Vitalik Buterin ผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum ซึ่งเป็นคริปโตยอดนิยมอันดับสอง กล่าวว่าเขาเองใช้บริการแพลตฟอร์มซึ่งให้บริการแบบผสมผสานอย่าง Tornado Cash ซึ่งบัดนี้ถูกแบนและคว่ำบาตรโดยรัฐบาลสหรัฐอเมริกา
“ผมอยากแสดงตัวในฐานะคนที่เคยใช้ TC [Tornado Cash] เพื่อบริจาคให้กับ [ยูเครน]” Buterin เขียนแสดงความคิดเห็นบน Twitter ช่วงเช้าวันนี้ โดยเห็นด้วยกับผู้ใช้งานอีกรายที่ชี้ให้เห็นว่าบริการต่าง ๆ เช่นที่ให้บริการโดย Tornado Cash มักจะถูกใช้เพื่อจุดประสงค์เชิงบวก เช่น การบริจาคช่วยเหลือยูเครน
“การบริจาคให้กับยูเครนถือเป็นตัวอย่างสำคัญของความจำเป็นสำหรับความเป็นส่วนตัวทางการเงิน < … > ในการนี้ ฉันยังสงสัยว่าจะมีตัวอย่างที่ถูกบันทึกเอาไว้ของการใช้งาน TC สำหรับจุดประสงคืเช่นนี้ไหม” Jeff Coleman ผู้ร่วมก่อตั้ง Counterfactual กล่าวบน Twitter
Tornado Cash เป็นผู้ให้บริการแบบผสมสานของ Smart Contract ที่พัฒนาบน Ethereum ซึ่งถูกแบนโดย Office of Foreign Assets Control (OFAC) สังกัดกระทรวงการคลังแห่งสหรัฐอเมริกาเมื่อวานนี้
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังฯ เผยว่า Tornado Cash “ถูกใช้งานเพื่อฟอกเงินกว่า 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐหากคิดเป็นเงินเสมือนจริงนับตั้งแต่เปิดให้บริการในปี 2019” รวมถึงเงินจำนวน 455 ล้านดอลลาร์สหรัฐซึ่งถูกขโมยไปโดย Lazarus Group ซึ่งเป็นกลุ่มแฮ็กเกอร์ที่รัฐบาลของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีเหนือสนับสนุน
Roman Semenov ผู้ร่วมก่อตั้ง Tornado Cash กล่าวว่าบัญชี GitHub ของเขาถูกระงับ เช่นเดียวกับแหล่งรายได้ TC อื่น ๆ รวมถึงองค์กร Tornado Cash GitHub และที่อยู่ของ Smart Contract ต่าง ๆ ที่เชื่อมกับ Tornado Cash บน Circle, RPC ของ Infura และอื่น ๆ
การแบนครั้งนี้นำไปสู่การหารือว่าด้วยบริการต่าง ๆ เช่น Tornado Cash ซึ่งถูกใช้งานสำหรับรายการธุรกรรมในโลกคริปโตและว่าด้วยการกำกับดูแลคริปโตอย่างเหมาะสม
Jerry Brito ตำแหน่ง Executive Director ของ Coin Center ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่ทำงานกับประเด็นนโยบายที่เกี่ยวข้องกับคริปโต ชี้ให้เห็นว่าการแบนครั้งนี้กลายเป็นการคว่ำบาตรเครื่องมือซึ่งเป็นกลางโดยพื้นฐานและสามารถนำมาใช้ทั้งในเชิงบวกและลบได้เช่นเดียวกับเทคโนโลยีอื่น ๆ” แทนที่จะดำเนินคดีกับบุคคลหรือองค์กรใด ๆ แยก
Jake Chervinsky ทนายความคริปโตและหัวหน้าแผลกนโยบายของ Blockchain Association กล่าวว่าแม้ว่าองค์กรของเขาจะสนับสนุนภารกิจของกระทรวงการคลังในการต่อสู้กับการเงินผิดกฎหมายในโลกคริปโต พวกเขาก็กังวลว่าการแบนบริการแบบผสมผสาน “จะข้ามเส้นที่รัฐบาลสหรัฐฯ ขัดเอาไว้ [และ] ควรที่จะเคารพเส้นดังกล่าวต่อไปในฐานะการเป็นผู้ออกนโยบายที่ดี” ทั้งยังเสริมว่าการตัดสินใจ “จะคว่ำบาตร <> โปรโตคอลไร้ตัวกลางควบคุม มีส่วนในการข่มคู่วิธีทางสายกลางและชาญฉลาดในการจัดการกับคริปโตเคอเรนซี” ซึ่งทางองค์กรเคยส่งเสริมมาก่อน
ข้อจำกัดความรับผิด
หมายเหตุบรรณาธิการ: เนื้อหาต่อไปนี้ไม่ได้สะท้อนถึงมุมมองหรือความคิเห็นของ BeInCrypto มันจัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้นและไม่ควรถูกตีความว่าเป็นคำแนะนำทางการเงิน กรุณาทำการวิจัยของคุณเองก่อนที่จะทำการตัดสินใจลงทุนใดๆ