ผลสํารวจภาคธุรกิจและผู้บริหารด้านเทคโนโลยีระดับโลก 550 รายเปิดเผยว่าการลงทุนกับโครงการเมตาเวิร์สจะเติบโตขึ้น โดยมีผู้ใช้งานกลุ่มแรกๆ จำนวนไม่มากนักที่กล้าใช้งานมัน นำไปสู่คำถามว่า Meta จะถูกทิ้งไว้ข้างหลังในการแข่งขันครั้งนี้หรือไม่
ในขณะที่ผู้นําจากภาคธุรกิจระดับโลกส่วนใหญ่ยอมรับว่าจะยกระดับธุรกิจของตนโดยการสร้างประสบการณ์การใช้งานของลูกค้าที่สมจริงยิ่งขึ้น แต่มีเพียงไม่กี่รายเท่านั้นที่รวบรวมและใช้งานทักษะและความรู้ที่จําเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ทางธุรกิจได้
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์สามารถขับเคลื่อนการลงทุนเพื่อพัฒนาเมตาเวิร์สได้หรือไม่
การสำรวจโดยบริษัทซึ่งให้บริการเทคโนโลยีและที่ปรึกษาอย่าง Wipro กล่าวว่าบริษัทที่ขับเคลื่อนด้วยโครงการเมตาเวิร์สที่มีเป้าหมายชัดเจนนําไปสู่การลงทุนเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ในเมตาเวิร์ส คิดมูลค่ารวมแล้วประมาณ 4.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เทียบกับเงินลงทุน 640,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ โดยบริษัทที่ไม่ได้มีเมตาเวิร์สเป็นเป้าหมายหลัก
ในขณะที่บริษัทเหล่านี้จะยังคงลงทุนพัฒนาเมตาเวิร์สต่อเนื่อง บริษัทขนาดเล็กจะปิดช่องว่างทางธุรกิจของตนโดยการเพิ่มเงินสมทบของพวกเขาในเมตาเวิร์ส ประมาณ 66.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นอกจากนี้ การศึกษายังคาดการณ์ว่าประมาณ 50% ของบริษัทขนาดใหญ่จะมีแพลตฟอร์มเมตาเวิร์สเป็นของตน ในทางตรงกันข้าม มีเพียงหนึ่งในสามของบริษัทขนาดเล็กเท่านั้นที่จะมีเมตาเวิร์สของตนเอง อ้างอิงจากเป้าหมายขององค์กรภายในปี 2025
ปัจจุบัน บริษัท โทรคมนาคม บริษัทกีฬา และบริษัทเกมครองวงการเมตาเวิร์ส โดยรายงานว่าในการประเมินมูลค่าตลาดเมตาเวิร์ส จะพิจารณารวมเอา Internet of Things เข้ากับเงินดิจิทัลเพื่อเพิ่มสัดส่วนของส่วนแบ่งการใช้งานอุตสาหกรรมเมตาเวิร์สเป็น 38% ภายในปี 2025
รายงานล่าสุดโดย FastCompany ชี้ให้เห็นว่าบริษัทชั้นนำจะใช้โลกเสมือนจริงเพื่อดําเนินการฝึกอบรมในรูปแบบที่สมจริง แต่อาจเห็นผลลัพธ์เมื่อบรรลุเป้าหมายเชิงกลยุทธ์แล้วเท่านั้น แผนการเหล่านี้รวมถึงนวัตกรรมที่เพิ่มมากขึ้นและการคิดค้นรูปแบบธุรกิจใหม่ ๆ นอกจากนี้ พื้นที่สำหรับองค์กรสมจริง (Immersive Corporate Spaces) ยังช่วยให้บริษัทต่างๆ สามารถปรับขนาดองค์กรและพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว
ซีอีโอคนหนึ่งในการสํารวจกล่าวว่าเมตาเวิร์สจะช่วยให้ลูกค้าคาสิโนสามารถใช้บริการดังกล่าวได้จากทุกที่
บริษัทเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะใช้แพลตฟอร์มที่มีอยู่เช่น Sandbox, Decentraland, Roblox และ Star Atlas ทั้งนี้ เมตาเวิร์สขององค์กรจะอนุญาตใหใ้ช้งานอวตารที่ปรับแต่งได้ขั้นสูงเช่นกัน
ทีมงาน Horizon Worlds ถูกวิจารณ์เรื่องปัญหาจากชุดหูฟัง
เมื่อเร็ว ๆ นี้ Meta ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Facebook กล่าวว่าจะปรับปรุงเมตาเวิร์สของ Horizon Worlds เพื่อรักษากลุ่มผู้ใช้งานวัยรุ่นเอาไว้ รายงานยังระบุว่า Horizon กําลังวางแผนจะร่วมมือกับ Tencent ทั้งนี้ ByteDance ซึ่งเป็นคู่แข่งของ Tencent กําลังเข้ามามีส่วนแบ่งการตลาดในโลกเมตาเวิร์สด้วยเช่นกัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การให้บริการ Corporate Workspace ของ Meta หรือที่เรียกว่า Horizon Worlds Workrooms ได้ระบุว่าผู้ใช้งานต้องต้องใช้ชุดหูฟังที่มีราคาแพงและยุ่งยาก ซึ่งดูเหมือนว่าหลายบริษัทจะหลีกเลี่ยงบริการดังกล่าวของ Meta และหันไปใช้งานเมตาเวิร์สที่พร้อมใช้งานได้เลยอย่าง Roblox และ Decentraland แทน
ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมรายหนึ่งมองว่าผู้คนยังไม่พร้อมสําหรับการหันไปใช้งานพื้นที่ทํางานเสมือนจริง (Virtual Workspace)
“ผมยังไม่เห็นสัญญาณใด ๆ ว่ามีความเต็มใจจากมวลชนที่จะใช้งานนวัตกรรมนี้” John Egan ซีอีโอบริษัทวิจัยเทคโนโลยีให้สัมภาษณ์กับ Time
นอกจากนี้ อัตราการรีเฟรชหน้าจอของฮาร์ดแวร์ VR ใน Horizon Worlds ยังสร้างความท้าทายต่อประสบการณ์การใช้ VR เนื่องจากประเด็นเกี่ยวกับประสบการณ์การเคลื่อนไหวและเกม การศึกษาล่าสุดโดย Lockheed Martin พบว่าการออกแบบชุดหูฟังของ Meta บางส่วนมีอคติต่อผู้ใช้งานหญิง กล่าวคือ ม่านตาของผู้ใช้งานหญิงแยกออกจากกันเมื่อใช้งานหูฟัง VR ตําแหน่งม่านตาที่ผิดธรรมชาตินี้หมายความว่าผู้หญิงอาจมีอาการคลื่นไส้และความเครียดจากการใช้งานมากกว่าผู้ใช้งานที่มีเพศกำเนิดชาย
ข้อจำกัดความรับผิด
หมายเหตุบรรณาธิการ: เนื้อหาต่อไปนี้ไม่ได้สะท้อนถึงมุมมองหรือความคิเห็นของ BeInCrypto มันจัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้นและไม่ควรถูกตีความว่าเป็นคำแนะนำทางการเงิน กรุณาทำการวิจัยของคุณเองก่อนที่จะทำการตัดสินใจลงทุนใดๆ