Mark Zuckerberg CEO ของ Meta เผยแพร่โพสต์บน Facebook โดยกล่าวว่า Meta Pay จะมาแทนที่ Facebook Pay และจะมีคุณสมบัติอื่นๆ เพิ่มเติม
Meta ได้รีแบรนด์จากกระเป๋าเงินดิจิทัล Facebook Pay เป็น Meta Pay โดยเรียกการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวว่าเป็น “ขั้นตอนแรก” ของบริษัทในการสร้างกระเป๋าเงินเวอร์ชัน Metaverse ของพวกเขา
กระเป๋าเงินดังกล่าวจะสามารถใช้งานได้บนแพลตฟอร์ม Metaverse ของ Meta; ผู้ใช้งานจะสามารถ “จัดการตัวตนของคุณ สิ่งที่คุณเป็นเจ้าของ และวิธีชำระเงินของคุณได้อย่างปลอดภัย” มันยังอนุญาตให้ผู้ใช้งานสามารถทำธุรกรรมบน Facebook, Instagram, WhatsApp, Messenger และแพลตฟอร์มอื่นๆ ที่รองรับได้อีกด้วย
Mark Zuckerberg ระบุถึงสิ่งที่ผู้ใช้งานจะสามารถใช้ Meta Pay ใน Metaverse ได้ ซึ่งรวมไปถึง การซื้องานศิลปะ วิดีโอ เพลง เสื้อผ้าดิจิทัล ตั๋วเข้าชมงานเสมือนจริง และบริการต่างๆ
“ยิ่งคุณใช้สินค้าดิจิทัลของคุณในสถานที่ต่างๆ ได้มากเท่าไร คุณก็จะยิ่งเห็นคุณค่าของสินค้ามากขึ้นเท่านั้น ซึ่งจะช่วยสร้างตลาดที่ใหญ่ขึ้นสำหรับผู้สร้างสรรค์ผลงาน ยิ่งคุณทำธุรกรรมได้ง่ายเท่าไร โอกาสของผู้สร้างสรรค์ผลงานก็ควรจะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น เรากำลังรอคอยที่จะสร้างสิ่งนี้ออกมา” เขากล่าว
นอกจากนี้ เขายังแย้มๆ ว่า Meta จะสามารถใช้งาน Non-Fungible Tokens (NFTs) ในอนาคต “หลักฐานการเป็นเจ้าของจะยังคงมีความสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากคุณต้องการนำสิ่งของเหล่านี้ติดตัวไปใช้ในบริการต่างๆ” Zuckerberg กล่าวเสริม
ความเร็วในการดำเนินการนำร่อง Metaverse ของ Meta
ตอนนี้ Meta กลายเป็นบริษัท Metaverse แห่งแรกอย่างมั่นคง แม้ว่ามันจะมีค่าใช้จ่ายจำนวนมากในระยะสั้นก็ตาม บริษัทได้ทุ่มเงินหลายพันล้านในการวิจัยและพัฒนา Metaverse แต่มันก็ยังไม่มีอะไรจะแสดงให้เห็นจนถึง ณ ตอนนี้
อย่างไรก็ตาม นั่นอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงในไม่ช้า บริษัทได้เริ่มมีการทดลองใช้เทคโนโลยีเหล่านี้นำร่องในฮ่องกงแล้ว ดูเหมือนว่าทั้งบริษัทและเหล่าผู้บริหารจะเชื่อมั่นในศักยภาพของเทคโนโลยีนี้เป็นอย่างมาก และจะตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่เพื่อที่จะได้เป็นผู้เล่นรายแรก
Microsoft เห็นด้วยกับมาตรฐานเปิด
เมื่อต้นสัปดาห์ Microsoft, Meta, Epic Games และบริษัทอื่นๆ อีก 33 แห่งตกลงที่จะร่วมมือกันในการใช้มาตรฐานเปิดสำหรับ Metaverse กลุ่มนี้เรียกว่า Metaverse Standards Forum เพื่อสร้างมาตรฐานเปิดที่ทำงานร่วมกันได้สำหรับเทคโนโลยีความเป็นจริงเสริมและความเป็นจริงเสมือน Geospatial และเทคโนโลยี 3D
เป้าหมายหลักของกลุ่มคือการหารือเกี่ยวกับจุดที่ขาดความสามารถในการทำงานร่วมกันที่อาจจะฉุดให้อุตสาหกรรม Metaverse ถอยหลัง มันจึงไม่น่าแปลกใจที่ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีเหล่านี้ต้องการร่วมมือกันในด้านพื้นฐานของเทคโนโลยีที่เชื่อมต่อถึงกัน อีกทั้ง ศักยภาพของธุรกิจเองก็สูงมาก โดยคาดการณ์กันไว้ที่มูลค่ามากกว่า 6 แสนล้านดอลลาร์ภายในปี 2026
ข้อจำกัดความรับผิด
หมายเหตุบรรณาธิการ: เนื้อหาต่อไปนี้ไม่ได้สะท้อนถึงมุมมองหรือความคิเห็นของ BeInCrypto มันจัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้นและไม่ควรถูกตีความว่าเป็นคำแนะนำทางการเงิน กรุณาทำการวิจัยของคุณเองก่อนที่จะทำการตัดสินใจลงทุนใดๆ