คอมพิวเตอร์ควอนตัมกับคริปโทเคอร์เรนซี: โอกาสหรือความเสี่ยงร้ายแรง

ในวงการคริปโตมักมีเรื่องให้กังวลอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นกรณีของ Exchange ที่ประสบปัญหา หรือนโยบายควบคุมที่เปลี่ยนแปลง แม้จะมีภาวะตลาดหมีในช่วงนี้ แต่คริปโตก็ยังคงเดินหน้าได้อย่างแข็งแกร่งตลอดปีที่ผ่านมา

แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีบางคนที่เห็นความท้าทายอยู่ข้างหน้า นั่นคือ ควอนตัมคอมพิวติ้ง

คอมพิวเตอร์ควอนตัมจะเป็นวันสิ้นสุดของคริปโตหรือไม่

เทคโนโลยีควอนตัมคอมพิวติ้ง สามารถประมวลผลได้เร็วกว่าคอมพิวเตอร์ทั่วไปนับพันเท่า การทดสอบในยุคแรก ๆ พบว่าสามารถแก้สมการที่คอมพิวเตอร์แบบดั้งเดิมต้องใช้เวลาหลายพันปี

ฟังดูแล้วดูไม่ดีสำหรับคริปโต ในทางทฤษฎี ควอนตัมคอมพิวเตอร์อาจถอดรหัส SHA256 ซึ่งเป็นโปรโตคอลที่ปกป้องบัญชีแยกประเภทของ Bitcoin ได้

แม้หลายสื่อจะนำเสนอควอนตัมคอมพิวติ้งกับ Bitcoin ในฐานะคู่ปรับที่ต้องประจันหน้ากันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่หากมองอย่างถี่ถ้วน เทคโนโลยีทั้งสองอาจเป็นพันธมิตรที่มีศักยภาพ ในการยกระดับความปลอดภัยทางดิจิทัลและประสิทธิภาพการประมวลผล

แท้จริงแล้ว นักลงทุนและผู้หลงใหลในคริปโตยุคแรกอย่าง Charlie Shrem ก็กล่าวไว้เมื่อต้นเดือนธันวาคมในการประชุม Moneyshow ว่า

ควอนตัมคอมพิวติ้งกับคริปโตเป็นเทคโนโลยีที่ส่งเสริมกัน

โดยสรุป ควอนตัมคอมพิวติ้งไม่ใช่สิ่งที่มาทำลายคริปโต หากแต่เป็นตัวกระตุ้นให้ Bitcoin พัฒนาขึ้นให้แข็งแกร่ง ปลอดภัย และขยายตัวได้มากกว่าเดิม

โอกาสของคริปโตเมื่อควอนตัมพัฒนา

ความเป็นโอเพ่นซอร์สของ Bitcoin ทำให้เหล่าคริปโตกราฟเฟอร์ นักพัฒนา และนักวิชาการ สามารถร่วมมือกันทดสอบและแก้ไขปัญหาได้อย่างเข้มงวดเสมอ

ความท้าทายจากควอนตัมคอมพิวติ้ง จึงเป็นเหมือนแรงผลักดันที่ช่วยให้ Bitcoin พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางคริปโตกราฟีให้แข็งแกร่งขึ้น แทนที่จะเป็นสิ่งที่ทำลาย

เหล่าคอมมูนิตี้คริปโตก็กำลังพัฒนาโครงสร้างลายเซ็นต์ต้านทานควอนตัม เช่น Lamport signatures ที่สามารถอัปเกรดในเครือข่ายผ่านซอฟต์ฟอร์กแบบย้อนกลับได้ คล้ายกับการอัปเกรด Taproot เมื่อปี 2021 ที่ผ่านมา

วิธีการพัฒนาที่ต่อเนื่องเช่นนี้แสดงให้เห็นว่าการเกิดขึ้นของควอนตัมคอมพิวติ้งช่วยกระตุ้นนวัตกรรมมากกว่าการทำให้ล้าสมัย และเมื่อเทคโนโลยีใหม่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง วงการก็ยังเติบโตต่อไป นับว่าเป็นข่าวดีสำหรับ Bitcoin

การเปลี่ยนผ่านไปสู่คริปโตกราฟีหลังยุคควอนตัมยังมีความหมายมากกว่าการตั้งรับเท่านั้น

ควอนตัมคอมพิวติ้งใช้หลักการพื้นฐานของธรรมชาติ ซึ่งอาจช่วยสนับสนุน Bitcoin มากกว่าที่จะเป็นภัยต่อ Bitcoin ตามที่ Shrem กล่าว

สถาบันมาตรฐานและเทคโนโลยีแห่งชาติของสหรัฐอเมริกาได้กำหนดมาตรฐาน อัลกอริทึมการเข้ารหัสที่ทนทานต่อควอนตัม อย่างเป็นทางการ ซึ่งนับว่าเป็นก้าวสำคัญของวงการ

เนื่องจากอัลกอริทึมอย่าง CRYSTALS-Kyber ได้สร้างกรอบความปลอดภัยใหม่ที่เป็นประโยชน์กับระบบนิเวศดิจิทัลทั้งหมด

สกุลเงินดิจิทัลตั้งแต่ Bitcoin และสกุลเงินที่ตามมา สามารถนำความก้าวหน้านี้ไปใช้ ซึ่งแปลงจากระบบที่เปราะบางต่อควอนตัม สู่มาตรฐานใหม่ของความปลอดภัยสินทรัพย์ดิจิทัลที่ทนทานต่อควอนตัมอย่างแท้จริง

ในขณะที่นักวิจัยได้สร้างและทดสอบบล็อกเชนที่สามารถขุดได้ด้วยคอมพิวเตอร์ควอนตัมเท่านั้น ซึ่งนับเป็นการนำความเป็นเลิศทางควอนตัมมาใช้จริงในเทคโนโลยีบล็อกเชนเป็นครั้งแรก

ต้นแบบนี้ ได้ผ่านการทดสอบบนโปรเซสเซอร์ควอนตัมสี่แห่งที่กระจายอยู่ทั่วภูมิศาสตร์ โดยเสนอแนวคิด proof of quantum work มาเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของระบบ proof-of-work แบบดั้งเดิม

ทางออกควอนตัมสำหรับบล็อกเชน

แตกต่างจาก การขุด Bitcoin ที่ใช้พลังงานสูง ซึ่งใช้ไฟฟ้า 176 เทราวัตต์ชั่วโมงในปี 2024 เพราะระบบบล็อกเชนควอนตัมนี้จะมีประสิทธิภาพในการขุดสูงขึ้นด้วยกลศาสตร์ควอนตัม

คอมพิวเตอร์ควอนตัมเปิดโอกาสในการแก้ปัญหาต่าง ๆ ของบล็อกเชน ด้วยการเพิ่มความเร็วในการประมวลผลธุรกรรมได้อย่างมีนัยสำคัญ

ตัวอย่างเช่น แม้ว่ากลไกการทำฉันทามติของ Bitcoin จะปลอดภัย แต่บางครั้งก็มีความล่าช้าและใช้ทรัพยากรมาก ซึ่งคอมพิวเตอร์ควอนตัมสามารถเพิ่มประสิทธิภาพอัลกอริทึมการทำฉันทามติ ตรวจสอบธุรกรรมได้อย่างรวดเร็วขึ้น และช่วยแก้ปัญหาความสามารถในการขยายตัวที่รบกวนเครือข่ายบล็อกเชนมานาน

พลังประมวลผลนี้จะช่วยให้ Bitcoin ประมวลผลธุรกรรมได้มากขึ้นเป็นพันต่อวินาที โดยไม่กระทบต่อความกระจายศูนย์

ระบบบล็อกเชนที่เสริมด้วยควอนตัมได้นำการกระจายกุญแจควอนตัม และการสร้างเลขสุ่มควอนตัม มาสร้างความปลอดภัยขั้นสูง เพื่อป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลและการเข้าถึงที่ไม่ได้รับอนุญาต

กล่าวคือ แทนที่จะแทนที่ความปลอดภัยของ Bitcoin เทคโนโลยีควอนตัมจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับมัน

การกระจายกุญแจควอนตัมช่วยให้มีการเข้ารหัสข้อมูลที่ไม่สามารถถูกเจาะได้ในทางทฤษฎี เพื่อความปลอดภัยของกระเป๋า Bitcoin และธุรกรรม ขณะที่ตัวสร้างเลขสุ่มควอนตัมทำให้มั่นใจได้ว่ากุญแจส่วนตัวจะไม่สามารถคาดเดาได้อย่างแน่นอน

การบรรจบกันของเทคโนโลยีเหล่านี้สร้างโอกาสสำหรับระบบไฮบริด เช่น token แบบควอนตัมซึ่งสามารถเพิ่ม ชั้นความเป็นส่วนตัว เข้าไปในแอปพลิเคชันบล็อกเชนเฉพาะทาง

แนวทางเสริมนี้เปิดโอกาสให้ Bitcoin สามารถผนวกข้อดีจากควอนตัม โดยยังคงโครงสร้างกระจายศูนย์ที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว

ความท้าทายด้านควอนตัมได้รวมกลุ่มชุมชนคริปโตเข้าด้วยกันอย่างไม่เคยมีมาก่อน

ผู้ให้บริการวิเคราะห์บล็อกเชนต่างเตรียมพร้อมรับมือ ฟอร์แมตที่อยู่และประเภทธุรกรรมที่ทนทานต่อควอนตัม เพื่อให้มั่นใจในความต่อเนื่องและสามารถตรวจสอบความปลอดภัยจากควอนตัมได้

การประสานงานนี้ยังขยายไปไกลกว่าสกุลเงินดิจิทัลเอง เพราะยังรวมถึงศูนย์แลกเปลี่ยน ผู้ให้บริการกระเป๋าเงิน สถาบันวิจัย และหน่วยงานกำกับดูแลที่ต่างร่วมมือกัน เพื่อให้ระบบนิเวศทั้งหมดเปลี่ยนถ่ายได้อย่างราบรื่น

อุตสาหกรรมบล็อกเชนกำลังเผชิญกับภัยคุกคามจากควอนตัมอย่างเชิงรุก โดยใช้ token ที่ทนต่อควอนตัมและการเข้ารหัสข้อมูลแบบหลังควอนตัม อีกทั้งมีโครงการที่มุ่งเน้นทั้งคริปโตกราฟีแบบโครงข่ายและแบบแฮช

นวัตกรรมที่มีการแข่งขันนี้เป็นประโยชน์กับโลกคริปโตโดยรวม เพราะการนำไปใช้จริงที่ต้านทานควอนตัมได้สำเร็จในโปรเจกต์อื่นๆ จะช่วยให้โปรเจกต์คริปโตที่ประสบความสำเร็จสามารถพัฒนาได้ต่อ ความท้าทายที่ร่วมกันนี้จึงเปรียบเสมือนคลื่นที่ช่วยยกระดับทุกโปรเจกต์ขึ้นมาพร้อมกัน

เรายังแทบไม่ได้เริ่มสำรวจศักยภาพที่แท้จริงเลย ชเร็มกล่าว ควอนตัมคอมพิวติ้งกำลังกลายเป็นคอมพิวเตอร์รูปแบบใหม่ และเราต้องคิดให้รอบด้านว่ามันหมายถึงอะไรบ้าง

ทิศทางใหม่ของ Quantum สำหรับคริปโตในไทย

ความสัมพันธ์ระหว่างควอนตัมคอมพิวติ้งกับคริปโตเคอร์เรนซีนั้น ไม่จำเป็นต้องเป็นคู่ตรงข้ามกันเลย

การประเมินช่วงเวลาระบุว่า ยังมีระยะเวลาอีกประมาณ 5 ถึง 15 ปี ก่อนที่ควอนตัมคอมพิวเตอร์จะคุกคามมาตรฐานคริปโตในปัจจุบันโดยตรง ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่เพียงพอต่อการเตรียมตัว

ควอนตัมบล็อกเชนสามารถเปิดประตูสู่การประยุกต์ใช้งานในหลายวงการที่ต้องการความปลอดภัยสูงและพลังการประมวลผลขั้นสูง รวมถึงระบบการเลือกตั้งที่ปลอดภัย การจัดการซัพพลายเชน และการแบ่งปันข้อมูลทางสุขภาพด้วย

การมีธรรมาภิบาลแบบกระจายอำนาจและความสามารถในการปรับตัวของ Bitcoin ส่งผลให้ Bitcoin อยู่ในฐานะที่ดีต่อการผนวกข้อได้เปรียบจากควอนตัมเข้าไว้ด้วยกัน

ในขณะที่ควอนตัมคอมพิวติ้งก้าวหน้ามากขึ้น เหรียญคริปโตทุกเหรียญจึงสามารถบูรณาการ คริปโตกราฟีต้านทานควอนตัม ยกระดับประสิทธิภาพการขุดด้วยควอนตัม และนำเอาโปรโตคอลความปลอดภัยแบบควอนตัมมาใช้ได้

เมื่อเป็นเช่นนี้ ระบบนิเวศของคริปโตเคอร์เรนซีจึงจะกลายเป็นสังคมที่ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และขยายตัวได้ดีกว่าที่เคย ไม่ใช่เพราะควอนตัมคอมพิวติ้งเป็นอุปสรรค แต่เพราะควอนตัมคอมพิวติ้งนั่นเอง

ด้วยความสัมพันธ์ที่เกื้อกูลกันนี้จึงไม่ได้หมายถึงจุดจบของ Bitcoin แต่กลับเป็นจุดเริ่มต้นของอนาคตที่ขับเคลื่อนด้วยควอนตัมแทน