Jeremy Allaire ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ Circle กล่าวว่าบริษัทของเขากำลังเฝ้าสังเกตพัฒนาการด้านกฎระเบียบใน Hong Kong อย่างใกล้ชิด
ล่าสุดทางฮ่องกงเพิ่งอนุญาตให้นักลงทุนสามารถซื้อขายคริปโตเคอเรนซี่ได้ โดยมองว่าสินทรัพย์เหล่านี้มีมูลค่าพื้นฐานแตกต่างจากนักวิจารณ์หลายๆ กลุ่มที่มองว่าสินทรัพย์เหล่านี้ไม่มีค่า มุมมองนี้ทำให้ฮ่องกงน่าดึงดูดเป็นอย่างมากสำหรับเหล่าธุรกิจที่กำลังเผชิญปัญหาในสหรัฐอเมริกา
Asia อาจเป็นอนาคตของอุตสาหกรรม
Allaire ให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg เมื่อเร็วๆ นี้ ว่าเขาสังเกตเห็นความพยายามของฮ่องกงในการสร้างตัวเองให้เป็น “ศูนย์กลางที่สำคัญสำหรับตลาดดิจิทัลและสำหรับ Stablecoin” Circle จึง “ให้ความสนใจและกำลังจับตามองอย่างใกล้ชิดสำหรับโอกาสในการลงทุนในอนาคต”
เขามองว่าเอเชียเป็นภูมิภาคที่สำคัญสำหรับอุตสาหกรรม ก่อนหน้านี้พวกเขาเริ่มสร้างรากฐานในเอเชีย หลังจากที่ทางบริษัทได้รับการอนุมัติด้านกฎระเบียบจาก Monetary Authority of Singapore (MAS) เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ใบอนุญาตดังกล่าวทำให้บริษัทสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์โทเค็นการชำระเงินแบบดิจิทัลและทำธุรกรรมข้ามพรมแดนและในสิงคโปร์ได้
ในช่วงที่ผ่านมาหน่วยงานการปกครองของฮ่องกงได้แสดงท่าทีสนับสนุนอุตสาหกรรมคริปโตเป็นอย่างมาก โดยออกกฎอนุญาตให้ธุรกิจต่างๆ สามารถให้บริการนักลงทุนรายย่อยได้อย่างถูกกฎหมาย รวมถึงการจัดจำหน่าย ETF ผ่านสถาบันทางการเงินอย่าง HSBC โดยตรง
สัญญาณบวกจาก Hong Kong อาจสื่อถึงการกลับมาของ “จีน”
นักวิจารณ์หลายๆ คนมองว่า สัญญาณเชิงบวกจากฮ่องกงอาจส่งสัญญาณว่าจีนอาจกำลังหาลู่ทางกลับเข้าสู่อุตสาหกรรมนี้ แม้ว่าพวกเขาจะสั่งแบนห้ามกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับคริปโตทั้งหมดไปในปี 2021
นอกจากนี้ บริษัทสาขาของสถาบันการธนาคารที่ใหญ่ที่สุดบางแห่งของจีน เช่น Bank of Communications, Bank of China และ Shanghai Pudong Development Bank ได้เริ่มเข้าสนับสนุนบริษัท crypto ที่อยู่ในฮ่องกงแล้ว
“สิ่งที่เกิดขึ้นในฮ่องกงจะเป็นตัวบ่งชี้ ว่าจีนจะกลับเข้าสู่ตลาดคริปโตในลักษณะใด” Allaire กล่าวสรุป
ข้อจำกัดความรับผิด
หมายเหตุบรรณาธิการ: เนื้อหาต่อไปนี้ไม่ได้สะท้อนถึงมุมมองหรือความคิเห็นของ BeInCrypto มันจัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้นและไม่ควรถูกตีความว่าเป็นคำแนะนำทางการเงิน กรุณาทำการวิจัยของคุณเองก่อนที่จะทำการตัดสินใจลงทุนใดๆ