อนาคตของ ETH 2.0 กำลังอยู่บนความไม่แน่นอน แต่ Tether ผู้ออกเหรียญ USDT Stablecoin ได้ทำให้ผู้ที่ศรัทธาเกิดความหวังด้วยการประกาศการสนับสนุนอย่างเต็มที่
Paolo Ardoino ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของ Tether (CTO) เปิดเผยเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ผู้ออก Stablecoin จะให้การสนับสนุนต่อ ETH 2.0
Ardoino เปิดเผยถึงจุดยืนของบริษัทในทวีต ท่ามกลางกระแสข่าว พวกเขาอาจจะไม่เสี่ยงด้วยการประกาศการสนับสนุนในภายหลัง อย่างไรก็ตาม CTO ของ Tether ได้ปัดตกข่าวลือดังกล่าว โดยระบุว่า “การสนับสนุน ETH 2.0 จะราบรื่น” โดยไม่คำนึงถึงความล่าช้าในการควบรวมกิจการ
The Merge เป็นแผนการใหญ่ของ Ethereum ในการเปลี่ยนผ่านจากกลไกฉันทามติของ Proof-of-Work (PoW) ไปเป็น Proof-of-Stake (PoS) การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะช่วยลดการใช้พลังงานของ Ethereum ได้มากกว่า 90% และลดต้นทุนในการทำธุรกรรมบนเครือข่ายอีกด้วย
SponsoredETH อาจจะมีการ Fork
ความล่าช้าของ The Merge ทำให้เกิดความสงสัยอย่างมากเกี่ยวกับอนาคตของเครือข่าย Ethereum Galois Capital ซึ่งเป็นกองทุนบริหารความเสี่ยงด้าน Crypto เผยว่า 1 ใน 3 ของผู้ตอบแบบสำรวจเชื่อว่าเครือข่ายจะ Fork ออกเป็น 2 เชน
Galois Capital อ้างว่า มีโอกาสที่ผู้ออกเหรียญ Stablecoin เช่น Tether และ Circle จะเลือกสนับสนุน ETH1 พวกเขากล่าวว่าข้อบกพร่องและบั๊คใน ETH2.0 อาจจะทำให้ Stablecoin มีปัญหาและอาจจะมีคดีความได้ ในขณะที่ความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับผู้ที่มีความเชื่อมั่นใน Bitcoin อย่างที่สุดและนักขุดในเอเชียอาจจะส่งผลต่อการตัดสินใจในการเลิกใช้งาน ETH2.0
“มันไม่เกี่ยวว่าผม/เราชอบ PoW/PoS มากกว่ากัน” Ardoino กล่าว “Stablecoins ควรจะดำเนินการไปอย่างมีความรับผิดชอบและหลีกเลี่ยงการหยุดชะงักสำหรับผู้ใช้งาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับ DeFi เพราะมันละเอียดอ่อนจริงๆ”
Ardoino ได้ชี้แจงจุดยืนของบริษัทด้วยการตั้งหลักกับ ETH2.0 และการตัดสินใจดังกล่าวอาจจะทำให้ผู้ออกเหรียญ Stablecoin รายอื่นๆ ทำการประกาศในลักษณะเดียวกันมากขึ้น
ความล่าช้าของ The Merge
ในช่วงต้นปี มีการคาดการณ์ว่า The Merge จะเริ่มขึ้นในช่วงฤดูร้อน แต่ปัญหาหลายอย่างทำให้การเปลี่ยนผ่านของเครือข่ายเกิดความล่าช้า Goerli และ Prater Merge นั้นยังไม่มีข้อสรุป เนื่องจากผู้พัฒนาต่างแข่งขันกันเพื่อจัดระเบียบสิ่งต่างๆ ก่อนจะระบุวันใหม่ในเดือนกันยายน
ก่อนการอัพเกรด The Merge ETH2.0 ได้กลายเป็นสินทรัพย์ที่มีการ Stake มากที่สุด จากข้อมูลของ Staking Rewards โดยมีโทเค็นมูลค่ากว่า 2.21 หมื่นล้านดอลลาร์ถูก Stake เอาไว้
Adam Levitin ศาสตราจารย์ด้านกฎหมายที่มหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ แสดงความกังวลว่าหน่วยงานกำกับดูแลจะกำหนดให้ Ethereum เป็นหลักทรัพย์เมื่อเสร็จสิ้นการอัพเกรด The Merge เนื่องจากเรื่องกิจกรรมของเหล่า Staker (ผู้ที่ทำการ Stake)