Wirex ร่วมมือกับ Visa เพื่อขยายฐานลูกค้าในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและสหราชอาณาจักร
ตามข้อตกลง Wirex จะกลายเป็นสมาชิกสหราชอาณาจักรและ APAC Visa ทําให้บริษัทชําระเงินคริปโตสามารถขยายบริการไปยัง 40 ประเทศต่าง ๆ ได้
Wirex เตรียมดึงดูดลูกค้าที่มีความเข้าใจเทคโนโลยีและเพ่งเป้าไปที่ลูกค้า APAC ที่ร่ำรวยมากขึ้น
บัตรเดบิตและบัตรเติมเงินของ Wirex รองรับการชําระเงินในสกุลเงินดิจิทัลมากกว่า 250 สกุล รวมถึง Bitcoin, Ether, Litecoin, MKR, DOT, SOL และ MATIC เพิ่ม ALGO ลงในตัวเลือกการชําระเงินในเดือนกรกฎาคม 2022
ความร่วมมือครั้งใหม่ของ Visa ช่วยให้ผู้บริโภคในเอเชียสามารถใช้คริปโตเคอเรนซีกับร้านค้าในเอเชียแปซิฟิกจํานวนมากขึ้น ประชากรมากกว่าครึ่งหนึ่งของภูมิภาคได้กลายเป็นผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ต ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2022 Forbes ประมาณการว่ากว่าเจ็ดเปอร์เซ็นต์ของพอร์ตการลงทุนของผู้อยู่อาศัยในเอเชียแปซิฟิกถูกจัดสรรให้กับคริปโต
การชําระเงินโดยใช้คริปโตเคอเรนซียังดึงดูดลูกค้าที่ร่ำรวยมากขึ้นที่ไม่มีความรู้เรื่องคริปโตมากพอ รายงาน BitPay ล่าสุดชี้ให้เห็นว่า Bitcoin ถูกใช้สําหรับการซื้อจํานวนมากในปี 2022 ซึ่งเพิ่มโอกาสที่ลูกค้าที่ร่ำรวยจะแวะเวียนมาใช้บริการผู้ค้าปลีกที่รับการชําระเงินด้วย Bitcoin
นอกเหนือจากการขยายฐานลูกค้าของ Wirex ไปสู่ตลาด APAC ที่กําลังเติบโต พันธมิตรของ Visa ยังต้องการใช้ประโยชน์จากตลาดขนาดใหญ่ในสหราชอาณาจักรของ Wirex ที่มีลูกค้าอยู่แล้ว 5 ล้านคน ข้อมูลจากเอกสารของ เผยว่า Wirex ได้จดทะเบียนกับ Financial Conduct Authority ของสหราชอาณาจักรตาม Electronic Money Regulations 2017 นอกจากนี้ Wirex ยังได้จดทะเบียนให้บริการในสหรัฐอเมริกา
แพลตฟอร์มการชำระเงินดังกล่าวก่อตั้งโดย Pavel Matveev และ Dmitry Lazarchev ในปี 2014 ทาง Wirex เปิดตัวบัตรชําระเงินคริปโตกับ Visa ในปี 2015 เพื่อให้ผู้ถือครองคริปโตสามารถชําระค่าสินค้าที่ร้านค้ากว่า 80 ล้านรายด้วยการแปลงเงินที่จุดขายได้เกือบจะทันที นอกจากนี้ลูกค้ายังสามารถรับอัตราพิเศษในการแลกเปลี่ยนสกุลเงิน
ชาวเอเชียมีทัศนคติที่แตกต่างกันในการรับชำระเงินเป็นคริปโตเคอเรนซี
แม้ว่าภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจะมีความสนใจและเชี่ยวชาญในการใช้เทคโนโลยีโดยพื้นฐาน แต่ Wirex มีแนวโน้มที่จะเผชิญกับอุปสรรคในการส่งเสริมการใช้บัตรในหลายประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมื่อปีที่แล้ว สํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของไทยได้สั่งห้ามการชําระเงินด้วยคริปโต โดยอ้างว่าคริปโตเคอเรนซีมีศักยภาพที่จะถูกใช้เป็นเครื่องมือในการฟอกเงิน โดยเน้นย้ำว่าการห้ามดังกล่าวไม่ได้ขยายไปถึงการซื้อขายเหรียญดิจิทัล
ธนาคารแห่งชาติกัมพูชา สํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ของกัมพูชาและสํานักงานตํารวจแห่งชาติได้ลงนามในแถลงการณ์ร่วมในปี 2018 เพื่อบังคับให้ผู้ค้าคริปโตเคอเรนซีทั้งหมดได้รับใบอนุญาตก่อนทำธุรกรรม
นอกจากนี้ รัฐบาลเวียดนามได้ตัดสินว่าสกุลเงินดิจิทัลไม่ใช่วิธีการชําระเงินที่ยอมรับได้ในทางกฎหมาย ถึงอย่างนั้น อัตราการใช้งานคริปโตเคอเรนซีในเวียดนามกลัยสูงสุดในปี 2022 อ้างอิงจากข้อมูลรายงานภูมิศาสตร์ของ Cryptocurrency ปี 2022 โดย Chainalysis
เป็นที่ถกเถียงกันอยู่ว่าการแบนคริปโตเคอเรนซีในเอเชียนั้นมีส่งผลอย่างไรต่อจีนหรือไม่ กล่าวคือ รัฐบาลจีนได้ห้ามการใช้คริปโตเคอเรนซีและกําลังส่งเสริมสกุลเงินดิจิทัลแบบรวมศูนย์ ซึ่งปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนขั้นสูงของการทดลอง
คลิกที่นี่สําหรับบทวิเคราะห์ Bitcoin (BTC) ล่าสุดของ Be[In]Crypto
ข้อจำกัดความรับผิด
หมายเหตุบรรณาธิการ: เนื้อหาต่อไปนี้ไม่ได้สะท้อนถึงมุมมองหรือความคิเห็นของ BeInCrypto มันจัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้นและไม่ควรถูกตีความว่าเป็นคำแนะนำทางการเงิน กรุณาทำการวิจัยของคุณเองก่อนที่จะทำการตัดสินใจลงทุนใดๆ