ธนาคารกลางสหรัฐฯ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครึ่งเปอร์เซ็นต์ อัตราเงินเฟ้อส่งผลกระทบอย่างหนักต่อสหรัฐฯ และธนาคารกลางกำลังมองหาวิธีที่จะสกัดกั้นผลกระทบนั้นที่มีต่อประเทศ
ธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครึ่งจุด เนื่องจากประเทศต้องเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อในระดับสูง การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้ถือเป็นครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2000 และธนาคารกลางไม่ได้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยเกินกว่าหนึ่งในสี่จุดตั้งแต่ปีนั้นเป็นต้นมา นอกจากนี้ยังจะลดการถือครองสินทรัพย์ ซึ่งรวมถึงหลักทรัพย์ธนารักษ์และหนี้ของหน่วยงาน และหลักทรัพย์ที่ค้ำประกันโดยหน่วยงานอีกด้วย
เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ อีกหลายประเทศ สหรัฐฯ กำลังเผชิญกับอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นซึ่งส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อพลเมืองทั่วไป ตัวอย่างเช่น อินเดียได้เพิ่มอัตราเงินกู้ต่อธนาคารพาณิชย์ระยะสั้นอีก 40 bps เป็น 4.4% เพื่อต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อ
ดัชนีราคาผู้บริโภคอยู่ที่ 8.55% ซึ่งสูงที่สุดในรอบหลายทศวรรษ ดัชนีนี้นั้นวัดราคาถัวเฉลี่ยของสินค้าอุปโภคบริโภคและบริการ รวมทั้งอาหารและการขนส่ง
ธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจจะเพิ่มอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้นอีกในอนาคต พวกเขากล่าวถึงธรรมชาติของเวลาว่า
“การรุกรานของรัสเซียที่มีต่อยูเครนนั้นทำให้เกิดความทุกข์ยากอย่างมากแก่มวลมนุษย์และเศรษฐกิจ นัยต่อเศรษฐกิจสหรัฐคือทำให้เกิดความไม่แน่นอนสูง การบุกรุกและเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกำลังสร้างแรงกดดันมากขึ้นต่ออัตราเงินเฟ้อและมีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ การปิดเมืองเพื่อแก้ปัญหาโควิดในจีน ก็มีแนวโน้มที่จะทำให้ซัพพลายเชนหยุดชะงักลง คณะกรรมการนั้นได้ให้ความสำคัญกับความเสี่ยงเรื่องเงินเฟ้อเป็นอย่างมาก”
Crypto จะมาผู้กอบกู้ภาวะเงินเฟ้อได้หรือไม่?
อัตราเงินเฟ้อเป็นปัญหาที่น่าวิตกกังวลต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ และชุมชนการลงทุนที่ใหญ่โตมาเป็นเวลานานแล้ว ซึ่งนั่นก็รวมไปถึงชุมชนคริปโตด้วย อันที่จริง อัตราเงินเฟ้อเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่อยู่เบื้องหลังการไหลเข้าของการลงทุนในตลาดคริปโต Peter Thiel ในบรรดาบุคคลสำคัญอื่นๆ ได้พูดถึงอัตราเงินเฟ้อที่สูงจะนำไปสู่การลงทุนใน Crypto มากขึ้น
Crypto อาจจะเป็นผู้ที่ได้ผลประโยชน์จากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเหล่านี้ Paul Tudor Jones กล่าวถึง CBDC ว่า Crypto อาจจะมีอนาคตที่สดใสเมื่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมีผล ดูเหมือนว่านี่จะเป็นความรู้สึกโดยทั่วไปในหมู่นักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญ
อย่างไรก็ตาม เราควรที่จะระลึกไว้เสมอว่าความเป็นอิสระของตลาด Crypto นั้นได้ลดลงบ้างในช่วงสองปีที่ผ่านมา ตลาด Crypto มีความสัมพันธ์เป็นอย่างมากกับ S&P 500 และบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ คำกล่าวอ้างที่ว่า Crypto อาจจะเป็นสิ่งที่ช่วยป้องกันภาวะเงินเฟ้อ คำพูดเหล่านั้นกำลังมีความหมายลดลงไปเรื่อยๆ
ข้อจำกัดความรับผิด
หมายเหตุบรรณาธิการ: เนื้อหาต่อไปนี้ไม่ได้สะท้อนถึงมุมมองหรือความคิเห็นของ BeInCrypto มันจัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้นและไม่ควรถูกตีความว่าเป็นคำแนะนำทางการเงิน กรุณาทำการวิจัยของคุณเองก่อนที่จะทำการตัดสินใจลงทุนใดๆ