อาชญากรไซเบอร์จากเกาหลีเหนือได้เปลี่ยนกลยุทธ์ในแคมเปญวิศวกรรมสังคม โดยพวกเขาขโมยเงินมากกว่า 300 ล้าน USD ด้วยการแอบอ้างเป็นบุคคลในอุตสาหกรรมที่เชื่อถือได้ผ่านวิดีโอประชุมปลอม
คำเตือนซึ่งถูกเปิดเผยโดย Taylor Monahan นักวิจัยด้านความปลอดภัยของ MetaMask (ซึ่งเป็นที่รู้จักในชื่อ Tayvano) ได้อธิบายรายละเอียดถึงแผนการ “ระยะยาว” ที่ซับซ้อน โดยเจาะจงเป้าหมายเป็นผู้บริหารในวงการคริปโต
Sponsoredเกาหลีเหนือใช้การประชุมปลอมดูดเงินจากกระเป๋าเงินคริปโต
ตามที่ Monahan กล่าว แคมเปญนี้แตกต่างจากการโจมตีในอดีตที่พึ่งพา AI deepfake
ทั้งนี้พวกเขาใช้วิธีการที่ตรงไปตรงมายิ่งขึ้นโดยอาศัย การเข้ายึดบัญชี Telegram และใช้วิดีโอสัมภาษณ์จริงวนลูปแทน
รูปแบบการโจมตีนี้มักเริ่มขึ้นหลังจากแฮกเกอร์ได้ควบคุมบัญชี Telegram ที่เชื่อถือได้ ซึ่งมักเป็นของนักลงทุนร่วมทุนหรือบุคคลที่เหยื่อเคยพบในงานสัมมนา
จากนั้น กลุ่มคนร้ายจะอาศัยประวัติการสนทนาเดิมเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ โดยชักนำเหยื่อเข้าสู่วิดีโอคอลบน Zoom หรือ Microsoft Teams ผ่านลิงก์ Calendly ที่ดัดแปลงซ่อนเจตนา
เมื่อการประชุมเริ่ม ผู้เสียหายจะเห็นเหมือนเป็นวิดีโอสดจากบุคคลที่ตนรู้จัก แต่แท้จริงแล้วมักเป็นการนำวิดีโอสัมภาษณ์จากพอดแคสต์หรือการปรากฏตัวสาธารณะมาใช้ซ้ำ
Sponsoredช่วงสำคัญมักเกิดขึ้นเมื่อมีการสร้างปัญหาทางเทคนิคขึ้นมาอย่างจงใจ
หลังจากอ้างปัญหาเสียงหรือภาพ กลุ่มคนร้ายจะรีบเร่งให้เหยื่อกู้คืนการเชื่อมต่อ ด้วยการดาวน์โหลดสคริปต์หนึ่งหรือติดตั้ง SDK ที่พวกเขาแนะนำ ซึ่งไฟล์นั้นมีมัลแวร์ซ่อนอยู่
เมื่อเหยื่อติดตั้งมัลแวร์แล้ว—โดยทั่วไปจะเป็น Remote Access Trojan (RAT)—กลุ่มแฮกเกอร์จะควบคุมเครื่องเป้าหมายได้ทั้งหมด
พวกเขาจะดูดเงินออกจากกระเป๋าคริปโต พร้อมกับขโมยข้อมูลสำคัญ เช่น โปรโตคอลความปลอดภัยภายในและโทเคน Telegram session ซึ่งนำไปใช้โจมตีเหยื่อต่อในเครือข่าย
กล่าวโดยสรุป Monahan ได้เตือน ว่าแผนการนี้ ใช้ประโยชน์จากความเกรงใจในสายอาชีพ
กลุ่มแฮกเกอร์อาศัยแรงกดดันทางจิตวิทยาของการ “ประชุมธุรกิจ” เพื่อให้เหยื่อขาดความรอบคอบ เปลี่ยนการขอความช่วยเหลือด้านเทคนิคให้กลายเป็นภัยคุกคามต่อความปลอดภัย
สำหรับผู้ที่อยู่ในวงการ ทุกคำขอให้ดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ระหว่างสนทนาจึงถือว่าเป็นสัญญาณโจมตี
ในขณะเดียวกัน กลยุทธ์ “ประชุมปลอม” นี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของปฏิบัติการขนาดใหญ่โดย กลุ่มผู้โจมตีจากประเทศเกาหลีเหนือ ซึ่งตลอดปีที่ผ่านมา พวกเขาขโมยเงินจากอุตสาหกรรมนี้ราว 2 พันล้าน USD รวมถึงกรณี Bybit