Celsius ที่ล้มละลายกำลังชั่งน้ำหนักเพื่อเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจใหม่ที่ผู้บริหารกล่าวว่ามันจะเป็น “abosolute zero trust” หรือการใช้ “ความไว้วางใจที่เป็นศูนย์อย่างแท้จริง” ใช้ชื่อว่า “Kelvin”
Celsius เป็นตัวจุดประกายความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาสภาพคล่องในอุตสาหกรรมการกู้ยืม crypto หลังจากที่บริษัทไม่สามารถชำระหนี้ 5.5 พันล้านดอลลาร์ได้
หลังจากวิกฤตทางบริษัทกำลังจัดทำแผนฟื้นฟูเพื่อช่วยชำระคืนเจ้าหนี้และชนะใจลูกค้าตามการประชุมเมื่อวันที่ 8 กันยายน ที่ถูกเผยแพร่จากทางบริษัทโดย Tiffany Fong แผนที่ว่ามานี้คือ การเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจเป็นโมเดลที่ใช้ชื่อว่า Kelvin
กลยุทธ์ “Kelvin”
ในการประชุม CEO Alex Mashinsky และหัวหน้าเจ้าหน้าที่การปฏิบัติตามกฎระเบียบ Oren Blonstein ได้สรุปแผนสำหรับ “Celsius 2.0” ซึ่งเป็นความทะเยอทะยานที่จะเปลี่ยนโฟกัสไปที่รูปแบบของ Custody หรือการรับฝากเงิน ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับการเปิดใช้งานบริการหลักบางอย่างอีกครั้ง ทำให้คนที่ฝากเงินไว้สามารถนำไป stake แลกเปลี่ยน และรับเงินกู้ได้อีกครั้ง
แผนกลยุทธ์นี้มีชื่อว่า Kelvin ซึ่งเป็นหน่วยของอุณหภูมิที่ใช้ศูนย์สัมบูรณ์ เทียบเท่ากับลบ 273 องศาเซลเซียส เป็นขอบเขตล่าง Blonstein เลือกที่จะอธิบายว่ามันเป็นการเปรียบเปรยถึง “ระบบที่ไม่ต้องการความเชื่อใจ” หรือ “abosolute zero trust” อย่างไรก็ตามการถนอเงินหรือทำธุรกรรมบางอย่างอาจต้องเสียค่าธรรมเนียม
เสียงวิจารณ์จากพนักงานต่อกลยุทธ์นี้
ผู้บริหารทั้งสองพบกับความกังขาจากพนักงาน ซึ่งถามว่าลูกค้าจะไว้วางใจบริษัทได้อย่างไรหลังจากที่ได้รับแจ้งในตอนแรกว่าจะไม่ถูกเรียกเก็บเงินหรือค่าธรรมเนียมการถอนใดๆ
ก่อนหน้านี้ทางบริษัทได้โฆษณาผลิตภัณฑ์ของตนว่า ปลอดค่าธรรมเนียมซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคำขวัญ “unbank youself” ในการตอบโตข้อวิจารณ์นี้ Blonstein ใช้ Binance เป็นตัวอย่างในการกล่าวว่าธุรกิจ crypto หลายแห่งสร้างรายได้จากการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม หากไม่ทำเช่นนั้นก็จะไม่มีรายได้
“หากบริการของเราดีและมีคุณค่า ผู้ก็จะยินดีจ่ายเอง” เขากล่าว
นอกจากนี้ Mashinsky ระบุว่ามีบริษัทมากมายที่ล้มละลายแล้วแต่ยังมีศักยภาพเพียงพอที่จะฟื้นตัวในเชิงรุก หลังการปรับโครงสร้างองค์กรที่ประสบความสำเร็จ
“เป๊ปซี่ฟ้องล้มละลายสองครั้งใช่ไหม? มันทำให้เป๊ปซี่อร่อยน้อยลงหรือเปล่า?” Mashinsky กล่าว
Mashinsky อธิบายว่าการยื่นขอความคุ้มครองในบทที่ 11 เป็น “บททดสอบเพื่อดูว่าพวกเราควรมีอยู่ต่อไปหรือไม่ หรือเราจะอยู่ในถังขยะ และเป็นเพียงบริษัทที่ยิ่งใหญ่หรือเกือบจะยิ่งใหญ่แต่สุดท้ายก็หายไป?”
ข้อจำกัดความรับผิด
หมายเหตุบรรณาธิการ: เนื้อหาต่อไปนี้ไม่ได้สะท้อนถึงมุมมองหรือความคิเห็นของ BeInCrypto มันจัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้นและไม่ควรถูกตีความว่าเป็นคำแนะนำทางการเงิน กรุณาทำการวิจัยของคุณเองก่อนที่จะทำการตัดสินใจลงทุนใดๆ