3 อันดับคาดการณ์ราคา Bitcoin, ทองคำ, เงิน ขณะที่หุ้นเริ่มพ้นช่วงความกลัว

ราคา Bitcoin, ทองคำ และเงิน ยังคงเคลื่อนไหวในทิศทางขาขึ้นในสัปดาห์นี้ เนื่องจากทั้งเหรียญคริปโตรุ่นบุกเบิกและสองสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำและเงิน กำลังจับตามองผลการตัดสินใจอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐในมุมมองย้อนกลับ

หลังจากที่ผู้กำหนดนโยบายตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยลงหนึ่งในสี่จุดเปอร์เซ็นต์ ข้อมูลแสดงว่าตลาดหุ้นสหรัฐไม่ได้แสดงสัญญาณความกลัวครั้งใหญ่ ซึ่งเกิดขึ้นล่าสุดในต้นเดือนตุลาคม

Bitcoin, ทองคำ, เงิน: อัปเดตราคาเมื่อหุ้นสหรัฐฯ กลับมานิ่งอีกครั้ง

ตลาดหุ้นสหรัฐแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 11 ธันวาคม โดยนักวิเคราะห์ คาดการณ์ว่ามีโอกาสขยับขึ้นอีก สืบเนื่องจากการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ ซึ่งโดยปกติแล้วจะช่วยหนุนราคาหุ้นให้ปรับตัวสูงขึ้น

ต้นทุนการกู้ยืมที่ลดลงช่วยเพิ่มกำไรของบริษัท ส่งเสริมการลงทุนในภาคธุรกิจ และเพิ่มมูลค่ารายได้ในอนาคต นอกจากนี้อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำยังช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภค ในขณะที่นักลงทุนเองก็หันเหจากตราสารหนี้ไปสู่หุ้น เพื่อค้นหาโอกาสผลตอบแทนที่มากขึ้น

ทั้งหมดนี้ช่วยเพิ่มสภาพคล่องและความต้องการรับความเสี่ยง ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะผลักดันราคาหุ้นให้สูงขึ้นในเกือบทุกภาคส่วน ดังนั้นจึงสามารถอธิบายได้ว่าทำไมตลาดหุ้นจึงไม่แสดงออกถึงความกลัวอีกต่อไป

ขณะเดียวกัน Bitcoin ทองคำ และเงินก็สร้างความเชื่อมั่นในเชิงบวกเช่นกัน โดยราคาของ XAU และ XAG พุ่งขึ้นเมื่อค่าใช้จ่ายในการถือครองลดลงและอัตราเงินเฟ้อถูกคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น

แนวโน้มขาขึ้นกลับมาเมื่อสภาพคล่องไหลกลับสู่ราคา Bitcoin

กราฟรายวันของ Bitcoin แสดงให้เห็นว่าราคากำลังฟื้นตัวใน กรอบขาขึ้น ที่ชัดเจน ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากการปรับฐานที่รุนแรงจากจุดสูงสุดในช่วงต้นเดือนตุลาคม

แม้จะยังซื้อขายต่ำกว่าค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบเอ็กซ์โพเนนเชียลหลัก (50 และ 100 ที่ USD96,583 และ USD101,943 ตามลำดับ) แต่ BTC ก็กำลังส่งสัญญาณเริ่มต้นของการทรงตัวของแนวโน้ม ซึ่งสามารถสังเกตได้จากจุดต่ำล่าสุดแต่ละจุดที่สูงกว่าจุดก่อนหน้า ซึ่งเป็นรูปแบบฟื้นตัวในช่วงเริ่มต้นที่พบเห็นได้บ่อย

Volume Profile (แท่งแนวนอนสีเขียว) ที่เป็นขาขึ้นแสดงให้เห็นโซนปริมาณซื้อขายสูงขนาดใหญ่บริเวณระดับ 78.6% ของ Fibonacci retracement ซึ่งบ่งชี้ว่ากลุ่มกระทิงอาจป้องกันระดับ USD90,358 ให้เป็นจุดรับสำคัญ

ระดับดังกล่าวอาจกลายเป็นจุดยึดสำคัญของราคาในจังหวะเปลี่ยนแปลง โดยเป็นฐานสำคัญในการเคลื่อนไหวขึ้นไปอีก

หากแท่งเทียนปิดเหนือระดับ USD90,358 อย่างชัดเจน BTC อาจตั้งเป้าไปที่กลุ่มสภาพคล่องหนาแน่นบริเวณ USD98,000 – USD103,000 ต่อไป

ในขณะเดียวกัน ดัชนี RSI (Relative Strength Index) ยังคงอยู่ในโซนกลาง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงโอกาสในการขยายตัวได้ทั้งสองทิศทาง

กราฟแท่งของอินดิเคเตอร์ AO (Awesome Oscillator) ก็กำลังขยับเข้าใกล้โซนบวกและเปลี่ยนเป็นสีเขียว แสดงถึงแรงขาขึ้นที่กำลังเพิ่มมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ทิศทางขาขึ้นในระยะสั้นยังขึ้นอยู่กับการคงโครงสร้างแนวโน้มขาขึ้นไว้ หากราคาหลุดกรอบล่างของช่องทางขึ้น ซึ่งซ้อนทับกับแนว Fibonacci 78.6% ที่ระดับ USD 90,358 จะทำให้ราคาของ BTC เผชิญแรงขายต่อเนื่อง ดังนั้นแรงเทขายอาจฉุด BTC ลงไปอยู่ในช่วงระหว่าง USD 86,000 ถึง USD 80,600 ได้

อุปสรรคสำคัญยังคงเป็นการทวงคืนเส้น EMA โดยเฉพาะเส้น 50 วัน และ 100 วัน ซึ่งทั้งสองเส้นกระจุกตัวอยู่แถวระดับ USD 96,583 และ USD 101,943

ในอดีต BTC มักเร่งเครื่องขึ้นทันทีเมื่อราคาทะลุเส้นค่าเฉลี่ยเหล่านี้ระหว่างช่วงสะสมตัวในรอบกลาง

โดยรวมแล้ว BTC ยังคงแสดงการฟื้นตัวอย่างมีแบบแผน ปริมาณซื้อขายเพิ่มขึ้น และอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นที่สร้างสรรค์ แต่การยืนยันสำคัญจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อฝั่งขาขึ้นสามารถผลักราคาให้กลับไปเหนือระดับจิตวิทยาที่ USD 100,000 ได้สำเร็จ

แรงส่งราคาทองคำทะลุแนวต้านหลัก

ในกราฟ 4 ชั่วโมงของคู่ XAU/USD จะเห็นว่าราคาทองคำกำลังทดสอบการเบรกเอาท์ออกจากสามเหลี่ยมสมมาตรขนาดใหญ่ที่เริ่มบีบตัวหลังการย่อตัวลง USD 490 (-11.19%) ในไตรมาสนี้

สามเหลี่ยมสมมาตร ที่เกิดบนยอดของขาขึ้นมักทำหน้าที่เป็นรูปแบบต่อเนื่อง กล่าวคือ ราคาจะสะสมก่อนเดินหน้าต่อ และในกรณีนี้ การทะลุของทองคำก็สอดคล้องกับรูปแบบนั้น โดยราคาวิ่งขึ้นเหนือเส้นแนวโน้มขาลงด้วยโมเมนตัมที่แข็งแรง

เป้าหมายราคาตามรูปแบบสมมาตรสามเหลี่ยมคาดว่าจะอยู่ราว USD 4,720 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากจุดเบรกเอาท์มากกว่า 11%

ขณะนี้ ราคาทองคำเริ่มนิ่งอยู่แถว USD 4,273 ซึ่งเป็นราคาที่แท่งเบรกเอาท์ปิดลง ดังนั้น ตราบใดที่ราคาทองยังยืนเหนือกรอบสามเหลี่ยมขาขึ้น โครงสร้างแนวโน้มขาขึ้นก็ยังคงอยู่

ผู้เทรดที่รอเปิด Long Position ใน XAU/USD ควรพิจารณารอจนแน่ใจว่ามีการทดสอบยืนยันแนวต้านด้านบนสำเร็จแล้ว

ค่า RSI อยู่บริเวณกลางค่าพร้อมแนวโน้มบวกที่ระดับ 65 บ่งชี้ว่าทองคำยังไม่เข้าสู่ภาวะซื้อมากเกินไป ทิศทางขาขึ้นนี้โดยทั่วไปถือเป็นสัญญาณที่แข็งแรงต่อการต่อเนื่องของแนวโน้ม

เส้น MACD ได้ตัดขึ้นในเชิงบวกและกำลังแยกจากกันมากขึ้น ซึ่งแสดงถึงแรงขับเคลื่อนขาขึ้นที่เพิ่มขึ้น

แนวรับที่ควรจับตาคือ USD 4,180, USD 4,140, USD 4,098 และจุด Pivot ที่ลึกกว่านั้นที่ USD 3,998 ซึ่งเป็นฐานของการปรับฐานก่อนหน้านี้ เพราะตราบใดที่ราคาทองคำยังสูงกว่าแนวรับเหล่านี้ ฝั่งขาขึ้นก็ยังครองเกมอยู่

นอกจากนี้ ทิศทางการพุ่งขึ้นของทองคำยังสอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจมหภาคในวงกว้าง ไม่ว่าจะเป็นความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น ความคาดหวังเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ และ ความต้องการทองคำจากธนาคารกลางที่แข็งแกร่ง

ในเชิงเทคนิค โครงสร้างของตลาดสนับสนุนโอกาสที่จะกลับไปทดสอบ หรืออาจทะลุ จุดสูงสุดล่าสุด

สัญญาณถ้วยและด้ามจับระยะยาวของราคาซิลเวอร์ชี้เป้าโอกาสขาขึ้นใหญ่

กราฟราคาของเงิน (Silver) ในระยะหลายสิบปีแสดงโครงสร้างขาขึ้นระยะยาวที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างหนึ่งใน สินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งเป็นการเบรกเอาท์ของ แพทเทิร์นถ้วยและหูถ้วย ขนาดใหญ่คร่อมหลายรอบตลาด

ตัวถ้วยกินระยะเวลาตั้งแต่จุดสูงสุดปี 1980 จนถึงจุดปฏิเสธปี 2011 ที่ขยับขึ้น 871% ขณะที่หูถ้วย แม้จะเล็กกว่าแต่ก็ยังคงทรงพลัง เกิดขึ้นระหว่างปี 2011 ถึง 2024 โดยมีการขยับขึ้น 152% ทั้งสองรูปแบบบรรจบกันที่เส้นเบรกเอาท์เดียวกันใกล้ระดับ USD36 ซึ่งเงินพยายามฝ่าไม่สำเร็จมานานกว่า 40 ปี

แท่งเทียนล่าสุดแสดงการเบรกเอาท์ที่เด็ดขาด มีปริมาณการซื้อขายสูงและทะลุแนวต้านดังกล่าวอย่างมาก ซึ่งบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างมากกว่าการพุ่งขึ้นชั่วคราว

เมื่อสินค้าโภคภัณฑ์ใดฝ่าเพดานของราคาหลายสิบปี การค้นหาราคาที่เหมาะสม จะสามารถดำเนินไปอย่างรวดเร็วเนื่องจากขาดแนวต้านในอดีต

อย่างไรก็ตาม RSI อยู่ในเขตซื้อมากเกินไป (เหนือ 80) แต่สำหรับการเบรกเอาท์ระยะยาว โดยมากมักสะท้อนถึงโมเมนตัมมากกว่าความอ่อนแรง และ MACD ก็ได้ตัดขึ้นเข้าสู่เขตขาขึ้นอย่างชัดเจน ยืนยันแนวโน้มขาขึ้น

ถ้าการเบรกเอาท์ยืนอยู่ได้ ระดับจิตวิทยาสำคัญถัดไปจะอยู่ที่ 70 USD โดยโซนสูงสุดตลอดกาลปี 1980/2011 ที่ปัจจุบันอยู่ใกล้ 50 USD ก็ถูกเปลี่ยนเป็นแนวรับ

เมื่อตลาดเงินมีการสะสมตัวนานและเผชิญข้อจำกัดด้านอุปทานที่ตึงตัวตลอดหลายปีนี้ การขึ้นไปเหนือจุดสูงสุดในอดีตก็ยังไม่อาจตัดความเป็นไปได้นั้นทิ้งไปได้

แต่อนึ่ง เงินมีความผันผวนในประวัติศาสตร์มาโดยตลอด ดังนั้นการกลับไปทดสอบโซน 36 USD อีกครั้งถือเป็นเรื่องปกติ ก่อนจะเริ่มแนวโน้มต่อเนื่องที่มั่นคง