จากความกังวลเรื่องการบังคับชำระหนี้ครั้งใหญ่ NFTs ในแพลตฟอร์ม BendDAO เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทำให้ผู้ให้บริการสภาพคล่องแห่ถอน ETH ออกจากพูลทำให้เกินสภาวะ bank run ขึ้น
แพลตฟอร์ม NFTfi ดังกล่าว สูญเสียงเงินทุนสำรอง หรือ ETH ไปแทบทั้งหมดในช่วงสุดสัปดาห์ ที่ผ่านมา หมายความว่า ทางแพลตฟอร์มไม่สามารถคืน ETH ให้แก่ผู้บริการสภาพคล่องได้เพราะจำนวนเงินเหล่านั้นหมดลงแล้ว
จากข้อมูลบน Etherscan กระเป๋าเงิน Ethereum ของแพลตฟอร์ม เหลือเงินเพียง 0.75 WETH เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา แต่มีเงินจำนวนหนึ่งฝากเข้ามาเพิ่มเติมเป็นจำนวน 500 WETH และมีอยู่ 546 WETH ณ เวลาที่เขียน ทั้งที่เมื่อ 3 วันก่อน มีเงินทุนสำรองอยู่ถึง 18,000 WETH และมีปริมาณการกู้ยืมอยู่ที่ราว 15,000 WETH
การกู้ยืมบน BendDAO
แพลตฟอร์มนี้เป็นโปรโตคอลที่ให้บริการการกู้ยืมที่สร้างขึ้นสำหรับนักลงทุน NFT ผู้ถือ NFT สามารถฝากสินทรัพย์ของตนเป็นหลักประกันการยืม ETH ได้ เมื่อมีคนฝาก NFT ไปที่แพลตฟอร์ม พวกเขาสามารถยืมได้ถึง 40% ของราคาพื้นของคอลเลกชันนั้นในสกุล ETH
ตัวอย่างเช่น ราคาพื้นของ Bored Ape Yacht Club ที่ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 67.9 ETH เจ้าของ Bored Ape สามารถยืมได้สูงสุด 27.1 ETH อย่างไรก็ตาม ผู้ค้ำ NFT อาจถูกบังคับชำระหนี้ หรือถูกยืด NFT ไปได้หากราคา NFT โปรเจคนั้นลดลงต่ำมากเกินกว่าระดับที่กำหนดไว้
วิกฤตอาจซ้ำรอย Terra และ Subprime
ในทางกลับกัน ใครก็ตามที่ถือ ETH สามารถฝากเงินเข้าโปรโตคอลเพื่อรับผลตอบแทนเป็นอัตราดอกเบี้ยกู้ยืมได้ ทางแพลตฟอร์มเสนอดอกเบี้ยให้ถึง APR 77.54% สำหรับเงินฝาก ETH โดย 73% จ่ายใน ETH และ 4.53% จ่ายในโทเค็น BEND
ผลตอบแทนที่ได้รับนี้ มาจากผู้ถือ NFT ที่จ่ายดอกเบี้ยเป็น ETH ที่ยืมมาจากการค้ำ NFT ของพวกเขา อย่างไรก็ตาม ณ เวลาที่เขียน อัตราดอกเบี้ยกู้สูงถึง 92.61%
เมื่ออัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น มันเปรียบเสมือนดาบสองคม ในเชิงกลไก มันควรจะดึงดูดให้นักลงทุน นำเงินไปฝากมากขึ้น แต่ภาวะความเสี่ยงการขาดสภาพคล่องนี้ มันอาจไม่น่าดึงดูดมากนัก อีกแง่หนึ่ง ผู้กู้ ETH จะไม่ได้รับแรงจูงใจในการชำระคืนเงินกู้เพราะดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นมหาศาล
สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ผู้กู้เลือกที่จะผิดนัดชำระหนี้ และปล่อย NFT ทิ้ง ทำให้เกิด “หนี้เสีย” มหาศาล ที่คล้ายกับวิกฤตซับไพรม์ซึ่งทำให้เกิดวิกฤตการณ์ทางการเงินในปี 2008 มันหมายความว่า อุปทานที่มากขึ้นของ NFT ที่ต้องนำไปขายเข้าตลาดจะยิ่งทำให้ราคาฐานต่ำลง และทำให้เกิดการบังคับชำระหนี้ซ้ำเข้าไปอีก
ล่าสุดทางโปรโตคอล กำลังทำการเเก้ไขเปลี่ยนเเปลงระดับดอกเบี้ย เเละนโยบายต่างๆ เพื่อกู้วิกฤตเเล้ว
ข้อจำกัดความรับผิด
หมายเหตุบรรณาธิการ: เนื้อหาต่อไปนี้ไม่ได้สะท้อนถึงมุมมองหรือความคิเห็นของ BeInCrypto มันจัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้นและไม่ควรถูกตีความว่าเป็นคำแนะนำทางการเงิน กรุณาทำการวิจัยของคุณเองก่อนที่จะทำการตัดสินใจลงทุนใดๆ