ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายเทคโนโลยีของ Tether ชื่นชมความสามารถในการฟื้นตัวของเหรียญ stablecoin โดยอ้างว่าเหรียญที่ว่าได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่ ในขณะเดียวกันก็มีรายงานว่า Hedge Fund กำลังโจมตีเหรียญนี้
Paolo Ardoino สร้างเธรดยาวบนทวิตเตอร์โดยกล่าวหาว่า Hedge Fund ชอร์ตเหรียญ Tether (สกุล USDT) และพยายามจะ “สร้างความกลัวในตลาด”
การถกเถียงในครั้งนี้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่ Hedge Fund ยืมเงินหลายร้อยล้านมาเพื่อซื้อชอร์ตสกุล USDT หลังจากเกิดวิกฤตเหรียญ LUNA/UST ทั้งนี้เพื่อสร้างเงินหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งจะสร้างแรงกดดันมากพอที่จะทำให้เงินลงทุนไหลออก และเกิดผลกระทบต่อสภาพคล่องของเหรียญ Tether โดยเป้าหมายสุดท้าย คือ การซื้อโทเค็นเหล่านี้กลับมาอีกครั้งในราคาต่ำมากๆ
Ardoino ยังกล่าวอีกว่า มีกระแสความกลัว ความไม่แน่นอน และความสงสัยว่า Hedge Fund เชื่อมั่นและช่วยเหลือให้มีการแทรกแซงตลาด ยกตัวอย่างเช่น กรณีที่เหรียญ Tether เข้าถึงบริษัท Evergrande ได้และเข้าถึงตราสารประเภท Commercial Papers ของจีนได้ร้อยละ 85
เหรียญ Tether ลดจำนวนในตราสารประเภท Commercial Papers และจะไม่หยุดจนกว่าไม่มีเหรียญอยู่ในตราสารฯ เลย
Ardoino ยังเน้นย้ำว่า เหรียญ stablecoin ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในตลาดได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่ และยังกล่าวอีกว่า บริษัทไม่เคยซื้อเหรียญกลับมาไม่ได้ พร้อมทั้งยกตัวอย่างการไถ่ถอนมูลค่าสูงในหลายๆ ครั้งเพื่อแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการฟื้นฟูของเหรียญ
Ardoino กล่าวปิดท้ายอย่างมีนัยยะว่า เหรียญ stablecoin อื่นอาจไม่รอด ถ้าเจอกระบวนการเดียวกันกับที่ Hedge Fund กำลังทำ โดยกล่าวว่า “แล้วเหรียญ stablecoin อื่นจะรอดไหมถ้าเจอแบบทดสอบเดียวกัน แล้วไอ้ปฏิบัติการเผาเงินจะมีอยู่ตลอดไปแค่เพราะว่ามีผู้ถือหุ้นกระเป๋าหนักไหม ทุกบริษัทที่ทำกำไรไม่ได้ก็พยายามหาทางหนีจากสภาวะล้มละลายให้ได้เสมอ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง”
Tether เน้นปฏิบัติตามกฎหมายและความโปร่งใส
ท่ามกลางความไม่พอใจ Tether มุ่งเป้าไปที่การปฏิบัติตามกฎระเบียบและโปร่งใสให้มากขึ้น โดยทางบริษัทยังคงปฏิเสธข่าวลือที่ว่า สกุล USDT ไม่มีเงินทุนสนับสนุนอย่างเต็มที่
Tether วางแผนจะเข้ารับกระบวนการการตรวจสอบบัญชีอย่างเต็มรูปแบบกับบริษัทบัญชีอันดับต้นๆ 12 แห่ง เพื่อเพิ่มความโปร่งใส โดย Ardoino อธิบายว่า “เหรียญ stablecoin คู่แข่งยังบกพร่องในเรื่องนี้” Tether ได้รับผลกระทบอย่างหนักในปีนี้ โดยสูญเสียมูลค่าตามราคาตลาดไปถึง 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนพฤษภาคม อย่างไรก็ตาม บริษัทก็ยังขยายกิจการต่อไป โดยมีการเปิดตัวเหรียญ stablecoin ใหม่ในประเทศเม็กซิโก
ข้อจำกัดความรับผิด
หมายเหตุบรรณาธิการ: เนื้อหาต่อไปนี้ไม่ได้สะท้อนถึงมุมมองหรือความคิเห็นของ BeInCrypto มันจัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้นและไม่ควรถูกตีความว่าเป็นคำแนะนำทางการเงิน กรุณาทำการวิจัยของคุณเองก่อนที่จะทำการตัดสินใจลงทุนใดๆ