กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ได้ส่งฟ้องคดีอาญาในการหลบเลี่ยงการคว่ำบาตรโดยใช้ Cryptocurrency เป็นครั้งแรก ตามที่ผู้พิพากษาของรัฐบาลกลางกล่าว
พลเมืองอเมริกันที่ไม่ระบุชื่อถูกกล่าวหาว่าได้ส่งเงิน 10 ล้านเหรียญดอลลาร์ไปยังประเทศที่ถูกคว่ำบาตรโดยสำนักงานควบคุมทรัพย์สินต่างประเทศซึ่งเป็นหน่วยงานของกระทรวงการคลังสหรัฐ ผู้พิพากษา Zia M. Faruqui จากวอชิงตัน ดี.ซี. ได้อนุมัติคำร้องที่ยื่นโดยกระทรวงยุติธรรมต่อจำเลยซึ่งได้โอน Crypto ไปยังประเทศใดประเทศหนึ่งที่เผชิญกับการคว่ำบาตรอย่างเข้มงวดของสหรัฐฯ ได้แก่ อิหร่าน คิวบา เกาหลีเหนือ รัสเซีย หรือซีเรีย “กระทรวงยุติธรรมสามารถและจะดำเนินคดีทางอาญากับบุคคลและหน่วยงานต่างๆ หากไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบของ OFAC ซึ่งรวมไปถึงสกุลเงินเสมือนด้วยเช่นกัน” Faruqui กล่าว
OFAC กล่าวว่าสกุลเงินเสมือนนั้นถูกรวมอยู่ในกฎหมายล่าสุด
OFAC ได้ออกกฎระเบียบในเดือนตุลาคม 2020 ชี้แจงว่าการทำธุรกรรมกับประเทศที่ถูกคว่ำบาตรด้วย Crypto นั้นไม่แตกต่างจากการทำธุรกรรมกับประเทศเหล่านั้นด้วยสกุลเงินปกติ
คดีนี้ถือเป็นกรณีแรกตามที่ Ari Redbord ซึ่งทำงานเป็นที่ปรึกษาอาวุโสในกระทรวงการคลังในปี 2019 และ 2020 ระบุ “สิ่งที่เราเห็นคือกระทรวงยุติธรรมจะติดตามนักแสดงที่พยายามใช้สกุลเงินดิจิทัลอย่างแข็งขัน แต่ยังเป็นการยากที่จะใช้สกุลเงินดิจิทัลเพื่อหลบเลี่ยงการคว่ำบาตร” เขากล่าว
Crypto ไม่ได้ไร้ตัวตนอย่างที่คุณคิด
ก่อนการพิจารณาคดีนี้ กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DOJ) จับกุมคน 2 คนในข้อหาสมรู้ร่วมคิดในการฟอก Bitcoin ที่ถูกขโมยไปจากการแฮ็ก Bitfinex ซึ่งเป็นเว็บเทรด Crypto ในฮ่องกง
ในทั้ง 2 กรณี ความไม่เปลี่ยนรูปของ Bitcoin และลักษณะของการใช้นามแฝงได้พิสูจน์แล้วว่ามันเป็นช่องโหว่ร้ายแรง ที่ทำให้ผู้กระทำความผิดสามารถฉกฉวยโอกาสได้
ในกรณีของ Bitfinex หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายได้ติดตามเงินที่ฟอกแล้วส่วนใหญ่ไปยังกระเป๋าเงิน Crypto “wallet 1CGA4s” โดยใช้การวิเคราะห์บล็อกเชน จากนั้นก็ไขปริศนาในการเชื่อมโยงบุคคลเข้ากับกระเป๋าเงินผ่านการปิดเว็บไซต์ “dark net” ที่ชื่อว่า AlphaBay ในปี 2017 ซึ่งเป็นไซต์ที่ฟอกเงิน “การจับกุมในวันนี้ และการจับกุมทางการเงินครั้งใหญ่ที่สุดของหน่วยงาน แสดงให้เห็นว่าสกุลเงินดิจิทัลไม่ใช่ที่หลบภัยสำหรับอาชญากร” รองอัยการสูงสุดที่เกี่ยวข้องในคดีนี้กล่าว
ในกรณีของการหลบเลี่ยงการคว่ำบาตรนี้นั้น ผู้บังคับใช้กฎหมายได้ใช้เครื่องมือวิเคราะห์บล็อกเชนอีกครั้งซึ่งมีวิวัฒนาการมาตั้งแต่เรื่อง Bitfinex เพื่อติดตามธุรกรรมของผู้ถูกกล่าวหา จากนั้น พวกเขาได้ออกหมายเรียกเว็บเทรดสกุลเงินดิจิทัลในสหรัฐอเมริกา เว็บเทรดในต่างประเทศ และธนาคารแบบดั้งเดิมในสหรัฐอเมริกาเพื่อเปรียบเทียบข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้าของพวกเขา ที่อยู่อินเทอร์เน็ตโปรโตคอล (IP) ที่ใช้ในการเข้าถึงเว็บเทรดทั้ง 2 นำไปสู่การบังคับใช้กฎหมายไปยังบ้านของผู้ต้องหา ข้อมูลจากหมายค้นอีเมลและข้อมูลการลงทะเบียนบริษัทตัวแทนนั้นก็ช่วยให้หลักฐานสมบูรณ์
พวกเขายังพบว่าบัญชีรับของเว็บเทรดทั้ง 2 นั้นเข้าถึงได้จากบัญชีต่างประเทศในประเทศที่ถูกคว่ำบาตร
“สกุลเงินเสมือนไม่สามารถติดตามได้? นั่นเป็นเรื่องที่ผิด” ผู้พิพากษากล่าวในเอกสารความคิดเห็น 9 หน้า เขาสรุปความคิดเห็นของเขาโดยกล่าวว่ามีความเป็นไปได้ที่เงินเสมือนที่ส่งไปยังต่างประเทศไปยังเขตอำนาจที่ถูกคว่ำบาตรจะเป็นการกระทำทางอาญา โดยผู้กระทำความผิดอาจจะต้องรับผิดชอบที่เกี่ยวข้องกับเว็บเทรด Crypto ทั้ง 2 แห่งในการหลบเลี่ยงการคว่ำบาตร
ข้อจำกัดความรับผิด
หมายเหตุบรรณาธิการ: เนื้อหาต่อไปนี้ไม่ได้สะท้อนถึงมุมมองหรือความคิเห็นของ BeInCrypto มันจัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้นและไม่ควรถูกตีความว่าเป็นคำแนะนำทางการเงิน กรุณาทำการวิจัยของคุณเองก่อนที่จะทำการตัดสินใจลงทุนใดๆ
