สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคในอุตสาหกรรมการเงิน (The Consumer Financial Protection Bureau: CFPB) ประเทศสหรัฐอเมริกา เรียกใช้ข้อกฎหมายที่ไม่ได้ใช้เป็นเวลานาน เพื่อเพิ่มอำนาจในการกำกับดูแลบริษัทคริปโตและ fintech
CFPB ประกาศว่า จะใช้กฎหมายกับ “ผู้ให้บริการที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (non-bank) ซึ่งสร้างความเสี่ยงให้กับผู้บริโภค”
ข้อกฎหมายดังกล่าว ที่มุ่งเป้าวงการคริปโต จะช่วยคุ้มครองผู้บริโภคและ “ยกระดับให้สถาบันการเงินและผู้ให้บริการที่ไม่ใช่สถาบันการเงินอยู่ในระดับเดียวกันในการแข่งขัน” โดยกฎหมายนี้เป็นส่วนหนึ่งของพระราชบัญญัติ Dodd-Frank และจะเปิดโอกาสให้หน่วยงานรัฐตรวจสอบบริษัทคริปโตและความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นจากบริษัทเหล่านี้ได้
ความเสี่ยง คือ หัวใจของเรื่องนี้ โดย CFPB แจ้งว่า จะไล่ล่าบริษัทคริปโตที่อาจจะสร้างความเสียหายให้กับผู้บริโภค เหมือนกับที่ไล่ล่าสถาบันทางการเงิน
Rohit Chopra ผู้อำนวยการ CFPB ชี้แจงว่า การทำเช่นนี้ก็เพื่อตัดไฟตั้งแต่ต้นลม โดยอธิบายว่า “เนื่องจากมีการเสนอสินค้าและบริการจากสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว CFPB จึงกำลังเริ่มใช้อำนาจหน้าที่ที่ไม่ได้ใช้มานาน เพื่อควบคุมบริษัทเหล่านี้ให้อยู่มาตรฐานเดียวกันกับธนาคาร อำนาจนี้จะทำให้เราขยับตัวได้เร็วพอๆ กับตลาด ซึ่งจะทำให้เราเข้าตรวจสอบบริษัททางการเงินที่อาจสร้างความเสี่ยงให้กับผู้บริโภคได้ และยับยั้งอันตรายได้ทันเวลา”
สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคขอความเห็นจากสาธารณชน
CFPB ได้ข้อความเห็นเกี่ยวกับกฎหมายดังกล่าวจากสาธารณชน เพราะอยากให้ผู้ที่อาจจะได้รับผลกระทบมีโอกาสแสดงความเห็น
การตัดสินใจครั้งนี้ถือเป็นการเพิ่มจำนวนหน่วยงานกำกับดูแลในประเทศสหรัฐฯ ที่เข้าร่วมจัดทำกฎระเบียบเกี่ยวกับคริปโต โดยเจ้าหน้าที่ได้กล่าวว่า หลายหน่วยงานจำเป็นทำงานร่วมกันเพื่อกำกับดูแลธุรกิจคริปโต และกระบวนการนี้ก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา
Stablecoins คือ หนึ่งในความสนใจอันดับต้นๆ ของรัฐบาลสหรัฐ รวมถึงอีกหลายประเทศ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ เชื่อว่า Stablecoins อยู่ร่วมกับธนาคารกลางของสกุลเงินดิจิทัลได้ แต่หน่วยงานรัฐจะควบคุมดูแล stablecoins อย่างแน่นอน”
วงการคริปโตจะได้รับผลกระทบจากความเปลี่ยนแปลงในสหรัฐฯ อย่างแน่นอน ไม่ว่าจะในทางบวกหรือทางลบ ในขณะที่การเกิดขึ้นของระบบการเงินไร้ตัวกลาง (DeFi) เป็นหนึ่งในหัวข้อใหญ่ที่ต้องพิจารณา
IMF แถลงว่า “ระบบการเงินไร้ตัวกลางทำให้เกิดความเสี่ยงต่อตลาดการเงิน ดังนั้น IMF จะประกาศใช้กฎระเบียบในอีกไม่นาน แน่นอน”
ข้อจำกัดความรับผิด
หมายเหตุบรรณาธิการ: เนื้อหาต่อไปนี้ไม่ได้สะท้อนถึงมุมมองหรือความคิเห็นของ BeInCrypto มันจัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้นและไม่ควรถูกตีความว่าเป็นคำแนะนำทางการเงิน กรุณาทำการวิจัยของคุณเองก่อนที่จะทำการตัดสินใจลงทุนใดๆ