ย้อนกลับ

ขึ้นดอกเบี้ยในญี่ปุ่นผิดคาด เงินเยนอ่อนค่า—ผลกระทบต่อ Bitcoin

sameAuthor avatar

เขียนและแก้ไขโดย
Oihyun Kim

22 ธันวาคม พ.ศ. 2568 09:43 ICT
เชื่อถือได้
  • เจ้าหน้าที่การเงินระดับสูงของญี่ปุ่นเตือนดำเนินมาตรการเหมาะสม หลังเงินเยนแตะจุดต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เทียบยูโรและฟรังก์สวิส แม้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
  • อัตราดอกเบี้ยจริงติดลบอย่างมากและถ้อยแถลงไม่ชัดเจนของผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่นเกี่ยวกับการขึ้นดอกเบี้ยในอนาคต ส่งผลให้ตลาด carry trade กลับมาอีกครั้ง กดดันให้เงินเยนอ่อนค่าลง
  • เงินเยนอ่อนค่าช่วยบรรเทาความเสี่ยงสินทรัพย์ระยะสั้น แต่การขาดทิศทางชัดเจนจากธนาคารกลางญี่ปุ่นเพิ่มความเสี่ยงต่อการพลิกกลับฉับพลันและความผันผวน
Promo

ธนาคารกลางญี่ปุ่นปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแตะระดับสูงสุดในรอบ 30 ปี แต่ค่าเงินเยนกลับร่วงลงทำจุดต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งผลลัพธ์นี้ตรงข้ามกับสิ่งที่ญี่ปุ่นตั้งใจไว้โดยสิ้นเชิง

ในขณะเดียวกัน รัฐบาลส่งสัญญาณถึงความเป็นไปได้ในการแทรกแซงตลาดเงินตราต่างประเทศ ทำให้ความไม่แน่นอนยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น

ญี่ปุ่นเตือนเตรียมดำเนินการเหมาะสมขณะเงินเยนอ่อนค่า

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา Atsushi Mimura รัฐมนตรีช่วยด้านการคลังระหว่างประเทศของญี่ปุ่น รวมถึงนักการทูตด้านเงินตรารายสำคัญของประเทศ ได้เตือนว่าความเคลื่อนไหวล่าสุดของอัตราแลกเปลี่ยนมีลักษณะ “เอียงข้างและผันผวนอย่างรุนแรง” โดยเขาเสริมว่าทางการพร้อมดำเนินมาตรการ “อย่างเหมาะสม” หากความเคลื่อนไหวเกินขอบเขตอันสมควร ซึ่งชี้ชัดว่าญี่ปุ่นพิจารณาแทรกแซงค่าเงินในตลาดอยู่ รัฐมนตรีคลัง Satsuki Katayama ก็กล่าวไปในทำนองเดียวกันช่วงปลายสัปดาห์ก่อน โดยระบุว่ากรุงโตเกียวจะตอบโต้หากกลไกค่าเงินผันผวนเกินจริงหรือมีการเก็งกำไร

Sponsored
Sponsored

คำเตือนเหล่านี้มีขึ้นหลังเงินเยนแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ โดยเมื่อวันจันทร์ เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นสู่ 157.67 เยน ขณะที่เงินยูโรแตะ 184.90 เยน และฟรังก์สวิสแตะ 198.08 เยน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดใหม่ของค่าเงินญี่ปุ่นทั้งสองสกุล ตลาดเชื่อว่าทางการญี่ปุ่นน่าจะเข้าแทรกแซงหากค่าเงินดอลลาร์เข้าใกล้ 160 เยน ซึ่งเมื่อฤดูร้อนที่ผ่านมา BOJ เคยขาย USD 100 พันล้านที่ระดับใกล้เคียงนี้เพื่อพยุงค่าเงินเยน

ทำไมเงินเยนอ่อนค่าทั้งที่ปรับขึ้นดอกเบี้ย

โดยปกติแล้ว การขึ้นอัตราดอกเบี้ยมักทำให้ค่าเงินแข็งตัว เพราะอัตราดอกเบี้ยสูงจะดึงดูดเงินทุนจากต่างประเทศที่แสวงหาผลตอบแทนมากขึ้น เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. BOJ ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมาตรฐาน อีก 0.25 จุด อยู่ที่ 0.75% ซึ่งถือว่าสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 1995

แต่เงินเยนกลับอ่อนค่าลงสวนทางกับทฤษฎี โดยมีปัจจัยหลายประการที่อธิบายความขัดแย้งนี้

ประการแรก การขึ้นดอกเบี้ยถูกคาดการณ์ล่วงหน้าไว้แล้ว ตลาดสวอปดัชนีเงินฝากข้ามคืนได้ประเมินโอกาสไว้เกือบ 100% ก่อนการประชุม ส่งผลให้เกิดปฏิกิริยาแบบ “ซื้อข่าวลือ ขายความจริง” นักลงทุนที่เข้าซื้อเงินเยนเพื่อรอการปรับขึ้นดอกเบี้ยต่างขายออกเพื่อเก็บกำไรหลังมีประกาศ ซึ่งยิ่งกดดันค่าเงินเยนให้ลดลงไปอีก

ประการที่สอง อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงของญี่ปุ่นยังคงติดลบอย่างหนัก แม้อัตราดอกเบี้ยเชิงพฤตินัยจะขยับขึ้นถึง 0.75% แต่เงินเฟ้ออยู่ที่ 2.9% นั่นแปลว่าอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง (ดอกเบี้ยหักเงินเฟ้อ) อยู่ที่ประมาณ -2.15% ตรงข้ามกับสหรัฐอเมริกาซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยแท้จริงราว +1.44% โดยดอกเบี้ยอยู่ที่ 4.14% และเงินเฟ้อที่ 2.7% ดังนั้น ส่วนต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยแท้จริงของญี่ปุ่นและสหรัฐฯ จึงมากกว่า 3.5 จุด

ช่องว่างขนาดใหญ่เช่นนี้ทำให้ธุรกิจ carry trade ของเงินเยนกลับมาคึกคักอีกครั้ง นักลงทุนจะกู้ยืมเงินในประเทศที่มีดอกเบี้ยต่ำและนำไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า การกู้เยนต้นทุนต่ำเพื่อลงทุนในสินทรัพย์ USD มักจะได้ส่วนต่างผลตอบแทน เนื่องจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยแท้จริงยังเอื้อให้กับเงิน USD นักลงทุนจึงต่างขายเงินเยนและซื้อเงินดอลลาร์กันอีกครั้ง

ประการที่สาม การแถลงข่าวของ Kazuo Ueda ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น ได้สร้างความผิดหวังให้กับตลาด โดยเมื่อวันที่ 19 ธ.ค. Ueda ไม่ได้ให้คำแนะนำที่ชัดเจนเกี่ยวกับเวลาที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคต และเขาเน้นย้ำว่ายังไม่มีเส้นทางที่กำหนดไว้สำหรับการปรับขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มเติม รวมถึงยอมรับว่าประมาณการอัตราดอกเบี้ยที่เป็นกลางนั้นยังคงมีความไม่แน่นอนสูง เขายังลดความสำคัญของการตัดสินใจด้วยการระบุว่าการถึงอัตราดอกเบี้ยสูงสุดในรอบ 30 ปีไม่ได้มีความหมายพิเศษแต่อย่างใด ดังนั้นตลาดจึงเข้าใจว่านี่เป็นสัญญาณว่าธนาคารกลางญี่ปุ่นยังไม่เร่งรัดที่จะคุมเข้มนโยบายการเงินต่อไป ส่งผลให้การขายเงินเยนยิ่งรุนแรงขึ้นอีก

Sponsored
Sponsored

ภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเชิงโครงสร้างของญี่ปุ่น

Robin Brooks ซึ่งเป็นอาวุโสที่สถาบัน Brookings Institution ชี้ไปที่ปัญหาที่เป็นพื้นฐานมากกว่า โดยเขาเขียนว่า อัตราดอกเบี้ยระยะยาวของญี่ปุ่นนั้นต่ำเกินไปเมื่อเทียบกับหนี้สาธารณะที่มหาศาล และตราบใดที่สถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ วัฏจักรค่าเงินเยนที่อ่อนค่าจะยังคงดำเนินต่อไป

หนี้ภาครัฐของญี่ปุ่นอยู่ที่ 240% ของ GDP แต่ผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 30 ปีนั้นใกล้เคียงกับของเยอรมนีซึ่งมีระดับหนี้ต่ำกว่ามาก นี่จึงเป็นความผิดปกติ ธนาคารกลางญี่ปุ่นได้กดดันอัตราผลตอบแทนเหล่านี้โดยการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลในปริมาณมหาศาล

Brooks อธิบายว่าหากไม่มีการเข้าซื้อเช่นนี้ อัตราผลตอบแทนระยะยาวของญี่ปุ่นจะสูงกว่ามากและจะผลักดันประเทศเข้าสู่วิกฤตหนี้ ทว่าเมื่อมองจากปัญหาหนี้ก้อนโตของญี่ปุ่น ทางเลือกก็ถูกจำกัดอยู่ระหว่างวิกฤตหนี้กับการอ่อนค่าของสกุลเงิน

Brooks กล่าวเสริมอีกว่า เมื่อวัดด้วยอัตราแลกเปลี่ยนที่แท้จริงแล้ว ณ ขณะนี้ เงินเยนของญี่ปุ่นอ่อนแอพอ ๆ กับสกุลลีราของตุรกี นับเป็นเงินสกุลที่อ่อนแอที่สุดในโลก

นอกเหนือจากแรงกดดันเหล่านี้ นายกรัฐมนตรี Sanae Takaichi ยังดำเนินนโยบายขยายการคลังอย่างเข้มข้นนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งในเดือนตุลาคม โดยนี่ถือเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นนับตั้งแต่การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทั้งนี้ ในขณะที่หนี้รัฐบาลอยู่ที่ 240% ของ GDP ตลาดต่างกังวลมากขึ้นว่า การคลังที่ผ่อนคลายอาจบั่นทอนความพยายามของธนาคารกลางญี่ปุ่นในการรักษาเสถียรภาพค่าเงิน

Sponsored
Sponsored

ผลกระทบต่อตลาด: ผ่อนคลายช่วงสั้น ไม่แน่นอนเพิ่มขึ้น

แม้เงินเยนจะอ่อนค่าลงแม้มีการขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่ขณะนี้ตลาดสินทรัพย์ทั่วโลกต่างก็โล่งใจชั่วคราว

ตามทฤษฎีแล้ว การขึ้นอัตราดอกเบี้ยน่าจะทำให้เงินเยนแข็งค่าและก่อให้เกิดการปิดสถานะใน carry trade เมื่อนักลงทุนเร่งชำระหนี้เงินเยน พวกเขาก็จะขายสินทรัพย์ทั่วโลก ส่งผลให้สภาพคล่องน้อยลงและราคาสินทรัพย์เสี่ยงอย่างเช่น หุ้นและคริปโตเคอร์เรนซีถูกกดดันให้ลดลง

แต่ในความเป็นจริงกลับเป็นอีกแบบ คือเมื่อเงินเยนยังคงอ่อนค่าอยู่ กลับกลายเป็นว่า carry trade ถูกชุบชีวิตขึ้นมาอีกครั้งแทนที่จะสิ้นสุดลง

ตลาดหุ้นญี่ปุ่นได้รับประโยชน์ โดยดัชนี Nikkei ปรับขึ้น 1.5% ในวันจันทร์เมื่อเงินเยนอ่อนค่าช่วยเพิ่มกำไรให้แก่ผู้ส่งออกอย่าง Toyota จากการนำรายได้สกุลเงินต่างชาติกับกลับมาแปลงเป็นเงินเยน ขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารญี่ปุ่นพุ่งขึ้น 40% ตั้งแต่ต้นปี ซึ่งสะท้อนความคาดหวังว่าอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจะช่วยเพิ่มความสามารถในการทำกำไรของธนาคาร

สินทรัพย์ปลอดภัยก็มีแนวโน้มแข็งแกร่งเช่นกัน โดยราคาซิลเวอร์ทำสถิติสูงสุดที่ 67.48 USD ต่อออนซ์ ส่งผลให้ผลตอบแทนปีนี้เพิ่มขึ้นถึง 134% ส่วนทองคำยังคงแข็งแกร่งที่ 4,362 USD ต่อออนซ์

อย่างไรก็ตาม ความโล่งใจนี้ตั้งอยู่บนรากฐานที่ไม่มั่นคง โดยเป็นความสงบที่ไม่แน่นอนที่เกิดจากการที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ขาดการชี้นำเชิงนโยบายที่ชัดเจน ซึ่งหากทางการญี่ปุ่นเข้าแทรกแซงในตลาดเงินตรา หรือ BOJ เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่ตลาดคาดไว้ เงินเยนอาจพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว และนั่นจะนำไปสู่การคลายสถานะ carry trade อย่างฉับพลัน จนอาจฉุดสินทรัพย์ทั่วโลกให้ร่วงลงไปด้วย

Sponsored
Sponsored

ตัวอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ชี้ให้เห็น เมื่อเดือนสิงหาคม 2024 BOJ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยโดยไม่ส่งสัญญาณล่วงหน้า ส่งผลให้ดัชนี Nikkei ดิ่งลง 12% ในวันเดียว ในขณะที่ Bitcoin ก็ร่วงลงอย่างหนักเช่นเดียวกัน โดยหลังจากการขึ้นดอกเบี้ยสามครั้งหลังสุด Bitcoin ร่วงลงระหว่าง 20-31%

แนวโน้ม: 160 เยนคือเส้นแบ่งสำคัญ

ในระยะสั้น ตลาดต่างคาดการณ์ว่า USD-เยน จะสิ้นปีที่ราว 155 เยน โดยช่วงวันหยุดคริสต์มาสที่มีการซื้อขายเบาบางจะช่วยจำกัดความผันผวน

แต่อย่างไรก็ตาม หากคู่สกุลเงินนี้ทะลุระดับ 158 เยน ขึ้นไป ก็จะมีโอกาสได้ทดสอบจุดสูงสุดของปีนี้ที่ 158.88 เยน และจากนั้นอาจแตะจุดสูงสุดปีก่อนหน้าที่ 161.96 เยน โดยความเป็นไปได้ที่ทางญี่ปุ่นจะเข้าแทรกแซงจะพุ่งสูงขึ้นมาก หากเข้าใกล้ระดับ 160 เยน

การคาดการณ์เกี่ยวกับการขึ้นดอกเบี้ยครั้งต่อไปของ BOJ มีความเห็นแบ่งออกเป็นสองฝ่าย โดย ING มองว่าอาจเกิดขึ้นในเดือนตุลาคม 2026 ส่วน Bank of America เห็นว่าเดือนมิถุนายนมีแนวโน้มมากกว่า และก็ไม่ปฏิเสธโอกาสในเดือนเมษายน หากเงินเยนอ่อนค่าอย่างรวดเร็ว ขณะที่นักวิเคราะห์ของ BofA คาดว่าอัตราดอกเบี้ยปลายทางจะอยู่ที่ 1.5% ภายในปลายปี 2027

แต่มีนักวิเคราะห์บางส่วนเตือนว่า แม้แต่การคาดการณ์เหล่านี้ก็อาจไม่เพียงพอ เพราะในขณะที่อัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ ยังอยู่เหนือ 3.5% และ BOJ อยู่ที่เพียง 0.75% ทำให้ต่างกันมากเกินไปที่เงินเยนจะฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้นการหยุดยั้งการอ่อนค่าของเงินเยนจำเป็นที่ BOJ จะต้องขึ้นดอกเบี้ยอย่างน้อยเป็น 1.25-1.5% ควบคู่กับการที่ Fed ต้องลดดอกเบี้ยต่อไป ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ดูจะยังไม่เกิดขึ้นในเร็วๆ นี้

ประเทศญี่ปุ่นกำลังเดินอยู่บนเส้นด้าย ระหว่างการลดค่าเงินเยนกับวิกฤติหนี้ โดย Brooks ได้เตือนว่า ขณะนี้ยังไม่มีฉันทามติทางการเมืองสำหรับการปรับงบประมาณและวินัยการคลัง เพราะฉะนั้นการลดค่าเงินเยนน่าจะรุนแรงขึ้นก่อนจะเกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ ขึ้น

ดังนั้น ในช่วงเดือนข้างหน้า ตลาดการเงินโลกจำเป็นต้องระมัดระวังต่อความผันผวนที่มีต้นตอมาจากญี่ปุ่น

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ

หมายเหตุบรรณาธิการ: เนื้อหาต่อไปนี้ไม่ได้สะท้อนถึงมุมมองหรือความคิดเห็นของ BeInCrypto มันจัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้นและไม่ควรถูกตีความว่าเป็นคำแนะนำทางการเงิน กรุณาทำการวิจัยของคุณเองก่อนที่จะทำการตัดสินใจลงทุนใดๆ ทั้งนี้เป็นไปตาม แนวทางของ Trust Project ของเรา และโปรดอ่าน ข้อกำหนดและเงื่อนไข, นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อจำกัดความรับผิดชอบ ของเรา

ผู้สนับสนุน
ผู้สนับสนุน