือนที่ผ่านมา

แนวโน้มขาลงยังคงต่อเนื่องในวันนี้ โดยที่ LINK ลดลงอีก 6% ควบคู่กับแรงขายในตลาดที่กว้างขึ้น ในขณะที่กำลังเขียนนี้ coin กำลังซื้อขายอยู่ที่ 12.78 USD

นักวิเคราะห์ตลาดได้ระบุถึงปัจจัยกระตุ้นที่อาจสนับสนุนราคาของ Chainlink เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา ได้ออกจดหมายไม่มีการดำเนินการให้กับ Depository Trust Company พร้อมอนุมัติโครงการนำร่องระยะเวลา 3 ปีสำหรับการโทเคนสินทรัพย์

แม้ว่ายังไม่ได้ตัดสินใจเลือกโปรโตคอลบล็อกเชนสำหรับโครงการริเริ่มนี้ แต่นักวิเคราะห์เชื่อว่า Chainlink อาจกลายเป็นคู่แข่งสำคัญ ซึ่งจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับกรณีการใช้งานในระดับสถาบันอย่างมีนัยสำคัญ

ท้ายที่สุดแล้ว ETH และ LINK ถือเป็นรากฐานสำคัญของอนาคตการซื้อขายแบบ on-chain ที่เชื่อมโยงกับสินทรัพย์ในโลกจริงเป็นระดับควิลเลียนส์ หากหลักวิทยานี้เป็นจริง ทางแก้ที่เรียบง่ายก็คือซื้อสินทรัพย์เหล่านี้เมื่อมันราคาถูกแล้วรอ ผู้วิเคราะห์รายหนึ่ง กล่าวไว้

นอกจากนี้ ในแนวโน้มตลาดปี 2026 Grayscale ได้เน้นย้ำว่า LINK อาจได้รับประโยชน์จากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของ stablecoins, การโทเคนสินทรัพย์ และการประยุกต์ใช้ decentralized finance

ด้วยเหตุนี้ ถึงแม้ราคาของ LINK จะยังคงถูกกดดันในระยะสั้นแต่การไหลเข้าของ ETF อย่างต่อเนื่อง การสะสมโดยวาฬที่เข้มแข็ง และการใช้งานในสถาบันที่เพิ่มขึ้น ล้วนแสดงให้เห็นถึงความต้องการพื้นฐานที่ยังคงอยู่ เมื่อการโทเคนสินทรัพย์และการเงิน on-chain ยังคงพัฒนา ปัจจัยเหล่านี้ก็น่าจะมีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้ราคา Chainlink เคลื่อนไหวครั้งใหญ่ครั้งต่อไป