ดูเพิ่มเติม

“เศรษฐี Crypto” กว่า 70% ใช้ 5 กลยุทธ์ต่อไปนี้เพื่อที่จะทำกำไรสูงสุด

2 mins
โดย David Thomas
แปลแล้ว Akradet Mornthong

สรุปย่อ

  • เศรษฐี Crypto ใช้กลยุทธ์ DeFi อย่างน้อย 5 กลยุทธ์ต่อไปนี้เพื่อต่อสู้กับตลาดหมี Crypto
  • นี่รวมไปถึงการสวอปโทเค็นที่ไม่เป็นที่รู้จักบน DEX, การยืมเชิงกลยุทธ์บน Aave และการฟาร์มผลตอบแทนบน PancakeSwap
  • หากต้องการใช้งาน DeFi เหมือนอย่างเศรษฐี Crypto นักลงทุนต้องรับผิดชอบคีย์ของพวกเขาอย่างเต็มที่

ในขณะที่นักลงทุน Crypto ส่วนใหญ่ทำการรัดเข็มขัดในช่วงตลาดหมีในปัจจุบัน “เศรษฐี Crypto” นั้นทำกำไรได้จากผลิตภัณฑ์ทางการเงินแบบกระจายอำนาจ (DeFi) ซึ่งรวมถึง Uniswap, Aave, PancakeSwap, DAO Maker และ กระเป๋าเงินแบบ Self-Custodial อย่าง MetaMask

ตลาดหมีนั้นได้ส่งผลกระทบต่อนักลงทุน Crypto โดยรวม ถ้าอย่างงั้น ทำไมไม่ลองมาเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญทางด้าน DeFi ที่ทำเงินได้นับล้านด้วยการใช้กลยุทธ์ที่คุณอาจจะไม่เคยรู้จักมาก่อน

เคล็ดลับเศรษฐี Crypto #1: Uniswap Gems

Uniswap คือกระดานเทรดแบบกระจายอำนาจ (DEX) บนบล็อกเชน Ethereum ที่เสนอให้ผู้ใช้งาน DeFi สามารถรับค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมได้โดยการมีส่วนร่วมทำให้เกิดสภาพคล่อง ใครๆ ก็สามารถสร้างตลาดได้โดยการฝากสินทรัพย์ของคู่ซื้อขายไว้ในสัญญาอัจฉริยะ ขจัดผู้ควบคุมดูแลออกจากการสร้างสภาพคล่อง

DEX จะเรียกเก็บค่าธรรมเนียม 0.3% สำหรับการซื้อขายทั้งหมด ผู้ให้บริการสภาพคล่องจะได้รับ Passive Income จากค่าธรรมเนียมเหล่านั้น ตามสัดส่วนของปริมาณสภาพคล่องที่พวกเขาจ่ายไปลบด้วยค่าเสียโอกาส

สมมติว่าคุณฝากเงิน 4 DAI และ 4 USDC อัตราส่วนของพวกมันคือ 1:1 การเปลี่ยนแปลงใดๆ ในอัตราส่วนราคาระหว่างเหรียญทั้งสองนั้นจะส่งผลให้เกิดค่าเสียโอกาส ผู้ให้บริการสภาพคล่องนั้นควรจะมีปริมาณการซื้อขายที่สูงและค่าเสียโอกาสที่ต่ำ

บางครั้ง นักเทรดสร้างตลาดด้วย Altcoins ที่มีชื่อเสียงน้อยกว่าซึ่งถูกเรียกว่า “Gems” พวกมันคือสินทรัพย์ Crypto ที่มีมูลค่าตลาดต่ำกว่า 20 ล้านดอลลาร์ซึ่งมีพื้นฐานที่มั่นคงและมีศักยภาพที่ราคาจะเพิ่มขึ้น 100 เท่า นักเทรดสามารถใช้ Uniswap เพื่อทำการซื้อขายก่อนที่เหรียญเหล่านี้จะถูกขึ้นทะเบียนในกระดานเทรดและมีราคาเพิ่มขึ้นได้

นักเทรดคริปโตรายหนึ่งได้เปลี่ยนเงิน 800 ดอลลาร์ให้เป็น 1,000,000 ดอลลาร์ได้โดยการซื้อขายสินทรัพย์ที่มีอายุน้อยกว่าหนึ่งวันและทำกำไรได้ภายใน 3 ชั่วโมง พวกเขาเรียนรู้เกี่ยวกับทรัพย์สินเหล่านี้ผ่านบอทตรวจสอบรายชื่อของ Uniswap และการพรีเซลล์ของ Telegram

เคล็ดลับเศรษฐี Crypto #2: Aave

เศรษฐี Crypto ยังได้ใช้ Aave เพื่อรับ Passive Income ซึ่ง Aave นั้นเป็นโปรโตคอลการกู้ยืมและให้กู้ยืมที่ช่วยให้ผู้ใช้งาน DeFi สามารถสร้าง Passive Income ได้

ผู้ให้กู้ที่ฝากเงินเข้าในสัญญาะให้กู้ยืมอัจฉริยะจะได้รับดอกเบี้ยที่กำหนดโดยอัลกอริทึม ผู้ยืมจะต้องฝากหลักประกันเป็นสินทรัพย์ Crypto ลงในสัญญาอัจฉริยะที่ยืมมาเพื่อรับผลตอบแทนหรือยืมเงินดิจิทัลสกุลอื่นๆ โดยปกติแล้ว พวกเขาจะสามารถยืมทรัพย์สินเป็นมูลค่าได้สูงถึง 75% ของหลักประกันของพวกเขา

ที่มา: Aave

วิธีหนึ่งที่พวกเขาใช้เพื่อรับผลประโยชน์ก็ได้แก่การฝากสินทรัพย์เช่น Bitcoin — ซึ่งจะได้รับผลตอบแทนต่ำใน DeFi เนื่องจากมันมีการเป็นเจ้าของจำนวนมาก — เพื่อยืม Stablecoin จากนั้น พวกเขาสามารถรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นด้วย Stablecoin โดยการฝากเข้าไปในแหล่งรวมสภาพคล่องของ DEX Aave ยังเสนอ APR 8% สำหรับการยืม Stablecoin USDT

Aave จะชำระสถานะของคุณและยึดหลักประกันของคุณหากหลักประกันของคุณต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด ความเสี่ยงจากการชำระบัญชีนี้ทำให้ผู้คนจำนวนมากไม่สามารถเข้าร่วมได้

เคล็ดลับเศรษฐี Crypto #3: Yield Farming

กลยุทธ์ที่ซับซ้อนมากขึ้นของเศรษฐี Crypto ใช้คือการ Yield Farming (มันคือกระบวนการฝากเหรียญดิจิทัลเพื่อให้ได้เหรียญเพิ่มกว่าเดิมกลับมาอย่างสม่ำเสมอ หรือเป็นการสร้างรายได้แบบ Passive Income หรือพูดง่ายๆ ก็คือเป็นการที่คุณช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับแพลตฟอร์ม และรับผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ย) ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ในกระดานเทรดแบบกระจายอำนาจ อย่าง PancakeSwap

ใน PancakeSwap นักเทรดจะได้รับโทเค็น LP (Liquidity Provider หรือ ผู้ให้บริการสภาพคล่อง) โดยส่งคู่การซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลไปยังกลุ่มสภาพคล่อง โทเค็น LP อนุญาตให้พวกเขาเข้าสู่ FARM บน DEX ซึ่งพวกเขาสามารถ Stake โทเค็น LP กับนักเทรดรายอื่นเพื่อรับ APR ระหว่าง 2% ถึง 200% พวกเขาจะได้รับเงินเป็น CAKE ผ่านกระบวนการเก็บเกี่ยว

ที่มา: PancakeSwap

เพื่อให้ทำกำไรได้สูงสุด CAKE สามารถเก็บเกี่ยวและลงทุนซ้ำได้โดยอัตโนมัติหรือด้วยตนเองในกลุ่มเดียวกันโดยใช้ Syrup Pools

เคล็ดลับเศรษฐี Crypto #4: IDOs

Initial DEX Offering (IDO) เป็นวิธีใหม่ที่เศรษฐี Crypto ได้ค้นพบ มันคือการที่โปรโตคอลแบบกระจายอำนาจระดมทุนจากนักลงทุนโดยการขายโทเค็นที่เป็นตัวแทนของสินทรัพย์ที่ขึ้นทะเบียนใหม่บนแพลตฟอร์มของพวกเขา

DAO Maker เป็นแพลตฟอร์มบ่มเพาะและระดมทุนสำหรับองค์กรอัตโนมัติแบบกระจายอำนาจซึ่งจะมอบโทเค็น DAO ให้กับนักลงทุนในโปรเจกต์ ผู้ถือโทเค็น DAO จะสามารถเข้าร่วมในการขายโทเค็น Strong Hold Offer (SHO) ของ IDO ได้

นับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2021 โทเค็น DAO ได้สร้างผลตอบแทนสูงถึง 41 เท่าสำหรับนักลงทุนในช่วงเริ่มต้น

เคล็ดลับเศรษฐี Crypto #5: Self-Custodial Wallet

ข้อกำหนดทั่วไปสำหรับการใช้ผลิตภัณฑ์ DeFi นั้นก็คือ Self-Custodial Crypto Wallet

Crypto Wallet (กระเป๋าเงินสกุลเงินดิจิทัล) นั้นก็คือซอฟต์แวร์หรือฮาร์ดแวร์ที่จัดเก็บสตริงของตัวเลขและตัวอักษรที่เป็นเอกลักษณ์ซึ่งจะถูกเรียกว่า Key (คีย์) ซึ่งอนุญาตให้คุณเข้าถึงการใช้จ่าย Crypto ได้ กระเป๋าเงินแต่ละใบจะมีทั้ง Public Key (คีย์สาธารณะ) และ Private Key (คีย์ส่วนตัว) โดย Private Key นั้นจะถูกใช้เมื่อส่ง Crypto ให้กับผู้อื่น ในขณะที่ผู้รับสามารถใช้ Private Key เพื่อใช้จ่าย Crypto ในกระเป๋าเงินของพวกเขา

เมื่อมีคนต้องการใช้ Crypto ในกระเป๋าเงิน พวกเขาจะต้องแสดง Public Key และลายเซ็นที่สร้างขึ้นจาก Private Key ข้อมูล 2 ส่วนนี้จะเป็นการบอกเครือข่ายบล็อกเชนว่าผู้ใช้จ่ายนั้นเป็นเจ้าของเงินที่ใช้

ในขณะที่ผู้ใช้งาน Crypto บางคนจะยอมมอบคีย์ของพวกเขาให้กับบริษัทอย่าง Coinbase, Binance หรือ Kraken ผู้ใช้งานที่มีส่วนร่วมอย่างมากใน DeFi มักจะรักษาการควบคุมคีย์ของตนเองเอาไว้ พวกเขาจะเก็บมันไว้ใน Self-Custodial Wallet (กระเป๋าเงินแบบควบคุมด้วยตนเอง) แทนที่จะเป็น Custodial Wallet (กระเป๋าเงินที่มอบการควบคุมให้กับบุคคลที่สาม) ที่จัดการโดยบริษัท

ความรับผิดชอบในการควบคุมและจัดการคีย์เหล่านี้จะกลายเป็นความรับผิดชอบของพวกเขาแต่เพียงผู้เดียว หากพวกเขาทำ Private Key หาย พวกเขาจะสูญเสียการเข้าถึง Crypto ของพวกเขาไป เพราะพวกเขาจะไม่สามารถสร้างลายเซ็นสาธารณะเพื่อใช้จ่าย Crypto ที่พวกเขาได้รับได้ เหมือนกับคำกล่าวที่ว่า “Not your keys, Not your crypto” (หากคุณไม่ได้ถือกระเป๋าของคุณเอง เงินนั้นก็จะไม่ใช่เงินของคุณ)

Self-Custodial Wallet ยอดนิยม

Self-Custodial Wallet ยอดนิยม ได้แก่ MetaMask และ LedgerNano MetaMask นั้นเป็นซอฟต์แวร์กระเป๋าเงินที่คุณสามารถดาวน์โหลดเป็นส่วนขยายสำหรับเบราว์เซอร์ Google Chrome ได้

ที่มา: MetaMask

เมื่อติดตั้งแล้ว ซอฟต์แวร์ MetaMask จะแจ้งให้คุณใส่รหัสผ่าน ซอฟต์แวร์จะสร้างกระเป๋าเงินให้คุณ จากนั้น มันจะแสดง 12-Word Mnemonic Phrase (วลีช่วยจำ 12 ตัว) ที่คุณสามารถใช้เพื่อกู้เงินของคุณคืนในกรณีที่เกิดปัญหากับคอมพิวเตอร์ของคุณ มันเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเก็บ Phrase นี้เอาไว้ให้ปลอดภัย เพราะว่าใครก็ตามที่รู้เกี่ยวกับมันก็จะสามารถเข้าถึงกระเป๋าเงินของคุณได้

Ledger Nano เป็นกระเป๋าเงินฮาร์ดแวร์ USB ที่ทำงานผ่าน Companion App (แอปที่ทำงานร่วมกัน) คุณสามารถซื้อกระเป๋าเงินได้จาก Amazon หรือซื้อได้โดยตรงจาก Ledger ซึ่งอย่างหลังนั้นปลอดภัยกว่า

หลังจากที่คุณติดตั้งแอปแล้ว ระบบจะแจ้งให้คุณตอบคำถามสองสามข้อเพื่อให้แน่ใจว่าอุปกรณ์ยังมีโปรแกรมรักษาความปลอดภัยเดิมที่มาจาก Ledger Factory จากนั้นอุปกรณ์จะแสดง Mnemonic (รหัสช่วยจำ) ที่คุณต้องเก็บไว้อย่างปลอดภัย

เช่นเดียวกับ MetaMask รหัสช่วยจำเป็นวิธีเดียวในการเข้าถึงเงินของคุณ หลังจากจัดเก็บรหัสช่วยจำแล้ว คุณสามารถย้าย Crypto ของคุณจากกระดานเทรดได้โดยการตั้งค่าบัญชีใน Companion App สำหรับ Cryptocurrency แต่ละรายการที่คุณต้องการย้าย

แพลตฟอร์มคริปโตที่ดีที่สุดในไทย | เมษายน 2024

Trusted

ข้อจำกัดความรับผิด

ข้อมูลทั้งหมดที่มีอยู่บนเว็บไซต์ของเราเผยแพร่ด้วยเจตนาที่ดีและเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น การกระทำใด ๆ ที่ผู้อ่านดำเนินการตามข้อมูลที่พบบนเว็บไซต์ของเราถือเป็นความเสี่ยงของผู้อ่านโดยเฉพาะ

bic_photo_6.jpg
Akradet Mornthong
อัครเดช หมอนทอง เป็น นักแปล/นักเขียนคอนเทนต์ ผู้เชี่ยวชาญทางด้าน NFT Games, Metaverse, AI, Crypto และเทคโนโลยีใหม่ๆ เขาจบการศึกษาในสาขาอังกฤษเพื่อการสื่อสารสากล และมีประสบการณ์ในการทำงานในวงการเกมมากกว่า 10 ปี เมื่อ NFT Games ได้กลายเป็นกระแสขึ้นมาในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เขาก็ไม่พลาดที่จะก้าวเข้ามาในวงการนี้เพื่อศึกษาข้อมูลในเชิงลึกต่างๆ ของวงการ NFT รวมไปถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Blockchain และ Crypto อีกด้วย
READ FULL BIO
ได้รับการสนับสนุน
ได้รับการสนับสนุน