Circle ซึ่งเป็นบริษัทที่อยู่เบื้องหลัง USDC ซึ่งเป็น Stablecoin ที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกอยู่ใน “สถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งที่สุด” เท่าที่เคยมีมา ตามรายงานของ CEO Jeremy Allaire
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเนื่องจาก Stablecoins อยู่ภายใต้การตรวจสอบที่เพิ่มขึ้นหลังจากการล่มสลายของ UST stablecoin ของ Terra ในเดือนพฤษภาคม โดยผู้สังเกตการณ์เรียกร้องให้สินทรัพย์ที่สนับสนุนสกุลเงินดิจิทัลที่ใช้เงินดอลลาร์ตรึงมูลค่านั้นมีความโปร่งใสมากขึ้น
Allaire กล่าวว่า Circle มีเงินทุนและสภาพคล่องที่แข็งแกร่ง ความกังวลของตลาดที่ผ่อนคลายลงทําให้ต้องใช้จ่ายหลายล้านดอลลาร์ โดยจ่ายให้กับธนาคารบางแห่งในอัตราที่แน่นอนเพื่อให้ยังถือครองสินทรัพย์ของพวกเขาได้ นอกจากนี้ยังมีความกังวลเกิดขึ้นเกี่ยวกับแนวทางการให้สินเชื่อของบริษัท
“มีความสับสนระหว่างทุนสํารองของ USDC ซึ่งมีการควบคุม ตรวจสอบ และโปร่งใส และ USDC ที่ใช้ในตลาดสินเชื่อ ซึ่งห่างไกลจากบริการของ Circle” Allaire โพสต์ข้อความบน Twitter เมื่อวันเสาร์
“แต่สาระสําคัญนั้นคือการที่ Circle Yield ถูกกำกับดูแล มีหลักประกันมากเกินไป และถูกให้บริการเป็นหลักทรัพย์ให้กับนักลงทุนที่ได้รับการรับรองเท่านั้น และมีแนวทางการทำ UW ที่อนุรักษ์นิยมมาก เราจึงไม่มีปัญหาใด ๆ”
“Circle อยู่ในสถานภาพทางการเงินที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เคยมีมา และเราจะเพิ่มความโปร่งใสของเราต่อไป นอกจากนี้เรายังได้รับการสนับสนุนจากกรอบการกํากับดูแลที่เกิดขึ้นใหม่สําหรับผู้ออก Stablecoin ซึ่งจะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ออกตราสาร เช่น Circle เป็นต้น”
Allaire จาก USDC สัญญาว่าจะเพิ่มความโปร่งใสในเงินทุนสํารอง
Circle ได้ออกรายงาน “การรับรอง” รายเดือนเกี่ยวกับสินทรัพย์ของบริษัทตั้งแต่เปิดตัวในเดือนกันยายน 2018 กล่าวคือ ในเดือนพฤษภาคม หลังจากการล่มสลายของบล็อกเชน Terra ทางบริษัทฯ สัญญาว่าจะมีความโปร่งใสมากขึ้นว่าด้วยการดําเนินงาน และเริ่มรายงานเกี่ยวกับเงินสํารองที่ใช้หนุน USDC ทุกสัปดาห์
จากการอัปเดตล่าสุด ทุนสํารองของ USDC ประกอบด้วยเงินสด 1.36 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และตั๋วเงินคลังสหรัฐ ระยะเวลาสามเดือน คิดเป็นมูลค่า 4.21 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เงินสํารองเทียบเท่ากับมูลค่าของ USDC ที่มีการหมุนเวียนซึ่งมีมูลค่ารวม 5.57 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ณ วันที่ 1 กรกฎาคม ทั้งนี้ เมื่อสองปีที่แล้ว บริษัทฯ มีสินทรัพย์เพียง 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
Circle กล่าวว่าเงินสํารองจะถูกเก็บไว้ในการดูแลโดยบริษัทการเงินของสหรัฐฯ หลายราย รวมถึง BlackRock และ Bank of New York Mellon ทั้งนี้ ยังไม่ชัดเจนว่ากระบวนการดูแลนั้นแบ่งระหว่างหน่วยงานทั้งสองและหน่วยงานอื่น ๆ อย่างไร
ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่าบริษัทฯ ขาดทุนไปประมาณ 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยลือว่าค่าธรรมเนียมที่จ่ายให้กับผู้ให้สินเชื่ออย่าง Silvergate และ Signature สําหรับเก็บรักษาเงินสดของ Circle ดูเหมือนว่า Allaire เองจะใส่ใจกับข่าวลือเหล่านั้นด้วยเช่นกัน
นักวิเคราะห์ชี้ Circle ไม่จําเป็นต้องจ่ายเงินให้ใครเพื่อให้ตนได้ถือครองสินทรัพย์
นักวิเคราะห์สถานการณ์ในโลกคริปโตอย่าง Adam Cochran ผู้วิเคราะห์การยื่นฟ้องของสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) ของ Circle ที่เกี่ยวข้องกับรายการที่เสนอเมื่อปีที่แล้ว กล่าวว่าเงินทุนมูลค่า 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ “ไม่ใช่การสูญเสียสินทรัพย์ในรูปแบบเงินสดที่ใช้ในการดําเนินงาน มันมามาในรูปแบบของหนี้ที่แปลงสภาพแล้วต่างหาก”
“[หนี้แปลงสภาพ] นี้ส่งผลกระทบต่อการประเมินมูลค่าของบริษัท เนื่องจากเป็นการลดทอนและโอนทุนในส่วนของผู้ถือหุ้นที่เป็นเจ้าของไปยังหน่วยงานภายนอก ดังนั้น คุณกําลังปรับแต่งการประเมินมูลค่าของคุณลงตามจํานวนที่สัมพันธ์กัน”
เขาเสริมว่าบริษัท “ไม่จําเป็นต้องจ่ายเงินให้ใครเพื่อถือครองทรัพย์สินของพวกเขา” ธนาคารต้องการเงินสดมากขึ้น Cochran กล่าวว่าธุรกิจสินเชื่อของ Circle “ไม่มีผลกระทบใด ๆ ต่อ USDC” และแม้ว่า “เงินกู้เหล่านั้นล้มละลาย และผู้ให้กู้จะสูญเสีย USDC แต่เหตุการณ์ทั้งหมดก็ไม่ส่งผลกระทบต่อเงินสำรองของ USDC”
หน่วยงานกํากับดูแลเพ่งเล็ง Stablecoin มากขึ้นนับตั้งแต่การล่มสลายของบล็อกเชน Terra มูลค่า 6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ นักวิเคราะห์บางคนเตือนว่าการสูญเสียความเชื่อมั่นใน Stablecoins อาจทําให้ตลาดสินทรัพย์คริปโตไม่มั่นคง
ตัวอย่างเช่น นักลงทุนที่วิตกกังวลได้ถอน USDT ของ Tether มูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์เนื่องจากผลกระทบวงกว้างของ Terra” Paolo Ardoino ผู้เป็น CTO ของ CTO อธิบายว่าเหตุการณ์นี้เทียบเท่ากับ “การแห่ถอนเงิน” ในระบบการเงินแบบดั้งเดิม
Stablecoins เป็นส่วนสําคัญของระบบนิเวศคริปโต นักลงทุนใช้เพื่อสลับมูลค่าเงินดอลลาร์ระหว่างแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตต่าง ๆ อย่างรวดเร็วช่วยให้พวกเขาใช้ประโยชน์จากโอกาสในการเก็งกําไร
ข้อจำกัดความรับผิด
หมายเหตุบรรณาธิการ: เนื้อหาต่อไปนี้ไม่ได้สะท้อนถึงมุมมองหรือความคิเห็นของ BeInCrypto มันจัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้นและไม่ควรถูกตีความว่าเป็นคำแนะนำทางการเงิน กรุณาทำการวิจัยของคุณเองก่อนที่จะทำการตัดสินใจลงทุนใดๆ