เฟสถัดไปของการเติบโตในวงการคริปโตได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเงียบ ๆ โดยแนวโน้มของคริปโตได้เปลี่ยนไปสู่การใช้งานในชีวิตประจำวันมากขึ้น การยอมรับในปี 2026 จึงถูกกำหนดโดยรูปแบบการใช้งานคริปโตในชีวิตการเงินประจำวันของแต่ละคน
ในบทสัมภาษณ์กับ BeInCrypto ตัวแทนจาก CakeWallet และ SynFutures ได้อธิบายถึงทิศทางที่คริปโตน่าจะไปในปีข้างหน้า พวกเขาเห็นว่าการใช้จ่าย ออมเงิน และการจัดการความเสี่ยงเริ่มเข้ามาแทนที่การเก็งกำไร กลายเป็นแรงผลักดันหลักที่ทำให้เกิดการใช้งานอย่างต่อเนื่อง
คริปโตกับเงินใช้ประจำวัน
หนึ่งในสัญญาณที่ชัดเจนที่สุดของ การยอมรับคริปโตที่แท้จริงในปี 2026 ก็คือ บทบาทของคริปโตที่เพิ่มขึ้นในฐานะเงินที่ใช้ในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะในภูมิภาคที่ระบบการเงินดั้งเดิมไม่มีเสถียรภาพหรือเข้าถึงได้ยาก
คริปโตจึงถูกนำไปใช้ในชีวิตจริงมากขึ้นเพื่อการออมเงิน การใช้จ่าย และการโอนคุณค่า แทนการนำไปเก็งกำไรเช่นที่ผ่านมา
Sponsored“คำตอบสำหรับประเด็นนี้แตกต่างกันมากขึ้นอยู่กับแต่ละประเทศในโลก แต่ดิฉันมองเห็นสองกรณีใหญ่ของการเติบโตในปี 2026” Seth for Privacy รองประธาน CakeWallet กล่าว “ประการแรกคือในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งดีมานด์ stablecoins นั้นเติบโตอย่างมากในช่วงสองสามปีที่แล้ว”
ในภูมิภาคเหล่านี้ คริปโตมักเข้ามาทดแทนช่องว่างที่เกิดจากเงินเฟ้อ มาตรการควบคุมเงินทุน หรือ โครงสร้างธนาคารที่อ่อนแอ โดยเฉพาะ stablecoins ช่วยให้ผู้คนสามารถถือครองมูลค่าในสกุลเงินที่ไม่เสื่อมค่าลงอย่างรวดเร็ว และโอนกันได้สะดวกขึ้น
“การที่คนทั่วไปในนิการากัวสามารถใช้ stablecoins อย่าง USDT ได้อย่างเป็นส่วนตัวในการเก็บรักษาทรัพย์สินและจ่ายเพื่อความต้องการจริง จะช่วยปกป้องพวกเขาจากการถูกล่วงละเมิดและขโมยได้” ผู้บริหารกล่าวเสริม
เมื่อคริปโตเป็นที่รู้จักมากขึ้น ความเป็นส่วนตัวก็กลายเป็นเรื่องสำคัญสำหรับผู้ใช้งานคริปโตเป็นประจำ ด้วยเหตุนี้ การปกป้องข้อมูลธุรกรรมจึงไม่ใช่แค่เรื่องอุดมการณ์อีกต่อไป แต่เป็นเรื่องของความปลอดภัยส่วนบุคคล
ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว การยอมรับคริปโตจึงเกิดจากความจำเป็นมากกว่าความตื่นเต้น และการเติบโตจะเดินหน้าต่อเนื่องไม่ว่าวัฏจักรตลาดจะเป็นอย่างไร
เมื่อรูปแบบการใช้งานเหล่านี้ค่อย ๆ เติบโต เครื่องมือที่รองรับ โดยเฉพาะ stablecoins ก็ยิ่งกลายเป็นหัวใจสำคัญของระบบคริปโตในระดับโลก
ผลตอบแทนและการชำระเงินด้วย stablecoin
แม้ stablecoins จะ ถูกเชื่อมโยงกับตลาดเกิดใหม่เป็นเวลานาน จุดยืนของมันก็ขยายไปยังเศรษฐกิจก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ในปี 2026 stablecoins จะถูกวางบทบาทเป็นเครื่องมือการเงินหลัก แทนที่จะเป็นเพียงสะพานเชื่อมชั่วคราวระหว่างคริปโตกับเงินกระดาษ
“ตลาดใหญ่ที่สุดที่ยังไม่ได้รับการพัฒนาเลยก็คือประเทศฝั่งตะวันตก” Seth กล่าว “หลายคนละเลยว่า stablecoins มีประโยชน์เพียงใด เพราะเข้าถึงธนาคารและ fiat ได้ง่าย”
อย่างไรก็ตาม มุมมองนี้อาจเปลี่ยนไปเมื่อผู้ใช้งานเริ่มเปรียบเทียบความรวดเร็วและความง่ายของการโอน stablecoin กับระบบการเงินแบบดั้งเดิม เพราะสำหรับหลายๆ คนแล้ว ความน่าสนใจอยู่ที่การหลีกเลี่ยงความล่าช้า ค่าธรรมเนียม และตัวกลางที่ไม่จำเป็น
เมื่อผู้ใช้งานเหล่านี้เข้าใจว่าการเคลื่อนย้ายระหว่างบางอย่างเช่น Bitcoin กับ USDT นั้นง่ายกว่าการใช้เงินตรามากเพียงใด อัตราการนำไปใช้งานจะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล เขากล่าวเสริม
stablecoin กำลังเข้ามากำหนดทิศทางว่ากิจกรรมทางการเงินบน on-chain จะดำเนินไปอย่างไร และคาดว่าผู้ใช้จะหันมาให้ความสนใจ stablecoin เพื่อสร้างรายได้แบบ passive ในปี 2026 เพราะเข้าถึงผลตอบแทนจาก DeFi ได้
stablecoin กำลังกลายเป็นฐานของการซื้อขาย DeFi และตลาดอนุพันธ์ Wenny Cai ซึ่งเป็น COO แห่ง SynFutures กล่าว เธอเสริมว่า สินทรัพย์เหล่านี้ไม่ได้เพียงแค่นิ่งอยู่ แต่ถูกนำไปใช้งานมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้ใช้งานเริ่มมอง stablecoin ว่าเป็นเงินทุนหมุนเวียน ซึ่งเป็นเงินที่ถูกนำไปใช้งานจริง ไม่ใช่แค่พักเก็บไว้เฉยๆ
เพราะการเปลี่ยนแปลงในวิธีการถือและขยับมูลค่ากำลังเปลี่ยนการมีปฏิสัมพันธ์กับคริปโตของผู้ใช้งานมากเกินกว่าแค่การชำระเงิน
เมื่อการใช้งานกลายเป็นการตั้งใจ
เมื่อมูลค่าตลาดคริปโตมีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น พฤติกรรมผู้ใช้งานก็เปลี่ยนแปลงตามไปด้วย โดยแทนที่จะไล่ตามราคาระยะสั้น หลายๆ คนเลือกที่จะใช้งานคริปโตอย่างมีแบบแผนและตั้งใจมากกว่าเดิม ในรูปแบบใหม่ๆ
เราจะเห็นผู้คนเปลี่ยนมาใช้คริปโตเป็นเงิน จริงๆ สักที Seth กล่าวกับ BeInCrypto เมื่อการเก็งกำไรจางลงและราคานิ่งขึ้น เราก็จะยังคงเห็นการใช้งานคริปโตในการชำระค่าสินค้าและบริการเติบโตอย่างมหาศาลต่อเนื่อง
ขณะเดียวกัน ผู้ใช้งานบางกลุ่มก็หันไปใช้เครื่องมือที่ช่วยบริหารความเสี่ยงและความไม่แน่นอนดีขึ้น โดยในปี 2026 ตามที่ Cai ระบุ ผู้ใช้รายย่อยเริ่มมุ่งสู่การจัดการเงินทุนเชิงรุก แทนการเก็งกำไรแบบตั้งรับ
Sponsoredดังนั้นผู้ใช้งานจึงเน้นเป้าหมายให้แคบลงแทนที่จะกระจายหลากหลาย
แทนที่จะ ซื้อแล้วถือครอง token หลายสิบแบบ ผู้ใช้งานจำนวนมากกลับนิยมเทรดสินทรัพย์หลักโดยใช้เลเวอเรจ ป้องกันความเสี่ยงขาลง หรือวางแผนกลยุทธ์แบบมีโครงสร้าง โดยทั้งหมดทำบน on-chain เธอกล่าว
ถึงแม้กลไกเบื้องหลังอาจซับซ้อน แต่เหตุจูงใจก็ตรงไปตรงมา โดยผู้ใช้งานต้องการควบคุมมากขึ้น ผลลัพธ์ที่ชัดเจน และความประหลาดใจน้อยลง
ดังนั้น เมื่อพฤติกรรมผู้ใช้งานเปลี่ยนแปลง การนำไปใช้ก็กระจายตัวไปยังกลุ่มและอุตสาหกรรมต่างๆ มากขึ้นด้วย
การผสาน DeFi กับ TradFi
การนำคริปโตไปใช้งานในปี 2026 ไม่ได้จำกัดเฉพาะกลุ่มประชากรกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
แต่กลับครอบคลุมทั้งบุคคล ธุรกิจ และผู้เล่นมืออาชีพในตลาด ซึ่งแต่ละกลุ่มล้วนขับเคลื่อนด้วยความต้องการที่แตกต่างกัน
การเติบโตที่ใหญ่ที่สุดยังคงเกิดขึ้นในภูมิภาคโลกใต้ ที่ซึ่งผู้คนต่างมีความต้องการจริงจังในชีวิต ไม่ใช่เพียงแค่ความอยากเก็งกำไร Seth อธิบายว่า การเข้าถึงบริการธนาคารที่ติดขัด ค่าเงินเฟียตที่อ่อนค่าน่าใจหาย และข้อจำกัดในการโอนเงินล้วนทำให้ประเทศเหล่านี้เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะเร่งใช้งานคริปโตในปี 2026
ในขณะเดียวกัน ผู้ใช้งานมืออาชีพเองก็เริ่มผสานเครื่องมือคริปโตเข้ากับการดำเนินธุรกิจเดิมอยู่มากขึ้นเรื่อยๆ
นอกเหนือจากฟินเทคแล้ว บริษัทเทรดดิ้ง ผู้จัดการสินทรัพย์ดิจิทัล และโบรกเกอร์ออนไลน์ต่างๆ คือกลุ่มผู้ใช้งาน DeFi ระดับต้นๆ ในปี 2026 Cai ระบุไว้
สิ่งที่เปลี่ยนไปคือความพร้อม โดยโครงสร้างพื้นฐานได้รับการพัฒนา แพลตฟอร์มมีความเสถียรมากขึ้น และเครื่องมือก็รองรับกิจกรรมในปริมาณสูงและต่อเนื่องได้ดีขึ้น ผลคือ การนำไปใช้งานไม่ได้ถูกมองว่าเป็นการทดลอง แต่กลายเป็นทางเลือกทางธุรกิจที่จริงจัง
แม้ว่าการใช้งานจะขยายตัวออกไป ทว่าอุปสรรคหนึ่งยังคงมีอิทธิพลต่อขอบเขตที่คริปโตจะขยายตัวได้จริง
แพลตฟอร์มที่ช่วยให้คริปโตใช้งานง่าย
ตลอดทั้งสองบทสัมภาษณ์นี้ มีข้อสรุปหนึ่งร่วมกันที่เห็นได้ชัดเจนคือ อุปสรรคสำคัญต่อการใช้งานอย่างกว้างขวาง ไม่ได้อยู่ที่ศักยภาพด้านเทคนิค กฎระเบียบ หรือสภาพคล่องอีกต่อไป
แน่นอนว่าคือประสบการณ์ของผู้ใช้ Seth ตอบเมื่อถูกถามถึงสิ่งที่จะปลดล็อกการเติบโตของคริปโตในปี 2026 ได้มากที่สุด ที่ผ่านมานานเกินไปแล้วที่เครื่องมือคริปโตถูกสร้างโดยเนิร์ดเพื่อเนิร์ด
Cai ก็เห็นด้วยในมุมนั้น จากฝั่งของการเทรด
โครงสร้างพื้นฐานทำงานได้ดี สภาพคล่องมีอยู่ชัดเจน ความต้องการก็พิสูจน์แล้ว แต่เครื่องมือเทรดระดับสูงยังคงดูน่ากลัวสำหรับผู้ใช้งานจำนวนมาก เธอกล่าว
เมื่อคริปโตเข้าสู่เฟสใหม่ ความสำเร็จจะยิ่งขึ้นอยู่กับความชัดเจนและเรียบง่าย โดยแพลตฟอร์มที่ทำให้เครื่องมือทรงพลังใช้งานได้ง่ายและปลอดภัยจะมีแนวโน้มได้รับความนิยมแบบต่อเนื่อง
ในปี 2026 เรื่องราวที่สำคัญของคริปโตอาจเป็นสิ่งที่ผู้ใช้งานแทบไม่ทันสังเกตเห็น เพราะมันใช้ได้จริงโดยไม่มีอุปสรรค