Jump Crypto ได้เผยแพร่รายงานเกี่ยวกับการล่มของ TerraUSD (UST) โดยเปิดเผยว่า แม้ Whale จะออกจากตำแหน่งในอัลกอริธึม Stablecoin แล้ว แต่นักลงทุนรายย่อยก็ยังคงซื้อเหรียญกันอยู่
Jump Crypto ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านสกุลเงินดิจิทัลของ Jump Capital เป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนรายใหญ่ของ Terra ที่ล่มไปแล้ว รายงานนี้เป็นคำแถลงต่อสาธารณะฉบับแรกนับตั้งแต่การล่มของบล็อกเชนนี้
ทางบริษัทออกมาเปิดเผยว่า รายงานดังกล่าวอิงตามธุรกรรมบล็อกเชนที่มีอยู่ ซึ่งแสดงให้เห็นว่านักลงทุนรายใหญ่หลายรายที่มีเงินมากกว่า 1 ล้าน UST ดอลลาร์ ได้ล้างบัญชีของตนตั้งแต่เนิ่น ๆ ซึ่งทำให้เหลือแต่โทเค็นไร้ค่าไว้ให้กับนักลงทุนรายย่อย
เป็นเรื่องน่าสนใจที่นักลงทุนรายย่อยซึ่งถือครอง UST ต่ำกว่า 10,000 เหรียญหันมาเพิ่มฐานะในช่วงวันที่ 6 พฤษภาคม ถึง 9 พฤษภาคม แต่ผู้ฝากเงินรายใหญ่กลับหันมาลดฐานะ UST ในโปรโตคอล Terra’s Anchor ลงเกือบ 15% เมื่อ UST สูญเสียหมุดเป็นครั้งแรกในวันที่ 6 พฤษภาคม
อย่างไรก็ตาม รายงานระบุว่า การที่นักลงทุนรายย่อยเพิ่มฐานะขึ้นมาก็ยังไม่เพียงพอที่จะรับมือกับการไหลออก เนื่องจาก “ขนาดฐานะโดยรวมของพวกเขายังมีขนาดที่เล็กกว่าเมื่อเทียบกับขนาดฐานะของผู้ฝากขนาดกลางและขนาดใหญ่”
การอ้างถึงกระเป๋าเงิน 7 ใบ ‘เป็นส่วนหนึ่งของแนวโน้มที่ขยายขึ้น’
รายงานนี้ยังยอมรับรายงานของแพลตฟอร์ม Nansen เมื่อก่อนหน้านี้ด้วย การวิเคราะห์ของ Nansen อ้างว่าการล่มของบล็อกเชน Terra สามารถตรวจสอบย้อนกลับไปยังกระเป๋าเงินทั้ง 7 ใบ ซึ่งรวมไปถึงกระเป๋าที่เกี่ยวข้องกับบริษัทที่ให้บริการกู้ยืม Crypto อย่าง Celsius ด้วย
จากข้อมูลของ Jump Crypto กระเป๋าเงิน 7 ใบที่ Nansen เน้นย้ำนั้น “เป็นส่วนหนึ่งของแนวโน้มที่ขยายขึ้น” ซึ่งผลักดันการไหลออกใน Anchor ในช่วงที่ UST เริ่มสูญเสียหมุด
กระเป๋าเงินใบหนึ่งก่อให้เกิดการล่มโดยเฉพาะหลังมีการลดฐานะ UST ลงประมาณ 85 ล้านดอลลาร์สหรัฐในวันที่ 7 พฤษภาคม หลายคนเชื่อว่ากระเป๋าเงินดังกล่าวทำให้เกิดเหตุการณ์ต่อเนื่องที่นำไปสู่การล่มสลายของเครือข่ายในที่สุด
มีการคาดเดาว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังกระเป๋าเงินใบนั้น โดยที่หลายคนบอกว่าเป็นของบริษัทซื้อขายแลกเปลี่ยน Crypto แต่รายงานกล่าวว่าไม่น่าเป็นไปได้ที่กระเป๋าเงินใบนั้นจะเกี่ยวข้องกับหน่วยงานที่ให้บริการซื้อขายแลกเปลี่ยน เมื่อตัดสินจากประวัติของกระเป๋าเงินใบนั้นแล้ว
รายงานไม่ได้กล่าวถึงบทบาทของ Luna Foundation Guard (LFG) ในการล่มครั้งนี้ Kanav Kariya ประธานบริษัท Jump Trading เป็นคณะกรรมการกำกับดูแลขององค์กร ทาง LFG พยายามที่จะรักษาเสถียรภาพของ UST ด้วยการขาย Bitcoin ที่สำรองไว้ แต่ความพยายามนั้นมาช้าเกินกว่าที่จะรักษาระบบนิเวศเอาไว้ได้
การล่มของบล็อกเชน Terra เมื่อเดือนที่แล้วได้กวาดล้างอุตสาหกรรมไปประมาณ 40,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และถูกทำให้รุนแรงขึ้นอีกจากการเทขายในตลาด Crypto ที่มากขึ้น ตั้งแต่นั้นหน่วยงานกำกับดูแลทั่วโลกได้เพิ่มการตรวจสอบ Terraform และอุตสาหกรรม Crypto เป็นวงที่กว้างขึ้น
ข้อจำกัดความรับผิด
หมายเหตุบรรณาธิการ: เนื้อหาต่อไปนี้ไม่ได้สะท้อนถึงมุมมองหรือความคิเห็นของ BeInCrypto มันจัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้นและไม่ควรถูกตีความว่าเป็นคำแนะนำทางการเงิน กรุณาทำการวิจัยของคุณเองก่อนที่จะทำการตัดสินใจลงทุนใดๆ