ผู้ก่อตั้ง FTX กล่าววิจารณ์ Bitcion (BTC) ว่ามันไร้ประสิทธิภาพในการทำธุรกรรมและสนับสนุนในกลไกฉันทามติ proof-of-stake (PoS) มากกว่า
Sam Bankman-Fried ซีอีโอของ FTX ซึ่งเป็นเว็บเทรดสกุลเงินดิจิทัล บอกกับ Financial Times ว่า Bitcoin นั้นไม่มีอนาคตในฐานะเครือข่ายการชำระเงินเนื่องจากมันมีการใช้พลังงานที่สูงเกินไป
เขาตำหนิความไร้ประสิทธิภาพในการพึ่งพา Proof-of-Work (PoW) ซึ่ง Bitcoin ใช้มาตั้งแต่เปิดตัวในปี 2009
“Bitcoin ไม่ใช่เครือข่ายการชำระเงินและไม่ใช่เครือข่ายการปรับขนาด” ผู้ก่อตั้ง FTX กล่าว
Bitcoin ใช้ PoW ที่อาศัยพลังในการคำนวณเพื่อตรวจสอบความถูกต้องของธุรกรรมและขุดเหรียญใหม่ ในขณะที่ไอเดียดังกล่าวนี้ได้รับการยกย่องว่ามันเป็นเรื่องที่ชาญฉลาด แต่มันก็ยังมีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงการใช้พลังงานที่สูงและการส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
มีการกล่าวว่า Bitcoin นั้น ใช้พลังงานมากกว่านอร์เวย์และอาร์เจนตินาทั้งประเทศ และเพื่อเป็นการตอบโต้ หน่วยงานกำกับดูแลของยุโรปกำลังพิจารณาเรื่องการแบนระบบ PoW อย่างสิ้นเชิง
ยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น Chris Larsen ผู้ร่วมก่อตั้ง Ripple Labs ได้เสนอให้ Bitcoin เปลี่ยนโค้ดเป็นโมเดล Proof-of-Stake (PoS) และก้าวไปอีกขั้นเพื่อเปิดตัวแคมเปญใหม่ที่เรียกว่า “เปลี่ยนโค้ด ไม่ใช่ ภูมิอากาศ”
“มันจะต้องเป็นกรณีที่ว่าเราไม่ได้ปรับขนาดขึ้นไปจนถึงจุดที่เราต้องใช้พลังงานเป็น 100 เท่าเพื่อที่จะใช้พลังงานเท่าที่ใช้อยู่ในปัจจุบันนี้เพื่อการขุด” Bankman-Fried กล่าวถึงเรื่องในการควบคุมผลกระทบจากการขุดของ Bitcoin
ซีอีโอของ FTX กล่าวว่า Proof-of-Stake นั้นคือทางออก
Bankman-Fried บอกกับสื่อว่าระบบ PoS นั้นเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการสร้างแพลตฟอร์มการชำระเงิน Crypto ที่มีประสิทธิภาพเมื่อพิจารณาจากประสิทธิภาพในด้านพลังงาน “การที่คุณทำธุรกรรมหลายล้านรายการต่อวินาทีนั้น มันจะต้องมีประสิทธิภาพและน้ำหนักเบาอย่างยิ่ง และ [มี] ต้นทุนด้านพลังงานที่ลดลง” เขากล่าว
Ethereum (ETH) ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ได้จัดทำแผนงานที่ครอบคลุมเพื่อที่จะเปลี่ยนมาใช้ PoS ในปลายปีนี้ การทดสอบอย่างต่อเนื่องที่ประสบความสำเร็จได้มีการเผยแพร่แล้วพร้อมกับที่ ETH จะกลายเป็นสินทรัพย์ Crypto ที่มีการล็อกมากที่สุดตามข้อมูลจาก stakingrewards.com
Bankman-Fried ยังคงมองเห็นความหวังใน Bitcoin
ประธานของ FTX ไม่ได้ตัด Bitcoin ออกอย่างสมบูรณ์เพราะเขาเชื่อว่า Cryptocurrency ที่ใหญ่ที่สุดจะยังคงมีที่อยู่ในระบบนิเวศ
“ผมไม่ได้คิดว่า Bitcoin จะต้องไป” เขาบอกกับ Financial Times เขากล่าวต่อไปว่ามันมีบทบาทในการเป็น “สินทรัพย์ สินค้าโภคภัณฑ์ และร้านที่มีมูลค่า” ที่คล้ายกับทองคำ Bitcoin มีราคาเพิ่มขึ้นมากกว่า 10,000% ตั้งแต่ปี 2013 และแตะระดับสูงสุดตลอดกาลที่ 64,789 ดอลลาร์ในปี 2021
ถึงแม้ว่า Bankman-Fried จะให้ความคิดเห็นดังกล่าว แต่เอลซัลวาดอร์และสาธารณรัฐอัฟริกากลางก็ได้นำ Bitcoin มาใช้เป็นกฎหมาย แต่ผู้เชี่ยวชาญยังคงถกเถียงถึงความเหมาะสมของพวกมันที่จะถูกใช้เป็นการชำระเงินในชีวิตประจำวัน
ข้อจำกัดความรับผิด
หมายเหตุบรรณาธิการ: เนื้อหาต่อไปนี้ไม่ได้สะท้อนถึงมุมมองหรือความคิเห็นของ BeInCrypto มันจัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้นและไม่ควรถูกตีความว่าเป็นคำแนะนำทางการเงิน กรุณาทำการวิจัยของคุณเองก่อนที่จะทำการตัดสินใจลงทุนใดๆ