หลังจากกระแสการสร้าง NFT บน Bitcoin เป็นที่ฮือฮา ล่าสุด มีนักพัฒนาล่าเงินรางวัลมูลค่า 2 พันดอลลาร์ และนำเข้าโปรโตคอล Ordinals NFT ไปใช้งานบน Litecoin ได้สำเร็จ
ฟังก์ชันใหม่นี้เกิดขึ้นไม่นานนักหลังจาก มียอดมิ้นท์ NFT บนเครือข่ายของ Bitcoin ทะลุ 150,000 รายการในสัปดาห์นี้ และเป็นที่จับตามองของชาวคริปโต
ทำไมถึงนำ Ordinals มาใช้บน Litecoin
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา นักพัฒนาชื่อ Anthony Guerrera เปิดตัวฟังก์ชั่นใหม่นี้บน Litecoin ผ่าน GitHub โดยการ fork ข้อมูลที่ถูกใช้บน Bitcoin ซึ่งเผยแพร่โดย Casey Rodarmor เมื่อเดือนที่แล้ว
เวอร์ชั่นบน Bitcoin ช่วยให้เราสามารถจารึกข้อมูลรวมถึงรูปภาพและวิดีโอลงบน satoshis ได้ ทำให้เกิด NFT บนเครือข่ายเป็นครั้งแรก ซึ่งครั้งหนึ่งมักถูกวิจารณ์และเปรียบเทียบกับ Ethereum
สิ่งต่างๆ เปลี่ยนไปหลังจากการอัปเกรด Taproot ในเดือนพฤศจิกายน 2021 ซึ่งเพิ่มความเป็นส่วนตัวและความสามารถในการทำสัญญาอัจฉริยะให้กับ Bitcoin ซึ่ง Litecoin เป็นการซอฟต์ฟอร์กของเทคโนโลยี SegWit และ Taproot ของ Bitcoin ทำให้ฟังก์ชั่นนี้ใช้งานได้เหมือนกัน
เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ผู้ใช้ Twitter และอ้างว่าตนเองเป็น “ผู้สนับสนุน Bitcoin, Litecoin และ Dogecoin” @indigo_Nakamoto ให้สัญญา 5 LTC ราว 470 ดอลลาร์ แก่ผู้ใดก็ตามที่สามารถพอร์ตฟังก์ชั่นนี้ไปยัง Litecoin ได้สำเร็จก่อนที่ รางวัลจะเพิ่มขึ้นเป็น 22 LTC ในวันพฤหัสบดีที่แล้ว ก่อนที่ Guerrera จะประกาศเปิดตัวฟังก์ชั่นบน Litecoin ในวันเสาร์
สิ่งที่แตกต่างจาก NFT บนเครือข่ายอื่น คือ ฟังก์ชั่นนี้จะฝังข้อมูลรูปภาพสำหรับ NFT ลงในบล็อกเชนโดยตรง ซึ่งส่งผลให้ใช้พื้นที่บล็อกจำนวนมาก ทำให้ชุมชน Bitcoiner วิจารณ์ประเด็นดังกล่าว อย่างไรก็ตาม การใช้ MimbleWimble ของ Litecoin ทำให้การมิ้นท์ NFT สามารถจัดการข้อมูลได้มากขึ้นด้วยต้นทุนการทำธุรกรรมที่ต่ำกว่า Bitcoin
การใช้งานที่เติบโต
การใช้งาน Taproot เติบโตขึ้นอย่างทวีคูณควบคู่ไปกับการเพิ่มขึ้นของฟังก์ชั่นใหม่นี้ โดย 4.83% เกี่ยวข้องกับการมิ้นท์ NFT เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนที่แล้วที่มีอัตราการใช้งานเพียง 2% เท่านั้น ตามการวิเคราะห์ของ Dune
NFT ที่ใช้ Bitcoin ยังเป็นประโยชน์สำหรับนักขุด โดยสร้างค่าธรรมเนียมมากกว่า 1.17 ล้านดอลลาร์ตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง จากข้อมูลของ BitMEX NFT ตัวแรกบน Bitcoin ในเดือนธันวาคมเป็นรูปโครงกระดูก
ผู้ให้บริการกระเป๋าเงินซอฟต์แวร์บางรายกำลังเริ่มสนับสนุนฟังก์ชั่นดังกล่าวรวมถึง Xverse – กระเป๋าเงิน Bitcoin ที่เน้น Web3 Ken Liao ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ Xverse เป็นอดีตหุ้นส่วนด้านวิศวกรรมที่ Stacks ซึ่งเป็นเลเยอร์สำหรับการใช้งาน smart contract บน Bitcoin
ข้อจำกัดความรับผิด
หมายเหตุบรรณาธิการ: เนื้อหาต่อไปนี้ไม่ได้สะท้อนถึงมุมมองหรือความคิเห็นของ BeInCrypto มันจัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้นและไม่ควรถูกตีความว่าเป็นคำแนะนำทางการเงิน กรุณาทำการวิจัยของคุณเองก่อนที่จะทำการตัดสินใจลงทุนใดๆ