รายงานฉบับใหม่จาก Activate Technology เปิดเผยว่ากระแสความคลั่งไคล้ที่มีต่อ Non-Fungible Token (NFT) และ Metaverse นั้นหมดลงไปแล้ว และทั้ง 2 ภาคส่วนจะต้องตั้งเป้าหมายไปที่ความสนใจจากองค์กรเพื่อที่จะเติบโตต่อไป
ในอนาคตจะมีการใช้งานแบบใหม่ๆ สำหรับ NFTs เพื่อช่วยบริษัทในการสร้าง Brand Loyalty (ความจงรักภักดีต่อแบรนด์สินค้า) ในขณะที่ Metaverse จะต้องมีการพัฒนาเพื่อสนับสนุนองค์กรอย่างต่อเนื่อง
การใช้งาน NFT จะเปลี่ยนเป็นการสร้างชุมชน
จากรายงานฉบับใหม่ที่มีการเปิดเผยมาจาก Activate Technology NFTs ได้ผ่านพ้นภาวะฟองสบู่ ณ จุดสูงสุดของพวกเขาแล้ว ดังนั้นกระแสความคลั่งไคล้ที่มีต่อพื้นที่ดังกล่าวจะค่อยๆ ลดลง
NFTs จะกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่เติบโตเต็มที่ โดย Blockchain และ Web3 จะเป็นสิ่งที่ช่วยขับเคลื่อนอรรถประโยชน์ให้กับโทเค็นมากยิ่งขึ้น บริษัทต่างๆ จะใช้ประโยชน์จากพื้นที่นี้เพื่อสร้างชุมชนโดยใช้แบรนด์ของตนเองเป็นศูนย์กลาง ผู้ซื้อยังจะได้ผลประโยชน์จากความรู้สึกเป็นเจ้าของอีกด้วย
Starbucks นั้นก็ได้เปิดตัว Starbucks Odyssey ที่จะใช้งานแสตมป์ NFT ซึ่งจะทำให้เจ้าของสามารถเข้าถึงประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร
นอกจากนี้ รายงานยังได้เปิดเผยถึงการเปลี่ยนแปลงในด้านข้อมูลของผู้เข้าร่วมตลาด NFT ในปัจจุบัน โดยพวกเขาให้นิยามต่อผู้เข้าร่วมว่าเป็นคนที่ “ศึกษา, พูดคุย, ค้นหา, ประมูล, ซื้อ, แสดง, ขาย, หรือสร้าง NFT ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา”
จำนวนผู้เข้าร่วมในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจาก 12% ในปี 2021 เป็น 18% ในปี 2022 ถึงอย่างนั้น น้อยกว่า 1 ใน 3 ของประชากรสหรัฐฯ ยังคงไม่ทราบว่า NFT คืออะไร ผู้เข้าร่วมในพื้นที่ NFT 43% มาจากครอบครัวที่ร่ำรวยที่มีรายได้ตั้งแต่ 100,000 ดอลลาร์ขึ้นไป
ยอดขาย NFT ในตลาดหลักและตลาดรอง — ยกเว้น LookRare — มีมูลค่าเกิน 2.3 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2022 เจ้าของ NFT ส่วนใหญ่ทำการซื้อมันเพื่อใช้โชว์บนโซเชียลมีเดียและคอลเล็กชั่นต่างๆ ซึ่งไม่เหมือนช่วงก่อนหน้าของวัฏจักร NFT เมื่อผู้คนใช้การซื้อขายและแลกเปลี่ยน NFT เป็นการลงทุนเพื่อเก็งกำไร
มีเพียง 51% ของผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปซื้อมันเพื่อเป็นการลงทุนในปี 2022 เมื่อเทียบกับ 76% ในปีที่ผ่านมา 19% นั้นใช้มันในจุดประสงค์ของการนำไปโชว์ ในขณะที่อีก 4% มองว่ามันเป็นเพียงของสะสมดิจิทัล
น้อยกว่า 22% นั้นซื้อมันเพราะมองว่าเป็นสิ่งที่แปลกใหม่ และอีก 2% ซื้อมันเพื่อสนับสนุนศิลปินหรือนักกีฬา
รากฐานสำหรับ Metaverse ถูกกำหนดไว้แล้ว
จากข้อมูลของ Activate Technology นอกเหนือจากภาวะฟองสบู่ NFT ที่สิ้นสุดลงแล้ว กระแสความคลั่งไคล้ของ Metaverse ก็ได้สิ้นสุดลงเช่นกัน พร้อมกับที่บริษัทต่างๆ จำเป็นต้องยืนยันถึงโอกาสต่างๆ และมอบทรัพยากรทางธุรกิจให้กับพื้นที่นี้ ขณะนี้ บริษัทต่างๆ จำเป็นต้องโฟกัสไปที่การทำงานร่วมกันระหว่างโลกเสมือนเพื่อที่จะใช้ประโยชน์จาก Metaverse ได้อย่างเต็มที่
รากฐานสำหรับ Metaverse นั้นได้ถูกสร้างขึ้นมาแล้วเป็นเวลากล่าว 20 ปีผ่านโลกเสมือนจริงภายในเกม เกมเมอร์ในสหรัฐฯ ประมาณ 77% มีส่วนร่วมในกิจกรรมที่ไม่เกี่ยวกับการเล่นเกมภายในเกมเมื่อปีที่ผ่านมา พวกเขาได้สร้างอวาตาร์และปรับแต่งตัวเองและทำการซื้อสินค้าเสมือนจริง
เกมเมอร์ในจีน, ญี่ปุ่น, และเกาหลีใต้ใช้เวลาร่วมกันกว่า 30 ชั่วโมงต่อเดือนในการเล่นเกมอย่าง Roblox, Minecraft และ Fortnite ที่ซึ่งมีองค์ประกอบ Metaverse องค์ประกอบเหล่านี้รวมถึงประสบการณ์ที่สมจริง, ปฏิสัมพันธ์ทางสังคม, ความเป็นจริงผสม, ความเป็นอัตลักษณ์, และเศรษฐกิจความในเกม
ความเป็นจริงเสมือนและความเป็นจริงเสริมจะไม่ถูกนำไปใช้งานอย่างกว้างขวางและมันจะไม่ใช่อนาคตของ Metaverse
“เราคาดว่าจะเห็นการลงทุนที่สำคัญและยั่งยืนในด้านนวัตกรรมในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า” รายงานกล่าวโดยสรุป
หากคุณต้องการที่จะพูดคุยเกี่ยวกับเรื่อง กระแสความคลั่งไคล้ของ Metaverse และ NFT หรือเรื่องอื่นๆ เขียนมาหาเราหรือเข้ามาสนทนากันในแชแนล Telegram ของเราสิ! และคุณยังสามารถติดตามเราได้ที่ Facebook หรือ Blockdit ด้วยนะ!
ข้อจำกัดความรับผิด
หมายเหตุบรรณาธิการ: เนื้อหาต่อไปนี้ไม่ได้สะท้อนถึงมุมมองหรือความคิเห็นของ BeInCrypto มันจัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้นและไม่ควรถูกตีความว่าเป็นคำแนะนำทางการเงิน กรุณาทำการวิจัยของคุณเองก่อนที่จะทำการตัดสินใจลงทุนใดๆ