จากการเป็นหนึ่งในเกม Metaverse Play-to-Earn ที่ได้รับการคาดหวังมากที่สุด ไปจนถึงการตกลงไปในหลุมแห่งความน่าอับอายที่ดูเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุด Pixelmon ได้แสดงให้เห็นถึงประวัติศาสตร์สั้นๆ ของมันแล้ว มันอาจจะเป็นโครงการ Metaverse / NFT ที่มีการถกเถียงกันมากที่สุดเมื่อไม่นานมานี้ และก็มีแนวโน้มว่ามันจะยังคงเป็นเช่นนั้นไปจนกว่าทีม Pixelmon NFT จะทำสิ่งที่ถูกต้องเพื่อนักลงทุนที่ไม่พอใจและแก้ไขชื่อเสียงที่กำลังตกต่ำลง
เหล่าผู้คนยังคงพิจารณาถึงสาเหตุของความล้มเหลวนี้ มันเป็นเรื่องการตลาดที่จัดการได้ไม่ดีและการจัดการความคาดหวังที่ผิดคาด หรือมีอะไรที่น่ากลัวกว่านี้ที่เกี่ยวข้องหรือไม่? เราหวังว่าบทความโดยละเอียดนี้จะทำให้คุณเห็นสถานการณ์ปัจจุบันแบบ 360 องศา เพื่อให้คุณสามารถทำความเข้าใจเกี่ยวกับประเด็นปัญหาของมันได้ดีที่สุด
Pixelmon คืออะไร?
ด้วยแรงบันดาลใจจากโปเกมอน Pixelmon เริ่มต้นจากการเป็นโครงการที่มีความทะเยอทะยานโดยสัญญาว่าจะมี Metaverse ที่กว้างใหญ่และซับซ้อน มันนำเสนอตัวเองเป็นเกม Open-World ซึ่งคุณจะสามารถสำรวจโลกเสมือนจริงได้ในขณะที่ซื้อขายและฝึกฝนสัตว์ประหลาดตัวน้อยของคุณที่รู้จักกันในชื่อ Pixelmons
เกมเพลย์คือการที่คุณจะต้องใช้ Pixelmons ของคุณต่อสู้กับ Pixelmons ของผู้เล่นคนอื่นๆ เมื่อคุณเอาชนะคู่ต่อสู้ของคุณได้อย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอก็จะทำให้คุณได้รับรางวัลเป็น Ethereum (ETH) หรือ Pixelmon NFT
ขอบเขตที่ทะเยอทะยาน
ทีมงาน Pixelmon ระบุใน Litepaper ว่าโปรเจ็กต์เริ่มต้นขึ้นด้วยความพยายามที่จะสร้าง “โลกที่สนุกสนาน เปิดกว้าง และดื่มด่ำ” ซึ่งจะเชื่อมช่องว่างระหว่าง NFT และเกมกระแสหลักเข้าด้วยกัน
เพื่อก่อให้เกิดการยอมรับจำนวนมาก ตัวเกมจะให้บริการฟรีสำหรับทุกคน แม้ว่าจะมีกลไก Pay-to-Play ที่เป็นตัวเลือกอยู่ด้วย ในขณะเดียวกัน องค์ประกอบ Play-to-Earn ในเกมสัญญาว่าจะให้ประโยชน์แก่ผู้ถือ Pixelmon NFT โดยให้สิทธิ์เข้าถึงกลุ่มรางวัลที่ใหญ่ขึ้นอย่าง Metaverse Land, Token Airdrops, และไอเทมอื่นๆ
ตัวเกมเกมสัญญาว่าจะมีบางสิ่งบางอย่างสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเล่นเกมแต่ละประเภท ซึ่งรวมไปถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะผู้ชื่นชอบเกม PvP, PvE, Solo และ MMO Pixelmon สัญญาว่าจะให้ผู้ใช้งานเข้าถึงระบบผู้เล่นหลายคนได้ทันทีบนพีซีเมื่อเปิดตัว ในขณะที่ค่อยๆ ขยายตัวไปยังแพลตฟอร์มอื่นๆ รวมไปถึง Mac, Xbox และ PlayStation
Pixelmon NFTs รุ่นแรก
Pixelmon NFTs เจเนอเรชั่นแรก มีต้นกำเนิด 69 ชนิดที่ผู้ใช้งานสามารถฟักออกมาได้ โดยมีวิวัฒนาการ Pixelmon ที่ไม่ซ้ำกันมากกว่า 150 แบบ ตัวเกมให้สัญญาว่าผู้ที่ถือตัวต้นกำเนิด Pixelmon จะได้รับสิทธิพิเศษมากมาย เช่น การเข้าถึง Airdrops ของ Pixelmon Land แบบ Exclusive
Land Airdrops
Pixelmon Metaverse วางแผนที่จะนำเสนอที่ดินเสมือนจริงในขนาดและมีการกำหนดค่าที่หลากหลาย ซึ่งขึ้นอยู่กับความชอบของคุณ คุณสามารถซื้อที่ดินเสมือนจริงขนาดเล็ก (เหมาะที่สุดสำหรับเต็นท์ เพิง หรือห้องขนาดเล็ก) หรือแปลงที่ดินที่ขนาดใหญ่กว่ามากเพื่อสร้างคฤหาสน์หรือปราสาท
แนวคิดคือเพื่อให้ผู้เล่นมีตัวเลือกที่หลากหลาย เช่น คุณอาจจะได้ที่ดินผืนเล็กๆ ในถิ่นทุรกันดาร ตั้งค่ายที่นั่น และเผชิญหน้ากับพลังแห่งธรรมชาติ หรือหากคุณต้องการ คุณยังสามารถซื้อที่ดินในจัตุรัสกลางเมืองเพื่อเปิดร้านที่คุณสามารถขายของที่คุณได้สร้างขึ้นในช่วงเวลาที่คุณอยู่ในเกม อีกทางหนึ่ง คุณสามารถสร้างปราสาทขนาดใหญ่บนที่ดินผืนใหญ่และดำเนินการสิ่งต่างๆ ในเกมของคุณจากที่นั่น
เป็นที่น่าสังเกตว่าทีมพัฒนา Pixelmon ระบุไว้ในแผนงานของโครงการว่าพวกเขาจะซื้อที่ดินใน Sandbox ก่อนการเปิดตัวเกมอัลฟ่า การผสานรวมใน Sandbox เป็นขั้นตอนแรกในการดำเนินการตามแนวคิดการทำ Metaverse ให้เป็นเกมของโครงการ
Pixelmon token Staking
ข้อดีอีกประการของการเป็นเจ้าของ Pixelmon NFT รุ่นที่ 1 คือ คุณจะสามารถเข้าถึง Pixelmon Token Airdrops แบบ Exclusive ได้หลังจากการเปิดตัวตามกำหนดการในไตรมาสที่ 2 ปี 2022
คุณสามารถ Stake Pixelmon Token เพื่อรับโทเค็นยูทิลิตี้ดั้งเดิมของเกมได้ทุกวัน ผลตอบแทนจากการ stake รายวันขึ้นอยู่กับความหายากของ Pixelmon ซึ่งอาจจะอยู่ในช่วงใดก็ได้ตั้งแต่ระดับ Common จนถึงระดับ Eternal
การเข้าถึงล่วงหน้าและสิทธิประโยชน์อื่นๆ
นอกเหนือจากการ Airdrop Landแล้ว การเป็นเจ้าของสายพันธุ์ต้นกำเนิดของ Pixelmon NFT จะทำให้คุณได้รับรางวัลมากมายในเกม เช่น ความสามารถในการปรับแต่งผู้ฝึกฝนหรือตกแต่งบ้านของคุณ นอกจากนี้ คุณยังจะได้รับสิทธิ์เข้าถึงช่วงเปิดตัวเกมอัลฟ่าก่อนใครอีกด้วย
ตอนนี้ คุณได้รับรู้ถึงแนวคิดโดยทั่วไปกับสิ่งที่โครงการ Pixelmon Metaverse เกี่ยวข้องแล้ว เรามาต่อที่ข้อถกเถียงครั้งใหญ่กันดีกว่า
เรื่องถกเถียงของ Pixelmon NFT: ความคลั่งไคล้และความจริง
คอลเลกชัน Pixelmon NFT เริ่มสร้างขึ้นเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2022 ผ่าน Dutch Auction (การประมูลแบบไล่จากราคาสูงลงมาจนกว่าจะได้ผู้ซื้อ)
ในช่วงเวลานั้น โครงการมีผู้ติดตามหลายแสนคนบนโซเชียลมีเดีย รวมถึง มากกว่า 200,000 คนบน Twitter เสียงอื้ออึงเกิดขึ้นรอบๆ โครงการซึ่งไปถึงจุดสูงสุดใหม่ในแต่ละวันที่ผ่านไป
อันที่จริง มันก็เป็นเหมือนความคลั่งไคล้ คอลเลกชันทั้งหมดขายหมดภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของการขายรอบเปิดตัวได้เพิ่มมูลค่า 70 ล้านดอลลาร์ให้กับเงินทุนของโครงการ ทำให้มันเป็นหนึ่งในโครงการที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาสำหรับโครงการ NFT
ผู้ซื้อในช่วงแรกจ่ายเงินสูงถึง 3 ETH (~ 8,000 ดอลลาร์ ณ เวลานั้น) ต่อ Pixelmon NFT หนึ่งตัว แม้ว่าราคาจะค่อยๆ ลดลงเมื่อการขายดำเนินไป แม้ว่าผู้ซื้อจะรู้ว่าการเปิดตัวเกมยังห่างไกลออกไป แต่โดยรวมๆ แล้ว พวกเขาพอใจกับแรงจูงใจที่พวกเขาได้สัญญาไว้ (ซึ่งบางส่วน เราได้กล่าวไปแล้วในข้างต้น)
จนถึงตอนนี้ มันดูดีมาก! แต่แล้วก็มีการเปิดเผยครั้งใหญ่ที่เปลี่ยนการมองโลกในแง่ดีทั้งหมดเกี่ยวกับตัวโครงการไปเป็นการเยาะเย้ย การวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง และแม้แต่ ข้อกล่าวหาว่ามันเป็นการหลอกลวง
ความตื่นเต้นกลายเป็นความโกรธ
นรกอุบัติขึ้นในวันที่มีการเปิดเผยครั้งใหญ่เมื่อผู้ซื้อพบว่างานศิลปะ Pixelmon NFT นั้นดูห่างไกลจากภาพเรนเดอร์ในเกมที่ทีมผู้พัฒนาโพสต์บนโซเชียลมีเดีย ไม่เพียงแค่มันออกแบบมาไม่ดีเท่านั้น แต่มันยังแย่ถึงขนาดตัวโครงการเองกลายเป็นเรื่องขำขันเลยทีเดียว
ผู้ซื้อนั้นมีสิทธิ์ที่จะโกรธอย่างสมเหตุสมผล และพวกเขาก็เรียกร้องหานักพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง ในขณะเดียวกัน ราคาพื้นฐานของคอลเลกชันก็ค่อนข้างดีและตกลงมาที่ 0.3 ETH และนั่นเป็นเพียง 10% ของราคาสร้างดั้งเดิม
Kevin กลายมาเป็นไวรัลมีมได้อย่างไร
ท่ามกลางความโกลาหล ก็ยังมีสิ่งที่เป็นเรื่องดี หรือคุณจะเรียกมันว่าแบบนั้นก็ได้ คุณเห็นไหมว่า NFT บางอันนั้นแย่มากจนผู้คนเริ่มหลงรักพวกมัน(อย่างแดกดัน) Kevin สิ่งมีชีวิตคล้ายกบก็เป็นหนึ่งในนั้น
แน่นอน ไม่มีทางที่มันจะไม่กลายเป็นไวรัลมีม
อย่างไรก็ตาม หากคุณพบว่ามันตลกที่ผู้คนใช้เงินเพียง 8,000 ดอลลาร์เพื่อซื้อ NFT โง่ๆ นั่น ลองคิดใหม่อีกครั้ง ผู้โชคดีบางคนที่สามารถทำสร้างเควินได้ในเวลาต่อมา แล้วก็ขายมันไปได้มากกว่า 8 ETH ถึงแม้ว่ามันจะมีเรื่องแย่ๆ อยู่รอบๆ Pixelmon บางคนถึงกับกำหนดราคา Kevin NFT ของพวกเขาเป็น 100 ETH ขึ้นไป
ใช่ Kevin กลายเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์แล้ว
สิ่งต่างๆ เริ่มแย่ลง
อย่างที่คุณคาดการณ์ไว้ นักพัฒนา Pixelmon ได้รับการตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วนจากผู้ซื้อที่ไม่พอใจและผู้ชมที่ดูอย่างขบขัน แต่นั่นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น ความขัดแย้งเริ่มรุนแรงขึ้นเมื่อพบว่าทีมนักพัฒนาได้มีการจ้างฟรีแลนซ์ในการออกแบบงานศิลปะ NFT สิ่งนี้สร้างความขุ่นเคืองให้กับคนจำนวนมาก จนถึงตอนนี้ ทีม Pixelmon ได้หลอกชุมชนให้เชื่อว่าตัวโครงการเองมี “ทีมศิลปิน” ที่ทำงานในเรื่องงานศิลปะ NFT โดยเฉพาะ
และยิ่งเป็นการเติมเชื้อเพลิงลงในกองไฟ เมื่อเวลาผ่านไปไม่นานก็พบว่าทีมงานได้ใช้เงินก้อนใหญ่ของกองทุนการสร้าง (ประมาณ 400 ETH) ไปเพื่อซื้อ NFT อื่นๆ
เมื่อถึงจุดนี้ ความกลัวและความสงสัยก็เพิ่มมากขึ้นว่านี่คือการ Rug Pull หรือไม่ เหล่าผู้ที่ซื้อ Pixelmon NFT ก็ได้เตรียมตัวเองให้พร้อมสำหรับเซอร์ไพรส์ที่เลวร้าย
ทางทีมงานยินดีรับผิดชอบ
ไม่ค่อยมีใครรู้เกี่ยวกับทีมงาน Pixelmon เว้นแต่ว่าพวกเขาเคยทำงานให้กับ Activision, Disney และ WB มาก่อน แม้แต่ผู้ก่อตั้งโครงการก็ยังใช้นามแฝง “Syber” เพื่อโต้ตอบกับชุมชนจนกระทั่งความขัดแย้งปะทุขึ้น
อย่างไรก็ตาม ภายใต้แรงกดดันที่เกิดขึ้น ในที่สุดเขาก็เลือกที่จะเปิดเผยว่าชื่อจริงของเขาคือ Martin van Blerk ซึ่งเป็นพลเมืองนิวซีแลนด์ อายุ 21 ปี
เมื่อรู้สึกถึงความร้อนแรงจากชุมชน Martin จึงใช้โซเชียลมีเดียเพื่อรับทราบเรื่องและกล่าวคำขอโทษ ในเซสชัน AMA ในช่อง Discord ของ Pixelmon ผู้ก่อตั้งอธิบายว่า:
“ผมอยากจะขอโทษในนามของตัวผมเองและ Pixelmon สำหรับทุกคนที่ได้รับผลกระทบจากสิ่งนี้ [….] เมื่อเราเริ่มโครงการนี้ เราไม่ได้คิดว่ามันจะใหญ่โตขนาดนี้”
สำหรับการใช้เงินทุน 400 ETH เพื่อซื้อ NFT อื่นนั้น Martin กล่าวว่าพวกเขาใช้มันซื้อในช่วงตลาดตกต่ำ
Martin ยอมรับว่าไม่ได้เป็นตัวแทนของแบรนด์ เขายืนยันกับชุมชน Pixelmon ว่าทีมกำลังทำงานอย่างหนักเพื่อแก้ไขข้อบกพร่องทั้งหมด
Martin กล่าวเพิ่มเติมว่าโครงการได้จัดสรรเงินจำนวน 2 ล้านเหรียญแล้วเพื่อออกแบบ NFTs ใหม่ด้วยความช่วยเหลือจากสตูดิโออื่นๆ
คอลเลกชัน Pixelmon NFT เจเนอเรชั่นแรก มีให้บริการบน OpenSea แล้ว
หลอกลวง ไร้ความสามารถ หรือเป็นเรื่องอื่นกันแน่?
นับตั้งแต่มีข้อขัดแย้งเกิดขึ้น ดูเหมือนว่าทีม Pixelmon จะพยายามแก้ไขสถานการณ์อย่างจริงใจ และเมื่อพิจารณาจากสิ่งนี้แล้ว มันคงไม่เหมาะที่จะหมายหัวว่าพวกเขาเป็นโครงการที่หลอกลวงในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้
อย่างไรก็ตาม ความจริงที่ว่าพวกเขาสร้างความขัดแย้งที่รุนแรงให้กับชุมชนและคำขู่ในการดำเนินการทางกฎหมายเพื่อแก้ไขวิธีการนั้น มันไม่ได้สะท้อนถึงความเป็นมืออาชีพของทีมงานเลย วิธีเดียวในตอนนี้สำหรับพวกเขาที่จะหลุดพ้นจากความยุ่งเหยิงนี้คือการนำเสนอคอลเลกชัน Pixelmon NFT ที่มีคุณภาพเหนือกว่าซึ่งรับประกันความคุ้มค่าของราคา
นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาว่าโครงการจะต้องได้รับการตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วนมากขึ้น ทีมงานผู้พัฒนาจึงต้องยืนหยัดและยึดมั่นในแผนงานของโครงการ
คำถามที่พบบ่อย
Pixelmon NFT คืออะไร?
โปเกมอนจะกลายเป็น NFT ได้หรือไม่?
Kevin NFT คือใคร?
Pixelmon ฟรีบน Minecraft หรือไม่?
Trusted
ข้อจำกัดความรับผิด
ข้อมูลทั้งหมดที่มีอยู่บนเว็บไซต์ของเราเผยแพร่ด้วยเจตนาที่ดีและเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น การกระทำใด ๆ ที่ผู้อ่านดำเนินการตามข้อมูลที่พบบนเว็บไซต์ของเราถือเป็นความเสี่ยงของผู้อ่านโดยเฉพาะ Learn ให้ความสำคัญกับข้อมูลคุณภาพสูง เราอุทิศเวลาให้กับการแยกแยะ ค้นคว้า และสร้างเนื้อหาเพื่อการศึกษาซึ่งเป็นประโยชน์กับผู้อ่าน เพื่อเป็นการรักษามาตรฐานนี้และเพื่อสร้างเนื้อหาคุณภาพได้อย่างต่อเนื่อง พาร์ตเนอร์ของเราอาจตอบแทนเราด้วยค่าคอมมิชชั่นสำหรับการจัดวางตำแหน่งต่าง ๆ ในบทความของเรา อย่างไรก็ดี ค่าคอมมิชชั่นนี้ไม่มีผลต่อกระบวนการของเราในการสร้างเนื้อหาที่ไร้อคติ ตรงไปตรงมา และเป็นประโยชน์
