ราคาของ Bitcoin ทองคำ และเงิน สร้างความตื่นเต้นให้กับนักเทรดและนักลงทุนอย่างมาก โดยในขณะที่ทองคำและเงินกำลังทยอยปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ราคาของ Bitcoin กลับยังคงเคลื่อนไหวในทิศทางขาลง
ราคา BTC ยังคงเคลื่อนไหวแบบแกว่งตัวในแนวโน้มขาลง ในขณะที่ราคา XAU และ XAG กำลังพุ่งขึ้น นี่ถือเป็นรูปแบบคลาสสิกของการเคลื่อนไหวสู่สินทรัพย์ปลอดภัย เมื่อกลุ่มนักลงทุนต่างใช้กลยุทธ์ป้องกันความเสี่ยงมากกว่าการหันมาลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอย่างคริปโต
คริปโตและหุ้นไม่เคลื่อนไหวท่ามกลางการปรับขึ้นของโลหะในไทย
ราคาทองคำและเงินกำลังพุ่งขึ้นในสิ่งที่ดูเหมือนเป็นการปรับขึ้นเพื่อป้องกันความเสี่ยงของตลาดโลหะในช่วงที่เกิดความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ขณะที่ตลาดคริปโตและหุ้นไม่ได้มีส่วนร่วมในรอบนี้ ซึ่งเป็นสัญญาณว่านี่คือการซื้อเพราะความกังวล ไม่ใช่ผลจากการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง
Sponsoredการเคลื่อนไหวเหล่านี้สอดคล้องกับแรงกดดันหนี้ที่เพิ่มขึ้นกับเงื่อนไขทางการเงินที่ตึงตัว ส่งผลให้เงินทุนไหลสู่สินทรัพย์แข็งค่า เมื่อโลหะมีค่ามีพฤติกรรมเช่นนี้ หมายถึงความเสี่ยงกำลังถูกตีราคาขึ้นใหม่ทั่วทั้งระบบ ไม่ใช่แค่การไล่ตามผลตอบแทนอย่างรวดเร็ว นักวิเคราะห์ Kyle Doops กล่าวไว้ใน โพสต์
Bitcoin เคลื่อนไหวในกรอบ ขณะที่โลหะพุ่งขึ้น
Bitcoin กำลัง ซื้อขายที่ 86,666 USD ตามข้อมูลล่าสุด โดยปรับตัวขึ้นเล็กน้อย 0.56% ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา เหรียญดั้งเดิมนี้กำลังแกว่งตัวในช่องขนานขาลงที่เริ่มตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม
ราคายังไม่สามารถทะลุ 90,000 USD ได้ ซึ่งเป็นระดับ Fibonacci retracement ที่ 78.6% และยังคงถูกกดดันจากเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่หลายเส้นหลายเส้น
สัญญาณ death cross ล่าสุดถูกสร้างขึ้น เมื่อเส้นค่าเฉลี่ย 50 วัน ตัดลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน บ่งชี้แรงกดดันขาลงระยะกลางยังคงอยู่
ตัวชี้วัดโมเมนตัมต่างเสริมมุมมองที่ระมัดระวังนี้ โดยดัชนี Relative Strength Index (RSI) อยู่ที่ 39 ใกล้เขตขายมากเกินไป แต่ยังไม่ถึงจุดสุดขีด ในขณะเดียวกัน MACD ก็ยังติดลบและแสดงให้เห็นการบรรจบกันเพียงเล็กน้อย
ต่างจากทองคำและเงิน ที่ร่วมเข้ารอบปรับตัวขึ้นเพื่อป้องกันความเสี่ยง Bitcoin กลับไม่ได้ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความนิยมในสินทรัพย์แข็งค่าท่ามกลางภาวะหลีกเลี่ยงความเสี่ยง
ความแตกต่างระหว่าง Bitcoin กับโลหะมีค่าชี้ว่ากลุ่มนักลงทุนกำลังหมุนเงินไปยังสินทรัพย์ปลอดภัย มากกว่าการเสาะหาการเติบโตที่มีความเสี่ยงสูง
แรงกดดันการขายที่เพิ่มขึ้นหากหลุดระดับปัจจุบัน อาจทำให้ราคาบิทคอยน์ทดสอบแนวรับที่ 80,600 USD ซึ่งตรงกับเส้นกลางของช่องขนานขาลง
Sponsored Sponsoredในทางกลับกันหากผู้ซื้อเข้ามา ราคาบิทคอยน์ก็อาจฟื้นตัวขึ้น โดยมีโอกาสกลับไปเคลื่อนไหวในช่องขนานขาขึ้นได้อีกครั้ง
หากราคาปิดรายวันสูงกว่าระดับ 78.6% Fibonacci retracement ที่ 90,358 USD อย่างชัดเจน จะช่วยหนุนความน่าเชื่อถือของการฟื้นตัวนี้มากขึ้น
อย่างไรก็ตามเพื่อยืนยันแนวโน้มขาขึ้น ราคาบิทคอยน์ต้องสามารถเปลี่ยน SMA 50 วันที่ 95,450 USD ให้กลายเป็นแนวรับได้เสียก่อน
หากเกิดภาวะกระทิงแรง ราคาบิทคอยน์ก็อาจขยายการพุ่งขึ้นเพื่อกลับไปแตะระดับ 61.8% Fibonacci retracement และอาจเปลี่ยนแนวนั้นให้กลายเป็นแนวรับที่ 98,018 USD โดยการเคลื่อนไหวดังกล่าวจะเท่ากับเพิ่มขึ้นเกือบ 14% จากระดับปัจจุบัน
ราคาทองคำทรงตัวเหนือระดับประวัติศาสตร์ท่ามกลางภาวะตึงเครียด
ราคาทองคำยังคงอยู่ในทิศทางขาขึ้น และล่าสุดซื้อขายที่ 4,330 USD ทั้งนี้ราคายังอยู่เพียง ต่ำกว่าจุดสูงสุดล่าสุดที่ 4,389 USD เล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม ทองคำยังคงแสดงความมั่นคงอย่างโดดเด่น โดยราคาเคลื่อนไหวเหนือ DMA 50 วันถึง 88% ตลอดปีที่ผ่านมา รูปแบบนี้เคยเกิดขึ้นครั้งสุดท้ายในปี 1980 ในช่วงที่ตลาดมีความเสี่ยงสูง
Sponsoredจากตัวชี้วัดทางเทคนิค ทิศทางขาขึ้นยังพอมีอยู่ โดย RSI อยู่ที่ 63 ชี้ให้เห็นว่า XAU/USD อาจเข้าสู่สภาวะ overbought ในไม่ช้า แต่ด้วยค่าที่ต่ำกว่า 70 จึงยังมีพื้นที่ให้ราคาปรับขึ้นได้อีกก่อนที่สภาวะ overbought จะเกิดขึ้น และอาจนำไปสู่การปรับฐานตามมา
ขณะที่ MACD แสดงแรงส่งที่คงตัวแต่เริ่มทรงตัว โดยตำแหน่งเหนือ signal line (แถบสีส้ม) แสดงถึงการควบคุมในมือของกลุ่มกระทิง
เส้นแนวรับของทองคำ ประกอบกับ Fibonacci retracement บริเวณ 4,160–4,000 USD ให้แรงรับที่แข็งแกร่งหากมีการปรับฐาน ทั้งนี้ ระดับเหล่านี้ยังเหมาะเป็นจุดเข้าซื้อสำหรับกลุ่มกระทิงที่เข้ามาช้าด้วย
ถึงกระนั้น ท่าทีระมัดระวังของตลาดยังเห็นชัด โดยแม้ราคาทองคำยังคงทิศทางขาขึ้น แต่การปรับตัวบวกยังเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไปเมื่อเทียบกับการพุ่งขึ้นแบบพาราโบลาในเงิน
การพุ่งขึ้นของราคาทองคำอาจไม่ได้รับแรงหนุนจากการเก็งกำไรเกินตัว แต่เกิดจาก การหมุนเวียนเชิงรับ ที่ทำให้ทองคำกลายเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจมหภาค
ราคาซิลเวอร์ทำสถิติสูงสุดท่ามกลางความกดดันตลาด
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าเงินพุ่งขึ้นสู่ระดับ 66 USD ซึ่งทำสถิติสูงสุดตลอดกาล และยังสะท้อนถึงแรงซื้อที่รุนแรงมากในตลาด โดยโลหะชนิดนี้ได้ขยับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วในรูปแบบพาราโบลาในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา พร้อมทั้งฝ่าแนวต้านเดิมบริเวณ 54 USD ได้อย่างแข็งแกร่ง
Sponsored Sponsoredเมื่อพิจารณาจากตัวชี้วัดทางเทคนิค พบว่าสถานการณ์นี้เข้าเค้าอาการราคายืดเกินไป โดย RSI อยู่ที่ระดับ 77 ซึ่งถือเป็นสัญญาณว่าตลาดมีภาวะซื้อมากเกินไป ในขณะที่ MACD ยังคงปรับตัวขึ้น แต่เริ่มแสดงสัญญาณของการอิ่มตัวเช่นกัน
สำหรับค่าเฉลี่ยราคาเคลื่อนที่รายวัน (DMA) ยังคงอยู่ต่ำกว่าราคาปัจจุบันอย่างมาก ซึ่งตอกย้ำถึงแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม การพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วนี้ อาจบ่งชี้ถึงการเก็งกำไร มากกว่าการฟื้นตัวที่มีเสถียรภาพ
หากย้อนดูในอดีต การพุ่งขึ้นของเงินในลักษณะนี้ มักเกิดขึ้นช่วงที่เศรษฐกิจโลกมีความตึงเครียด หรือมีความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย มากกว่าการสะท้อนการเติบโตเชิงเศรษฐกิจอย่างแท้จริง
เงินกำลังร้อนแรง… มีแรงขับจากหนี้สาธารณะของรัฐบาล ความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ และความต้องการจากดาต้าเซ็นเตอร์ AI ทั้งที่ขณะเดียวกัน สต็อกสินค้าเงินก็ลดลง และการทำเหมืองก็ไม่มีความก้าวหน้า กล่าวโดย นักเศรษฐศาสตร์ Peter St Onge
แนวรับที่ควรจับตา ได้แก่ ระดับจิตวิทยาที่ 60.00 USD, 53.99 USD และ 48.89 USD ซึ่งแต่ละจุดนี้เคยเป็นโซนสะสมราคาในอดีต
นักลงทุนควรระมัดระวัง เพราะราคาวิ่งขึ้นเป็นเส้นโค้งอย่างรวดเร็ว ประกอบกับ RSI ที่สูงมาก เพิ่มโอกาสให้เกิดการย่อตัวในระยะสั้น แม้แรงส่งหลักจะยังคงเป็นแนวบวกก็ตาม
อย่างไรก็ตาม การพุ่งขึ้นของเงินที่สวนทางกับหุ้นและตลาดคริปโตที่ซบเซา สะท้อนให้เห็นว่าการปรับตัวนี้เกิดจากเงินทุนที่หลีกเลี่ยงความเสี่ยง ทำให้เงินได้รับบทเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงในสภาพแวดล้อมเศรษฐกิจมหภาคที่ไม่แน่นอนยิ่งขึ้น
ภาพรวมกว้าง ๆ ที่โลหะปรับตัวขึ้นในขณะที่คริปโตและหุ้นเผชิญความยากลำบาก ยังเป็นการเน้นย้ำถึงเม็ดเงินที่ไหลเข้าตลาดจากความกังวล มากกว่าการเติบโตที่เป็นธรรมชาติของตลาด