Kraken Exchange ซึ่งเป็นหนึ่งในแพตฟอร์มคริปโตที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในสหรัฐอเมริกา มีรายงานว่ามีแผนที่จะเปิดตัวธนาคารของตัวเอง ข่าวดังกล่าวเผยแพรท่ามกลางสภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบกลายเป็นความท้าทายของสหรัฐอเมริกา
Marco Santori ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายของ Kraken กล่าวว่า “เรากำลังจะเปิดตัว Kraken Bank เร็วๆ นี้”
การพัฒนาดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางช่วงเวลาที่วุ่นวายสำหรับอุตสาหกรรมคริปโต ซึ่งยังคงต้องรับมือกับผลพวงจากการล่มสลายของแพลตฟอร์มอย่าง FTX ทั้งนี้ มีการบังคับใช้กฎหมายหลายครั้งในช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา อันเพิ่มความไม่แน่นอนให้กับประเด็นว่าด้วยขอบเขตการกำกับดูแล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐอเมริกา
Kraken ถูกตรวจสอบข้อเท็จจริง
เมื่อเร็ว ๆ นี้ บริษัท Kraken อยู่ภายใต้การตรวจสอบของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยมีหน่วยงานกำกับดูแลตรวจสอบว่าทางแพลตฟอร์มนั้นเสนอขายหลักทรัพย์ที่ไม่ได้จดทะเบียนให้แก่ลูกค้าชาวอเมริกันหรือไม่
หลักทรัพย์ถือว่ามีความเสี่ยงสูง เนื่องจากไม่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลในระดับเดียวกับเครื่องมือทางการเงินอื่น ๆ ทั้งนี้ Dave Ripley ซีอีโอคนใหม่ของ Kraken ปฏิเสธที่จะลงทะเบียนกับ SEC แม้ว่า Gary Gensler ผู้เป็นประธานของหน่วยงานกำกับดูแลแห่งนี้จะกำชับให้ Kraken ดำเนินการดังกล่าวก็ตาม นอกจากนี้ Binance แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตที่ใหญ่ที่สุดต้องเผชิญกับผลกระทบจากการซื้อขายหลักทรัพย์ที่ไม่ได้จดทะเบียนเช่นกัน
นอกจากนี้ Kraken ปฏิเสธที่จะหารือเกี่ยวกับข้อตกลงกับ SEC แต่ทางองค์กรทิ้งท้ายไว้ว่ารายได้จากการลงทุนด้วยการเดิมพันนั้นเป็นเพียงส่วนน้อยของรายได้ทั้งหมดของบริษัท ทั้งนี้ Kraken ไม่ยอมรับหรือปฏิเสธข้อกล่าวหาใด ๆ แม้จะมีข้อร้องเรียน
เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2023 Kraken ประกาศว่าจะไม่ใช้งาน Signature Bank ที่เน้นไปที่คริปโตอีกต่อไป ลูกค้าที่ไม่ใช่นักลงทุนรายองค์กรของ Kraken จะไม่สามารถฝากหรือถอนเงินดอลลาร์สหรัฐโดยใช้เพียงลายเซ็นยืนยันการทำธุรกรรมได้อีกต่อไป นอกจากนี้ ฟีเจอร์การฝากจะถูกลบออกในวันที่ 15 มีนาคม 2023 และฟีเจอร์การถอนจะสิ้นสุดในวันที่ 30 มีนาคม 2023
ปัจจุบัน Kraken เป็นแพลตฟอร์มคริปโตที่ใหญ่เป็นอันดับสาม เมื่อพิจารณาจากปริมาณการซื้อขายบน CoinMarketCap การตรวจสอบอย่างต่อเนื่องจากหน่วยงานกำกับดูแลนั้นไมใช่เรื่องที่ดีนักสำหรับอุตสาหกรรมนี้ นอกจากนี้ เมื่อเร็วๆ นี้ Kraken ได้ยุติคดีกับ Office of Foreign Assets Control (OFAC) เกี่ยวกับการละเมิดการคว่ำบาตรและจ่ายเงินค่าปรับ 362,000 ดอลลาร์สหรัฐ
ข้อจำกัดความรับผิด
หมายเหตุบรรณาธิการ: เนื้อหาต่อไปนี้ไม่ได้สะท้อนถึงมุมมองหรือความคิเห็นของ BeInCrypto มันจัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้นและไม่ควรถูกตีความว่าเป็นคำแนะนำทางการเงิน กรุณาทำการวิจัยของคุณเองก่อนที่จะทำการตัดสินใจลงทุนใดๆ