“แบรนด์สินค้าสุดหรู” ที่ล้มเหลวที่จะผสานรวมเข้ากับเทคโนโลยีที่ทำงานบนบล็อกเชนอาจจะสูญเสียกลุ่มคนที่อาจจะกลายมาเป็นลูกค้าในอนาคต
“แบรนด์สินค้าสุดหรู” นั้นจะได้รับประโยชน์มากมายจากเทคโนโลยีบล็อกเชน สินค้าระดับ High-End เหล่านี้สามารถซื้อได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้นผ่าน Crypto ในขณะเดียวกัน สินค้ามือสองก็สามารถรับรองความถูกต้องบนบล็อกเชนได้ ตลาดใหม่ของสินค้าดิจิทัลผ่านการใช้งาน Non-Fungible Tokens ก็เป็นการเปิดทางสำหรับเรื่องดังกล่าว
แบรนด์สินค้าหรูบางแบรนด์เองนั้นเริ่มที่จะยอมรับการใช้งานสินทรัพย์ดิจิทัลแล้ว ตัวอย่างเช่น Gucci ประกาศเมื่อต้นปีที่ผ่านมาว่าพวกเขาจะรับการชำระเงินด้วย Cryptocurrency ในร้านค้าของพวกเขา 5 แห่งทั่วสหรัฐอเมริกา ในขณะเดียวกัน บางแบรนด์ก็เลือกที่จะต่อต้านมากกว่าที่จะปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงนี้ ประธานบริษัทแบรนด์หรู LVMH ของฝรั่งเศส กล่าวว่าพวกเขา “ไม่สนใจที่จะขายรองเท้าเสมือนในราคา 10 ยูโร” และยืนกรานที่จะ “ขายสินค้าจริงๆ ในโลกแห่งความเป็นจริงมากกว่า”
กลุ่มประชากรของตลาดสินค้าหรูหราทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม ความล้มเหลวในการปรับใช้ Crypto อาจจะพิสูจน์ได้ว่าทำให้แบรนด์หรูสูญเสียกำไรไปอย่างมากในระยะยาว งานวิจัยชิ้นหนึ่งระบุว่าตลาดสินค้าหรูหราทั่วโลกจะมีมูลค่า 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2025 นอกจากนี้ พวกเขายังอ้างว่ากลุ่มคนรุ่นมิลเลนเนียล (หรือ Gen Y) จะเป็นตัวแทนของส่วนแบ่งการตลาดกว่าครึ่งของตลาดทั้งหมด และขับเคลื่อนยอดขายได้มากถึง 85%
จากข้อมูลที่มีการศึกษาเพิ่มเติม เจ้าของ Cryptocurrency เกือบ 3 ใน 4 มีอายุต่ำกว่า 44 ปี ซึ่งมีเศรษฐีมากมายอยู่ในกลุ่มประชากรเหล่านี้ สำหรับเศรษฐีรุ่นมิลเลนเนียลหลายคนเหล่านี้ ทรัพย์สินกว่า 25% ของพวกเขาอยู่ในสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งความร่ำรวยนั้นเป็นเรื่องที่ปกติสำหรับผู้ที่ถือ Cryptocurrency เหล่านี้ โดย 36% ของพวกเขามีรายได้มากกว่า 100,000 ดอลลาร์ต่อปี
เกณฑ์การคัดเลือกในการชำระเงินด้วย Crypto
ในขณะที่คนรุ่นนี้เริ่มมีความยืดหยุ่นทางการเงินมากขึ้น พวกเขาก็เริ่มมีการเลือกมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าจะใช้จ่ายเงินไปในที่ใด ข้อมูลจากอีกแหล่งเปิดเผยว่า คนรุ่นมิลเลนเนียลกล่าวว่าพวกเขาจะเลือกใช้งานร้านค้าปลีกแห่งอื่นแทนที่ร้านที่ไม่มีการเสนอการชำระเงินด้วย Cryptocurrency “พูดได้ว่า คนรุ่นมิลเลนเนียลกว่า 32% มีแนวโน้มที่พวกเขาจะเลือกที่จะเปลี่ยน(ไปใช้งานร้านอื่น) ‘มาก’ หรือ ‘มากที่สุด’ รองลงมาคือผู้บริโภค Gen Z ที่ 27%”
สิ่งที่น่าสนใจก็คือ ความนิยมชมชอบต่อ Cryptocurrency ไม่ใช่แค่เพียงเป็นปัจจัยในการตัดสินใจของผู้บริโภคเท่านั้น แต่ยังมีผลต่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งอีกด้วย ประมาณ 84% ของผู้ตอบแบบสำรวจระบุว่า ท่าทีของของนักการเมืองที่มีต่อ Cryptocurrency จะเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ส่งผลต่อพวกเขาว่าจะลงคะแนนให้นักการเมืองคนนั้นๆ หรือไม่
หากคุณต้องการที่จะพูดคุยเกี่ยวกับเรื่อง “แบรนด์สินค้าสุดหรู” ที่เข้าสู่ Metaverse หรือเรื่องอื่นๆ เขียนมาหาเราหรือเข้ามาสนทนากันในแชแนล Telegram ของเราสิ! และคุณยังสามารถติดตามเราได้ที่ Facebook หรือ Blockdit ด้วยนะ!
ข้อจำกัดความรับผิด
หมายเหตุบรรณาธิการ: เนื้อหาต่อไปนี้ไม่ได้สะท้อนถึงมุมมองหรือความคิเห็นของ BeInCrypto มันจัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้นและไม่ควรถูกตีความว่าเป็นคำแนะนำทางการเงิน กรุณาทำการวิจัยของคุณเองก่อนที่จะทำการตัดสินใจลงทุนใดๆ