ย้อนกลับ

ทำความเข้าใจกลการทำงานของ Yield Farming (คู่มือสำหรับผู้เริ่มต้น)

author avatar

เขียนโดย
Azmi Boonmalert

editor avatar

แก้ไขโดย
Passanai Jiraruekmongkol

26 เมษายน พ.ศ. 2565 18:00 ICT
เชื่อถือได้

Yield farming คืออะไร คุ้มที่จะเสี่ยงไหม บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ yield farming ในวงการเหรียญดิจิทัล ว่ามีกลไกการทำงานอย่างไร และแพลตฟอร์มไหนที่เหมาะกับการทำฟาร์มมากที่สุด

Yield farming คืออะไร

Yield farming คือ กระบวนการฝากเหรียญดิจิทัลเพื่อให้ได้เหรียญเพิ่มกว่าเดิมกลับมาอย่างสม่ำเสมอ หรือเป็นการสร้างรายได้แบบ Passive Income พูดง่ายๆ ก็คือเป็นการที่คุณช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับแพลตฟอร์ม และรับผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ย

กระบวนการจะคล้ายกับการฝากเงินในบัญชีออมทรัพย์ เงินในบัญชีจะรวมอยู่ในกองทุนสภาพคล่องของธนาคาร ซึ่งธนาคารสามารถนำเงินส่วนนี้ไปปล่อยกู้และจัดสรรให้ลูกค้าได้ Yield Farming มีแนวคิดเหมือนกัน แค่ว่าคุณฝากเงินไว้กับแพลตฟอร์มปล่อยกู้ แทนที่จะเป็นธนาคาร

เงินกู้ทั้งหมดจะดำเนินการในรูปแบบ smart contract โดยผู้กู้จะต้องวางหลักประกันก่อน ถึงจะกู้ได้ เมื่อผู้กู้ชำระเงินคืน คุณจะได้รับดอกเบี้ยจากโทเคนและ Yield Farming บนแพลตฟอร์ม

Sponsored
Sponsored

Yield farming เป็นกลไกหนึ่งที่ขับเคลื่อนระบบการเงินแบบไร้ตัวกลางหรือ DeFi โดยมีหลายแพตฟอร์มที่เสนอบริการนี้ เช่น Compound และ Aave หากคุณให้กู้หรือฝากเงินกับ Compound คุณจะได้รับดอกเบี้ยจากทรัพย์สินที่คุณปล่อยกู้ และโทเคน Compound จากการใช้แพลตฟอร์ม

หากคุณเข้าใจว่า การฝากเหรียญดิจิทัลเกิดขึ้นได้อย่างไร โดยใช้ Consensus algorithm แบบ proof-of-stake เช่นว่า Ethereum 2.0 กำลังอัปเกรดเป็นอะไร คุณจะเข้าใจได้ไม่ยากว่า Yield Farming คืออะไร

เริ่มทำ Yield Farming ยังไง

เริ่มจากการสมัครใช้บริการแพลตฟอร์มกองทุนสภาพคล่องอย่าง Aave และคุณจะต้องมีสินทรัพย์ในวอลเล็ตที่เชื่อมกับแพลตฟอร์มได้ โดยทั่วไปมักเป็นสกุลอีเธอเรียม หรือโทเคน ERC-20 โดยวอลเล็ตยอดฮิตสำหรับ ERC-20 ในตอนนี้ คือ MetaMask 

MetaMask

จากนั้นเลือกว่าคุณต้องการให้กู้หรือฝากเงินเป็นสินทรัพย์ใด แล้วระบุจำนวนที่ต้องการ แพลตฟอร์มจะแจ้งค่าธรรมเนียมและประมาณการรายได้ เมื่อฝากสินทรัพย์ในกองทุนสภาพคล่องเรียบร้อยแล้ว ก็เริ่มสร้างรายได้ได้

ผลตอบแทนจะจ่ายในอัตราขั้นต่ำ ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามแพลตฟอร์มปล่อยกู้และสินทรัพย์ที่เลือก โดยผู้กู้สามารถร่วมกำหนดจำนวนและระยะเวลาขั้นต่ำของการชำระเงินคืนได้ด้วย นอกจากนี้ อย่าลืมว่า ลงทุนด้วยจำนวนเงินที่มากหน่อย เพื่อให้เห็นผลตอบแทนเป็นกอบเป็นกำ

คุ้มหรือไม่ที่จะทำฟาร์มคริปโต

หลายคนจะบอกว่าคุ้มมาก เพราะมองว่าเป็นการได้ดอกเบี้ยจากเหรียญดิจิทัลที่แค่นอนอยู่ในวอลเล็ตเฉยๆ

Farm Yield ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า มากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับจำนวนเงินที่ลงทุน ทั้งนี้เพราะเป็นการลงทุนที่การันตีว่าจะได้กำไรคืนแน่นอน ซึ่งไม่ถือว่าเสี่ยงเท่ากับการทำ Day trading ที่อาจทำให้คุณเสียเงินทุนทั้งหมด

การทำฟาร์มคริปโต (Crypto Farming) และ Staking คืออะไร

การทำฟาร์มคริปโตและ Staking เป็นการเก็บหรือซ่อนสินทรัพย์ของคุณในวอลเล็ตโดยใช้ Smart Contract

Sponsored
Sponsored

สินทรัพย์ที่ว่าก็จะถูกนำไปใช้ตามสัญญาที่ได้ตกลงกันไว้ และจะได้รับการปลดล็อคคืนให้คุณเมื่อดำเนินการตามสัญญาเสร็จสิ้น โดยคุณจะได้รับดอกเบี้ยจากเงินดิจิทัลที่ออกไปทำงานให้คุณ

เก็บผลผลิตจากการทำฟาร์มคริปโตอย่างไร

เริ่มเก็บเหรียญคริปโตได้หลังจากทำฟาร์มไปสักพัก จำนวนเงินที่ได้จะแตกต่างกันไปตามแพลตฟอร์มที่เลือกใช้ แต่ค่อนข้างแน่นอนว่า คุณจะได้ผลตอบแทน ถ้าคุณลงทุน

แพลตฟอร์มที่ดีที่สุดสำหรับการทำฟาร์มคริปโต (Yield Farming)

แพลตฟอร์มสำหรับทำฟาร์มคริปโตมีอยู่หลายแห่ง ยกตัวอย่างเช่น

  1. Aave
AAVE Protocol DeFi

Aave เป็นแพลตฟอร์มเสริมสภาพคล่องแบบ non-custodial สำหรับการกู้และให้กู้เงินดิจิทัล รองรับ stablecoins และเหรียญหลากหลายชนิด เช่น DAI, USDT, BAT และ yearn.finance

เว็บไซต์หน้าแรกจะแสดงรายชื่อของเหรียญทั้งหมดที่รองรับ รวมถึงข้อมูลเรื่องขนาดตลาด เงินทั้งหมดที่มีการขอกู้ ดอกเบี้ยรายปีสำหรับผู้ให้กู้และผู้ขอกู้ โดยจะแสดงค่าเงินทั้งหมดเป็น USD หรือสกุลเงินประจำแพลตฟอร์ม (native) – เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน

เมื่อคุณให้กู้ใน Aave คุณจะได้รับสกุลเงินประจำแพลตฟอร์ม ‘aTokens’ เพิ่มเติมจากดอกเบี้ยที่ได้รับอยู่แล้ว ยิ่งให้กู้นาน ยิ่งได้รับ aTokens มากขึ้นตาม

มูลค่า aToken จะผูกกับกับสินทรัพย์ของแพลตฟอร์มในอัตราส่วน 1:1 นอกจากนี้ยังสามารถโอนผลตอบแทนไปยังที่อยู่ ERC-20 อื่นได้ด้วย

Sponsored
Sponsored

2. Compound

Compound มีหน้าตาคล้าย Aave เช่น บริการให้กู้และขอกู้ด้วยเงินดิจิทัลหลากหลายสกุล นอกจากนี้ ยังนำเสนอข้อมูลมากมาย เช่น อัตราดอกเบี้ยรายปี ปริมาณสภาพคล่องหมุนเวียน ฯลฯ

สิ่งที่ทำให้ Compound โดดเด่นกว่าแพลตฟอร์มอื่น คือ ความสามารถในการใช้งานได้กับแพลตฟอร์มอื่น เช่น คุณจะได้รับโทเคนประจำแพลตฟอร์ม COMP ในรูปของเงินดิจิทัลที่ฝากหรือเก็บอยู่ใน Coinbase หรือ Ledger wallet ซึ่งช่วยประหยัดทั้งเวลาและเงิน เพราะไม่จำเป็นต้องเสียค่าธรรมเนียมการโอนเหรียญเข้าวอลเล็ต

Compound ยังร่วมมือกับแพลตฟอร์มรับฝากดูแลเงินดิจิทัล (custodian) หลายแห่ง เพื่อให้มั่นใจว่าเงินของคุณได้รับการบริหารจัดการโดยหน่วยงานที่ไว้ใจได้

ภาษีเงินดิจิทัลอาจเป็นเรื่องยุ่งยาก แม้จะยังไม่ได้นำเรื่องการให้กู้หรือขอกู้เข้ามาคำนวณด้วย Compound จึงร่วมมือกับแพลตฟอร์มภาษีคริปโตชื่อดังอย่าง Tokentax และ Cointracker โดยสามารถส่งออกข้อมูลไปยังฐานข้อมูลเหล่านี้ได้ง่าย ๆ ถ้าคุณกำลังยุ่งมากๆ อยู่กับ Yield Farming ใน Compound แพลตฟอร์มภาษีเหล่านี้จะช่วยให้การจัดการภาษีคริปโตของคุณง่ายขึ้นอย่างแน่นอน

3. Uniswap

Uniswap V3

Uniswap เป็นแพลตฟอร์มแรก ๆ ที่เสนอบริการให้กู้และขอกู้ในช่วงที่ DeFi หรือการเงินไร้ตัวกลางกำลังได้รับความนิยมสูงสุด โดยรองรับ Integration กว่า 200 รูปแบบกับแพลตฟอร์มการเงินไร้ตัวกลางอื่น เช่น Compound, Aave, หรือแม้กระทั่ง Coinbase ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มแบบมีตัวกลาง

ปัจจุบัน Uniswap อัปเกรดเป็นเวอร์ชั่นที่สาม โดยมีฟีเจอร์ไม่เหมือนใครคือ concentrated liquidity ช่วยให้คุณสามารถฝากเงินในช่วงราคาที่กำหนด ต่างจากเคสปกติที่ต้องฝากเงินหรือให้กู้ในช่วงระหว่าง 0 ถึงไร้เพดาน ฟีเจอร์นี้ช่วยสร้างผลตอบแทนมากขึ้น เพราะเป็นการฝากเงินหรือให้กู้ด้วยมูลค่าที่สูงกว่า และชัดเจนกว่าวิธีเดิม

นอกจากบริการให้กู้และขอกู้ Uniswap ยังมีบริการอื่นอีก เช่น บริการกำกับดูแลโดยอิงกับโทเคนสกุล UNI แลกเปลี่ยนคริปโตทุกชนิด และแสดงข้อมูลแบบกราฟ

Sponsored
Sponsored

4. Balancer

Balancer BAL

Balance สามารถแลกเปลี่ยน Ether เป็น ERC-20 ในกองทุนสภาพคล่องได้โดยตอบแทนเป็น BAL token

วิธีนี้เรียกว่า Automated Market Maker (AMM) เป็นการสร้างกองสินทรัพย์ขึ้นมา 2 ชนิด สภาพคล่องจะไหลเวียนผ่านการขอกู้ ให้กู้ และถอนเงิน กิจกรรมเหล่านี้จะค่อยเปลี่ยนแปลงราคาสินทรัพย์อยู่เสมอ Balancer จึงหักล้างด้วยการแปลงสินทรัพย์ผ่านกองทุนที่มีมูลค่าสูงสุดสำหรับผู้ใช้

ยกตัวอย่าง การแปลงจาก ETH เป็น DAI อาจดำเนินการผ่านกอง USDT โดยอัตโนมัติด้วย smart contract หาก ETH และ DAI มีการเปลี่ยนแปลงรุนแรง กลไกนี้ช่วยรักษาเงินของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องไว้อย่างปลอดภัย นอกจากนี้ ผู้ให้กู้ยังสามารถสร้างรายได้ได้มากขึ้น เพราะสามารถกำหนดค่าธรรมเนียมได้เองตั้งแต่ 0.0001% ถึง 10% ตามที่เห็นควร

Balancer รองรับโทเคนได้ถึง 8 ชนิดในหนึ่งกองทุนสภาพคล่อง ราคาจะปรับอัตโนมัติตามความจำเป็นเนื่องจากเป็นแพลตฟอร์ม AMM โดยจะตอบแทนด้วยโทเคน BAL

ณ วันที่เขียนบทความนี้ Balancer ยังอยู่ในช่วงแรกของการทดลอง และจะอัปเกรดเป็นเวอร์ชั่น 2.0 ในอีกไม่นาน การอัปเกรดนี้จะทำให้มีค่าธรรมเนียมแก๊สลดลง เพิ่มฟีเจอร์การปรับลอจิค AMM ของกองทุน และฟีเจอร์ asset manager ในแพลตฟอร์ม, ฯลฯ

5. Sushiswap

SushiSwap SUSHI

อันที่จริง แพลตฟอร์มนี้เป็นเวอร์ชั่นอัปเกรดของ Uniswap ซึ่งแปลว่า เป็น AMM เหมือนกันโปรโตคอลนี้รองรับเหรียญหลายสกุลที่ไม่ได้อยู่บนรายชื่อของแพลตฟอร์มผู้ให้บริการรายอื่น จึงน่าสนใจสำหรับผู้ให้กู้และผู้ขอกู้มือเก๋า

แพลตฟอร์มนี้ตอบแทนผู้สร้างสภาพคล่องด้วยโทเคน SUSHI ซึ่งนำไป stake บน SushiBar แลกกับ xSUSHI ได้อีกต่อ xSUSHI เป็นสินทรัพย์ที่สร้างขึ้น (mint) ด้วยค่าธรรมเนียมธุรกรรมเมื่อนักลงทุนซื้อ SUSHI

สรุป

หวังเป็นอย่างยิ่งว่า บทความนี้จะช่วยให้คุณสร้างรายได้จากการทำฟาร์มคริปโตหรือ yield farming ได้ โดยไร้ความสงสัยและความกลัว

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ

ข้อมูลทั้งหมดที่มีอยู่บนเว็บไซต์ของเราเผยแพร่ด้วยเจตนาที่ดีและเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น ทั้งนี้เป็นไปตาม แนวทางของ Trust Project. การกระทำใด ๆ ที่ผู้อ่านดำเนินการตามข้อมูลที่พบบนเว็บไซต์ของเราถือเป็นความเสี่ยงของผู้อ่านโดยเฉพาะ Learn ให้ความสำคัญกับข้อมูลคุณภาพสูง เราอุทิศเวลาให้กับการแยกแยะ ค้นคว้า และสร้างเนื้อหาเพื่อการศึกษาซึ่งเป็นประโยชน์กับผู้อ่าน เพื่อเป็นการรักษามาตรฐานนี้และเพื่อสร้างเนื้อหาคุณภาพได้อย่างต่อเนื่อง พาร์ตเนอร์ของเราอาจตอบแทนเราด้วยค่าคอมมิชชั่นสำหรับการจัดวางตำแหน่งต่าง ๆ ในบทความของเรา อย่างไรก็ดี ค่าคอมมิชชั่นนี้ไม่มีผลต่อกระบวนการของเราในการสร้างเนื้อหาที่ไร้อคติ ตรงไปตรงมา และเป็นประโยชน์ โปรดดู ข้อกำหนดและเงื่อนไข, นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อจำกัดความรับผิดชอบ ของเรา