Sam Bankman-Fried ประธานบริษัท FTX กล่าวใน Twitter ถึงการใช้งานในรูปแบบอื่นๆ ของอุตสาหกรรม Crypto ที่นอกเหนือไปจากการเป็นเครื่องมือในการลงทุนทางการเงินเพื่อเก็งกำไร
จากข้อมูลของ SBF เขากำลังเพิกเฉยต่อความนิยมของเหล่านักลงทุนที่ว่า “ซื้อโทเค็น แล้วมันอาจจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น” และมุ่งเน้นไปที่การใช้ศักยภาพในการชำระเงิน โครงสร้างตลาด และโซเชียลมีเดียของมัน
การชำระเงิน
เมื่อพูดถึงการชำระเงิน SBF กล่าวว่าการเปลี่ยนแปลงของธุรกรรมมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาด้วยพัฒนาการของเทคโนโลยีและความก้าวหน้าใหม่ๆ
ตามที่เขากล่าว การชำระเงินนั้นยุ่งยาก ช้า และมีค่าใช้จ่ายสูง เนื่องจากมันอาจจะใช้เวลาหลายวันหรือหลายเดือนกว่าที่ธุรกรรมบางรายการจะได้รับการยืนยันโดยใช้ระบบการเงินแบบเดิม จากความท้าทายที่เกิดขึ้นในกระบวนการการชำระเงิน
อย่างไรก็ตาม ปัญหาทั้งหมดเหล่านี้หมดไปด้วย Crypto เนื่องจาก “บล็อกเชนอนุญาตให้ทุกคนสร้างกระเป๋าเงินและใช้เพื่อส่งและรับโทเค็นได้ ซึ่งรวมไปถึง Stablecoins ที่ peg กับ USD”
Sponsored Sponsoredเขาเสริมว่าการชำระเงินด้วย Crypto จะดำเนินการภายในไม่กี่วินาที และมักจะ “เสียแค่เศษเสี้ยวของเพนนี”
โครงสร้างตลาด
เกี่ยวกับโครงสร้างตลาด SBF กล่าวว่าตลาดแบบดั้งเดิมมีความเสี่ยงที่จะได้รับอิทธิพลจากการทำธุรกรรม เขายกตัวอย่างของวันที่ 28 มกราคม 2021 เมื่อความสนใจในร้านค้าปลีกใน Gamestop, AMC และเหรียญมีมเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณ
การมีอยู่ของตัวกลางหลายตัวในกระบวนการทำธุรกรรมทำให้เกิด “ความเสี่ยงในการชำระเงิน” ที่สูง ซึ่งบังคับให้นายหน้าเหล่านี้ต้องปิดบริการของพวกเขาเพื่อจัดการสถานการณ์
มันส่งผลให้ผู้ใช้งานไม่สามารถซื้อหรือขายสินทรัพย์ของตนในขณะที่มีผู้ที่ถูกเลิกกิจการและสูญเสียเงินทุนในกระบวนการนี้ได้
SBF ให้ความเห็นว่า Crypto ช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ในโครงสร้างตลาดเพราะมัน “สามารถสร้างโครงสร้างและการชำระเงินของตลาดที่เรียบง่ายกว่า ยุติธรรมกว่า และมีความเสี่ยงน้อยกว่า”
โซเชียลมีเดีย
ประธานบริษัท FTX กล่าวว่าปัญหาหลักที่เครือข่ายโซเชียลมีเดียต้องเผชิญคือการที่พวกเขาแยกตัวออกจากกัน
Sponsored Sponsoredจากทวีตของเขา ผู้ใช้งานแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียแห่งหนึ่งไม่สามารถเห็นสิ่งที่เพื่อนๆ ของพวกเขาโพสต์บนเว็บไซต์โซเชียลมีเดียอื่นๆ ได้
เขากล่าวว่า
ในตอนนี้ ถ้าคุณทวีตอะไรบางอย่าง และเพื่อนของคุณใช้งาน Facebook พวกเขาจะไม่สามารถเห็นทวีตของคุณได้
แต่ด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชน สิ่งนี้สามารถเปลี่ยนแปลงได้จากการที่แพลตฟอร์มจะสามารถทำงานร่วมกันได้มากขึ้น เขาโต้แย้งว่าหากเครือข่ายโซเชียลมีเดียใช้บล็อกเชนสาธารณะ ผู้ใช้งานจะสามารถส่งข้อความบน Facebook และผู้ใช้งานรายอื่นๆ จะสามารถเห็นข้อความเดียวกันบน Twitter ได้
