ธนาคารที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทยอย่างธนาคารไทยพาณิชย์ (Siam Commercial Bank – SCB) กําลังใช้เวลาในการพิจารณาข้อตกลงในการซื้อ Bitkub ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดของประเทศเมื่อปีที่แล้ว
SCB X ซึ่งจดทะเบียนในกรุงเทพมหานคร ตกลงที่จะเข้าซื้อหุ้นส่วนใหญ่ของ Bitkub Online ในราคา 1.79 แสนล้านบาท (490 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งสูงสุดในตลาดคริปโตเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2021 ที่ผ่านมา โดยมีความตั้งใจที่จะปิดดีลนี้เมื่อต้นปีนี้
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางการหารือกับหน่วยงานกํากับดูแล ธนาคารไทยพาณิชย์กล่าวว่ายังมีการตรวจสอบวิเคราะห์สถานะที่ต้องดําเนินการ เมื่อเดือนที่แล้ว สํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ได้ลงโทษด้วยการปรับผู้บริหารระดับสูงขององค์กร เนื่องจากสร้าง “ปริมาณการซื้อขายเทียม” บนแพลตฟอร์มของตน
บริษัทและเจ้าหน้าที่ห้าคนยังถูกปรับโดยหน่วยงานกํากับดูแลในเดือนพฤษภาคม 2022 เนื่องจากการละเมิดหลักเกณฑ์การดำเนินการเมื่อทางบริษัทได้จดทะเบียนเหรียญดิจิทัลของตนเอง นอกจากนี้ ทางธนาคารยังไม่ได้เสนอวันที่จะจบสิ้นการเสนอซื้อกิจการ Bitkub
ความทะเยอทะยานของธนาคารไทยพาณิชย์
การตรวจสอบด้านกฎระเบียบที่เข้มข้นขึ้นซึ่งอุตสาหกรรมสกุลเงินดิจิทัลของไทยกําลังเผชิญอยู่นั้นอาจทําให้ความทะเยอทะยานของธนาคารไทยพาณิชย์ในการเป็นผู้นําตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลลดลง อย่างไรก็ตาม ความล่าช้าของข้อตกลงดังกล่าวทําให้บางคนตั้งคําถามถึงความตั้งใจของสถาบันการเงินอายุ 115 ปีที่จะกลายเป็นมหาอํานาจฟินเทคระดับภูมิภาค
“Bitkub เป็นก้าวสําคัญที่ทําให้ SCB สามารถขยายธุรกิจไปสู่ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลและฟินเทคได้” ธีรศักดิ์ ทวีรัตน์ นักวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัสกล่าว “ความล่าช้าดังกล่าวทําให้เกิดข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับความสําเร็จของข้อตกลงซื้อขายนี้ กล่าวคือ นี่จะเป็นการข้อตกลงซื้อขายครั้งสําคัญต่อความใฝ่ฝันด้านเทคโนโลยีระดับภูมิภาคของธนาคารไทยพาณิชย์”
แม้จะมีความพ่ายแพ้ที่อาจเกิดขึ้นเกี่ยวกับข้อตกลงซื้อขาย Bitkub ที่รอดําเนินการ แต่กลุ่มธนาคารไทยพาณิชย์ก็พร้อมที่จะติดตามการขยายกิจการไปสู่ฟินเทคตามรายงานของ Bloomberg Intelligence ตามรายงานล่าสุด กลุ่ม SCB นี้เห็นการใช้งานด้านผลิตภัณฑ์ดิจิทัลในวงกว้างในไตรมาสแรกสําหรับผู้ใช้งานและการขอสินเชื่อ
“ธนาคารไทยพาณิชย์อาจยังคงให้ความสําคัญกับธุรกิจฟินเทคที่มีการเติบโตสูงต่อไป” Rena Kwok กล่าว “การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลชั้นนําและการกระโจนสู่พื้นที่ฟินเทคที่มีการเติบโตสูงสามารถเป็นตัวขับเคลื่อนรายได้ในระยะกลางได้”
เมื่อต้นปีนี้ หน่วยงานกํากับดูแลหลักทรัพย์ของไทยได้สั่งห้ามการใช้สกุลเงินดิจิทัลเป็นวิธีการชําระเงิน กฎซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2022 ยังห้ามผู้ให้บริการคริปโตจากการโฆษณาการใช้ Cryptocurrency เป็นวิธีการชําระเงินทางกฎหมาย
ข้อจำกัดความรับผิด
หมายเหตุบรรณาธิการ: เนื้อหาต่อไปนี้ไม่ได้สะท้อนถึงมุมมองหรือความคิเห็นของ BeInCrypto มันจัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้นและไม่ควรถูกตีความว่าเป็นคำแนะนำทางการเงิน กรุณาทำการวิจัยของคุณเองก่อนที่จะทำการตัดสินใจลงทุนใดๆ