ธนาคารเพื่อการลงทุนของสหรัฐอเมริกา JPMorgan Chase & Co ได้จัดทำโครงการนำร่องการทำ Tokenization ของ DeFi บนบล็อคเชน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการสำรวจศักยภาพทางเศรษฐกิจและกรณีการใช้งานเพื่อเพิ่มมูลค่าของสกุลเงินดิจิทัลโดยธนาคารกลางของสิงคโปร์
โครงการนำร่องนี้มีชื่อว่า ‘Project Guardian’ โดยมีบริษัทข้ามชาติของสงิครโปร์อย่าง DBS Bank Ltd และ Marketnode ผู้ก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านตลาดดิจิทัลเข้าร่วม โดยสถาบันการเงินที่ทำหน้าที่กำกับดูแลและ JPMorgan จะทำหน้าที่เป็น Trust Anchor
ข้อมูลจาก Monetary Authority of Singapore (MAS) ซึ่งเป็นธนาคารกลางของเมือง โครงการนี้จะศึกษาความเป็นไปได้ของการแปลงสินทรัพย์เป็นโทเค็นและการเงินแบบไร้ตัวกลาง (DeFi) โดยใช้เครือข่ายแบบเปิดซึ่งทำให้สกุลต่าง ๆ ทำงานร่วมกันได้
มีการคาดการณ์ว่าจะสามารถซื้อขายสินทรัพย์คริปโต ข้ามแพลตฟอร์มได้ รวมถึงที่จะใช้งานบนโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินที่มีอยู่แล้ว
นอกจากนี้ จะมีการสำรวจประเด็นต่างๆ ทั่วทั้งอุตสาหกรรมบล็อกเชน รวมถึงโปรโตคอล DeFi ระดับสถาบันเพื่อจัดการกับการก่อกวนตลาดและความเสี่ยงต่าง ๆ
MAS กล่าวว่าการทดลองใช้ในอุตสาหกรรมภายใต้ครั้งแรกของ ‘Project Guardian’ ข้องเกี่ยวกับการใช้พันธบัตรและเงินฝากที่เป็นโทเค็นใน Liquidity Pool ที่ได้รับอนุญาตสำหรับแอปพลิเคชัน DeFi เพื่อดำเนินการกู้และให้กู้บนเครือข่ายบล็อกเชนสาธารณะ
Sopnendu Mohanty หัวหน้าเจ้าหน้าที่ด้าน Fintech ของ MAS กล่าวในแถลงการณ์ว่า “การทำ Tokenization สามารถเพิ่มประสิทธิภาพ (Efficiency)การเข้าถึง (Accessibility) และความสามารถในการซื้อหามาครอบครอง (Affodability) สินทรัพย์ในระบบการเงิน ทั้งยังช่วยเพิ่มสภาพคล่องในตลาดการเงิน และสร้างการมีส่วนร่วมทางธุรกิจ (Economic Inclusion)”
การทำให้ DeFi เป็นที่นิยมโดยสาธารณชน
Tokenization ทำให้โทเค็นคริปโตเป็นเครื่องมือสำหรับใช้นำเสนอสินทรัพย์ทั่วไป เช่น หุ้น
โปรแกรมนำร่อง MAS ซึ่งกำหนดเป้าหมายตลาดเงินทุนขายส่ง ดูเหมือนว่าจะทำงานในลักษณะเดียวกับโปรโตคอล DeFi Aave ซึ่งมี Liquidity Pools ที่ได้รับอนุญาต
โดยปกติแล้ว ธนาคารที่ถือเงินจำนวนหนึ่งในรูปแบบของพันธบัตรที่ถูกทำให้เป็นโทเค็นแล้ว จะใช้พันธบัตรดังกล่าวเป็นหลักประกัน ซึ่งถูกล็อคไว้ในสัญญาอัจฉริยะ ตามที่ผู้สังเกตการณ์ได้เปิดเผยข้อมูล
ทั้งนี้ นิติบุคคลสามารถขอกู้ยืมเงินได้ถึง 75% เมื่อเทียบกับเงินฝากในขณะที่จ่ายดอกเบี้ย
ในขณะเดียวกัน ผู้ฝากเงินรายอื่นที่ต้องการรับดอกเบี้ยจากเงินสดที่ถูกทำให้เป็นโทเค็นแล้วสามารถกระทำการดังกล่าวได้ โดยการจัดหา Liquidity ให้กับกลุ่มที่จ่ายดอกเบี้ยส่วนหนึ่งที่เกิดขึ้นจากการยืม 75% รวมถึงจากธนาคารอื่น ๆ ที่อาจกู้ยืมมาจากพันธบัตรดังกล่าว
นักวิเคราะห์กล่าวว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้คำนวณโดยใช้อัลกอริธึมตามอุปสงค์และอุปทาน ความต้องการจากผู้กู้ที่สูงขึ้นทำให้อัตราดอกเบี้ยสูงขึ้นไปด้วย และถ้ามีความต้องการจากผู้กู้ต่ำ อัตราดอกเบี้ยจะลดลง
Tokenization ในลักษณะนี้สามารถช่วยเปลี่ยนบทบาทของผู้ให้กู้เชิงพาณิชย์ในการทำการใช้ Cryptocurrency และ Blockchain เกิดขึ้นในวงกว้าง
Umar Farooq CEO ของ Onyx ธนาคารของบริษัทในเครือสินทรัพย์ดิจิทัลสำหรับการซื้อขายตราสารหนี้กล่าวว่า “JP Morgan พบว่าเงินฝากสามารถเข้าถึงได้บนบล็อคเชนสาธารณะ นี่ถือเป็นขั้นตอนต่อไปในวิวัฒนาการของเงินธนาคารพาณิชย์ดิจิทัล…”
มีรายงานว่าหน่วยงานดังกล่าวได้ทำธุรกรรมไปแล้ว คิดเป็นมูลค่า 300 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ นับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2020
DBS Bank JPMorgan และ Temasek ผู้เป็นเจ้าของร่วมของ Marketnode ได้มีส่วนร่วมในการทดลองระบบการชำระเงินระหว่างธนาคารแบบบล็อคเชนของสิงคโปร์ที่เรียกว่า Partior แล้ว
แพลตฟอร์มสำหรับองค์กรตัวนี้มีเป้าหมายเพื่อปรับปรุงความเร็วและลดต้นทุนของการชำระเงินข้ามพรมแดน ซึ่งจะเพิ่มขึ้นเป็น 156 ล้านล้านดอลลาร์ภายในสิ้นปี 2022
ข้อจำกัดความรับผิด
หมายเหตุบรรณาธิการ: เนื้อหาต่อไปนี้ไม่ได้สะท้อนถึงมุมมองหรือความคิเห็นของ BeInCrypto มันจัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้นและไม่ควรถูกตีความว่าเป็นคำแนะนำทางการเงิน กรุณาทำการวิจัยของคุณเองก่อนที่จะทำการตัดสินใจลงทุนใดๆ