สำนักงานกำกับดูแลการเงินของสหราชอาณาจักร (FCA) ได้กำหนดเป้าหมายหลักสำหรับปี 2026 เพื่อผลักดันการเติบโต นวัตกรรม และการยอมรับเทคโนโลยีในภาคการเงินอย่างจริงจัง โดยใน จดหมาย ที่ส่งถึงนายกรัฐมนตรี Keir Starmer ทาง FCA ได้เน้นถึงแผนที่จะสรุปข้อบังคับสินทรัพย์ดิจิทัล ผลักดัน stablecoin ที่ออกโดยสหราชอาณาจักร และเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินดิจิทัลของประเทศ
เนื้อหาในจดหมายได้กล่าวถึงวาระเพื่อการเติบโตของหน่วยงานกำกับดูแล ซึ่งมีโครงการต่างๆ เช่น
Sponsored- กำกับดูแลตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลและจัดทำแนวทางที่ชัดเจนสำหรับธุรกิจคริปโต
- สนับสนุนให้ผู้จัดการสินทรัพย์สามารถนำโทเคนมาใช้กับกองทุน และใช้งานระบบการชำระเงินที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
- ลดขั้นตอนการขออนุญาตสำหรับธุรกิจใหม่และธุรกิจที่กำลังขยายตัว เพื่อเพิ่มการเข้าถึงเงินทุนและแข่งขันในตลาดการชำระเงินและการลงทุน
การสนับสนุน stablecoin และโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินดิจิทัลครั้งนี้ สะท้อนถึงการเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบการเงินที่เข้าถึงง่าย ทันที และทำงานร่วมกันได้มากขึ้น Will Beeson ผู้ร่วมก่อตั้งธนาคาร Allica ของสหราชอาณาจักรและอดีตหัวหน้าแพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัลของ Standard Chartered กล่าว พร้อมทั้งย้ำว่าการมีแนวทางกำกับดูแลที่ชัดเจน จะช่วยให้บริษัทในสหราชอาณาจักรสามารถแข่งขันในระดับโลก และรองรับการใช้คริปโตในชีวิตจริง โดยเฉพาะกับธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก
สำหรับแผนงานปี 2026 ของ FCA ยังรวมถึงการกำกับการเปิดตัวบริการชำระเงินประจำแบบปรับเปลี่ยนได้ ส่งเสริมการให้สินเชื่อแก่ SME ผ่าน open finance และการผลักดัน tokenization ของกองทุนด้วย ทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้ยุทธศาสตร์ที่กว้างขึ้น เพื่อรักษาสถานะของสหราชอาณาจักรในฐานะศูนย์กลางการเงินชั้นนำของโลกควบคู่ไปกับการปรับตัวต่อเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหราชอาณาจักร Rachel Reeves และเจ้าหน้าที่กระทรวงการคลัง ได้ต้อนรับแนวทางของ FCA ที่มุ่งให้ความชัดเจนกับธุรกิจ พร้อมทั้งส่งเสริมนวัตกรรมและคงไว้ซึ่งความโปร่งใสในตลาด
นอกจากนี้ รัฐบาลสหราชอาณาจักรได้ต่อยอดจากความริเริ่มของ FCA ปี 2026 ด้วยการเตรียมนำบริษัท คริปโตเคอร์เรนซี ทั้งหมดเข้าอยู่ภายใต้กรอบการกำกับดูแลทางการเงินที่มีอยู่เดิมตั้งแต่เดือนตุลาคม 2027 โดยคาดว่ากฎหมายที่เกี่ยวข้องจะถูกเสนอเข้าสู่รัฐสภาในเร็วๆ นี้
Sponsoredอ้างอิงจาก Reuters ร่างกฎหมายส่วนใหญ่จะอ้างอิงจากร่างที่เผยแพร่เมื่อเดือนเมษายน ซึ่งได้ระบุแนวทางสำหรับแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโต ผู้ให้บริการรับฝากคริปโต และผู้ออก stablecoin โดยโฆษกกระทรวงการคลังระบุว่า กฎหมายนี้มีจุดประสงค์เพื่อขยายข้อบังคับบริการทางการเงินของสหราชอาณาจักรให้ครอบคลุมธุรกิจคริปโต แทนที่จะออกกฎระเบียบใหม่ทั้งหมด
หากกฎหมายผ่านการพิจารณา จะถือเป็นหลักไมล์สำคัญของอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลในสหราชอาณาจักร ทั้งยังมอบความชัดเจนที่รอคอยกันมานานแก่บริษัททั้งในประเทศและต่างประเทศ
สหราชอาณาจักรปรับนโยบายกำกับดูแลแบบสหรัฐฯ
ด้วยการผสานบริษัทคริปโตเข้ากับกรอบบริการทางการเงินที่มีอยู่ สหราชอาณาจักรจึงนำแนวทางที่คล้ายคลึงกับสหรัฐอเมริกามาใช้ ซึ่งแตกต่างจากระบอบ MiCA ของสหภาพยุโรปซึ่งออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับอุตสาหกรรมคริปโตและเริ่มบังคับใช้เมื่อต้นปีนี้
ภายใต้กรอบกฎหมายที่เสนอไว้ ธุรกิจคริปโตจะต้องปฏิบัติตามมาตรฐานที่ใช้กับสถาบันการเงินแบบดั้งเดิมอยู่แล้ว รวมถึงหลักธรรมาภิบาล การปกป้องผู้บริโภค และกฎว่าด้วยความโปร่งใสของตลาด
Chancellor Rachel Reeves เน้นย้ำว่ากฎหมายฉบับนี้มีเป้าหมายเพื่อกำหนด “กฎเกณฑ์ที่ชัดเจน” สำหรับอุตสาหกรรม ในขณะเดียวกันก็กัน “ผู้ไม่หวังดี” ให้ออกจากตลาด
บุคคลในแวดวงอุตสาหกรรมต่างยินดีที่มีความชัดเจนจากทั้งเป้าหมายของ FCA ปี 2026 และกฎหมายที่จะมาถึงในปี 2027 อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าการกำกับดูแลที่เคร่งครัดเกินไปอาจผลักดันบริษัทนวัตกรรมให้ไปตลาดอื่นแทน
มาตรการเหล่านี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการเสริมความแข็งแกร่งของสหราชอาณาจักรในแวดวงการเงินดิจิทัลโลก Will Beeson กล่าว แต่หน่วยงานกำกับดูแลจะต้องรักษาสมดุลระหว่างการควบคุมกับความยืดหยุ่น เพื่อไม่ให้ขัดขวางการเติบโตในตลาดที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว สัดส่วนที่เหมาะสมและจังหวะการดำเนินงานจะเป็นหัวใจสำคัญให้บริษัทสามารถปรับตัวได้โดยไม่ถูกบีบให้เปลี่ยนแปลงแบบทันทีทันใด