รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของอินเดียกล่าวว่าจะมีการใช้แนวทางที่รัดกุมในการกำกับดูแลอุตสาหกรรมคริปโต แต่ยังยอมรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอุตสาหกรรมได้
Nirmala Sitharaman กล่าวสุนทรพจน์ที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดว่า “เรื่องนี้ต้องใช้เวลา เราไม่สามารถรีบเร่งได้”
Sitharaman ย้ำว่ารัฐบาลไม่ได้ต่อต้านนวัตกรรมทางเทคโนโลยี “นี่เป็นข้อกังวลบางประการของเรา ไม่ใช่แค่ในอินเดีย แต่ในหลายประเทศทั่วโลก ดังนั้น ความตั้งใจของเราจึงจะไม่ให้ส่งผลเสียต่อนวัตกรรมนี้”
อินเดียจะเปิดตัว e-rupee ในปีหน้า
อินเดียกำลังเตรียมที่จะเปิดตัวสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC) โดย Sitharaman กล่าวว่า e-rupee มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในปี 2023
T. Rabi Sankar รองผู้ว่าการธนาคารกลางอินเดีย (RBI) กล่าวเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาว่าธนาคารกลางกำลังใช้แนวทางที่เหมาะสมในการจัดการกับค่าเงินรูปีดิจิทัล
“เราอาจจะเริ่มด้วยโครงการทดลองจากอันหนึ่งไปอีกอันหนึ่ง กลุ่มผู้ค้าส่งน่าจะเป็นกลุ่มแรกที่เราจะลองใช้งาน เนื่องจากจะง่ายที่สุดในการดำเนินการ ส่วนอื่น ๆ จะมีการใช้เทคโนโลยีที่เข้มข้นมากขึ้น” เขากล่าว
อินเดียยังรั้งท้าย
ในขณะที่อินเดียอยู่ในระดับแนวหน้าของนวัตกรรมทางเทคโนโลยีหลายอย่าง แต่ก็ยังล้าหลังกว่าประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียในใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีคริปโต
ในรายงานฉบับล่าสุดโดย Chainalysis ระบุว่าอินเดียอยู่ในอันดับที่ 21 โดยมีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 1.85 พันล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม ตุรกีอยู่อันดับที่ 6 ที่มูลค่า 4.6 พันล้านดอลลาร์ และเวียดนามมาอยู่อันดับที่ 16 ด้วยมูลค่า 2.7 พันล้านดอลลาร์
และแม้ว่าจีนพยายามลดความสำคัญของภาคคริปโตในปีที่แล้ว แต่ก็ยังอยู่ในห้าอันดับแรกที่มีรายได้ 5.1 พันล้านดอลลาร์ แม้ว่าประเทศจะเห็นการเพิ่มขึ้นที่ลดลงเมื่อเทียบปีต่อปีที่ 194% เมื่อเทียบกับประเทศอย่างสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร
Shivam Thakral ซีอีโอของ BuyUcoin กล่าวว่า “นี่ถือเป็นการส่งเสริมที่ดีสำหรับชุมชนผู้ใช้คริปโตทั่วโลกที่เห็นว่านักลงทุนคริปโตทำกำไรได้อย่างดีด้วยความมั่นใจในทรัพย์สินคริปโตของตน”
Thakral ยังรู้สึกว่ากำไรจากการวงการคริปโตในอินเดียนั้นยอดเยี่ยม แม้ว่าจะมีความไม่แน่นอนด้านกฎระเบียบในภาคธุรกิจก็ตาม
เมื่อพูดถึงผลกำไรของการซื้อขายคริปโต รายงานพบว่า Ethereum เป็นเงินสกุลที่โดดเด่นที่สุด โดยรายงานของ Chainalysis กล่าวว่า “Ethereum เพิ่งเพิ่มมูลค่าของ bitcoin ออกไปโดยรวม โดยทำกำไรทั่วโลกได้ที่ 76,300 ล้านดอลลาร์ถึง 74,700 ล้านดอลลาร์ เราเชื่อว่าสิ่งนี้สะท้อนถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับ Ethereum อันเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของ DeFi ในปี 2021 เนื่องจากโปรโตคอล DeFi ส่วนใหญ่สร้างขึ้นบน Ethereum blockchain และใช้ Ethereum เป็นสกุลเงินหลัก”
ข้อจำกัดความรับผิด
หมายเหตุบรรณาธิการ: เนื้อหาต่อไปนี้ไม่ได้สะท้อนถึงมุมมองหรือความคิเห็นของ BeInCrypto มันจัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้นและไม่ควรถูกตีความว่าเป็นคำแนะนำทางการเงิน กรุณาทำการวิจัยของคุณเองก่อนที่จะทำการตัดสินใจลงทุนใดๆ