วงการ Crypto จะต้องเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่อีกครั้ง เนื่องจากการที่ธนาคารกลางของสหรัฐฯ (Fed) พยายามที่จะต่อสู้กับอัตราเงินเฟ้อที่ยังอยู่เหนือว่า 8% อย่างไม่ยอมลดลง
วันนี้ถือเป็นการเริ่มต้นการประชุม 2 วันระหว่างนายธนาคารกับธนาคารกลางสหรัฐฯ ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยขั้นต่ำอีก 75 จุด (0.75%) ซึ่งประวัติจากบางไตรมาสบ่งชี้ว่าการขึ้นดอกเบี้ยในครั้งนี้อาจจะสามารถขึ้นสูงได้ถึง 100 จุด
75 จุดหรือมากกว่านั้น
Ben Armstrong ผู้ทรงอิทธิพลด้านโซเชียลมีเดีย กล่าวว่า การปรับขึ้น 100 Basis Points (หน่วยที่ใช้ในการบอกความเปลี่ยนแปลงของเปอร์เซ็นในการเงิน มีตัวย่อว่า BPS โดย 1 BPS จะเท่ากับ 0.01%) นั้นไม่น่าจะเป็นไปได้
“ทุกครั้งที่เราคาดการณ์เรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ในอัตรามาตรฐานและการปรับขึ้นในแบบสูงสุดที่จะเป็นไปได้ มันมักจะเป็นแบบมาตรฐานเสมอ” Armstrong กล่าวเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา “เรายังไม่เคยพบการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่น่าแปลกใจเลย ซึ่งก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะเป็นเช่นนั้นเสมอไป แต่นั่นคือสิ่งที่เราเห็นมาจนถึงขณะนี้ ซึ่งจะเป็น 75 [Basis Points] ไม่ใช่ 100”
แม้ว่า Fed จะหลีกเลี่ยงการขึ้น 100 จุดมาแล้วก็ตาม แต่พวกเขาก็ได้ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลายครั้งภายในปีนี้ ในเดือนมีนาคม พวกเขาประกาศขึ้น 25 จุด ในเดือนพฤษภาคม เพิ่มขึ้นเป็น 50 จุด ในเดือนมิถุนายนและเดือนกรกฎาคม ซึ่งทั้ง 2 เดือนได้ประกาศขึ้น 75 จุด
ประวัติศาสตร์ของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวอาจจะเป็นสิ่งที่บ่งชี้ว่าการเพิ่มขึ้นในครั้งต่อไปอาจจะมากกว่าที่เคยเป็นมา ซึ่งการเพิ่มขึ้นที่เหนือความการคาดการณ์นั้นอาจจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อตลาด
Bitcoin ยังคงต้องต่อสู้ต่อไป
ในขณะที่ Fed ต้องต่อสู้กับอัตราเงินเฟ้อด้วยนโยบายการเงินที่เข้มงวดมากยิ่งขึ้น Bitcoin และตลาด Crypto ในวงกว้างยังคงต้องดิ้นรนกันต่อไป
จากที่ Be[In]Crypto ได้รายงานไปเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ราคาของ Bitcoin ลดลงต่ำกว่า 19,000 ดอลลาร์ในสัปดาห์นี้ มูลค่าตลาดสำหรับภาคส่วน Cryptocurrency ทั้งหมดลดลงเหลือเพียง 950 พันล้านดอลลาร์ ทั้งคู่มีการฟื้นตัวเพียงเล็กน้อย โดย Bitcoin ดีดกลับมาอยู่เหนือราคา 19,200 ดอลลาร์ และมูลค่าตลาดยังเพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาเป็น 976 พันล้านดอลลาร์
ในขณะเดียวกัน การอัพเกรด Ethereum Merge กลายเป็นเหตุการณ์ “ขายเมื่อข่าวออก” (มาจากสำนวน “Buy the Rumor, Sell the News” ซึ่งหมายความว่า ให้เข้าซื้อในช่วงที่มีข่าวลือ แล้วขายออกไปตอนที่ข่าวออกมาแล้ว) โดยสินทรัพย์แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยก่อนที่จะมีการเปลี่ยนเป็น Proof-of-Stake และราคาได้ลดลงหลังจากนั้น มูลค่าปัจจุบันของมันอยู่ที่ 1,350 ดอลลาร์ โดยลดลง 20.7% ในช่วง 7 วันที่ผ่านมา
ซื้อเพราะข่าวลือ
นักเทรดมันจะใช้คำว่า “ซื้อเพราะข่าวลือ ขายเมื่อข่าวออก” (Buy the Rumor, Sell the News) เพื่ออ้างอิงถึงกระบวนการที่ราคาตลาดเคลื่อนไหวในเหตุการณ์ก่อนที่มันจะเกิดขึ้นจริง ดังนั้น แรงกดดันด้านราคา Ethereum ที่เพิ่มขึ้นใดๆ นั้นเกิดขึ้นก่อนการอัพเกรด The Merge ไม่ใช่หลังจากนั้น
ในทำนองเดียวกัน แรงกดดันด้านราคาในเชิงลบจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก็สามารถเป็นการกำหนดราคาได้เช่นกัน จากข่าวที่ว่าอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ จะเพิ่มขึ้น “เพียงเล็กน้อย” ตามที่ประธานาธิบดี Biden อธิบายเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา นักเทรดอาจจะทำการกำหนดราคาในคลื่นครั้งถัดไปของการรัดเข็มขัดทางการเงินจาก Fed แล้วก็เป็นได้
มันเป็นทฤษฎีที่นักลงทุน Crypto อย่าง Lark Davis ตั้งข้อสังเกต ในวันอังคารที่ผ่านมา Davis กล่าวว่า “ถ้า FED มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 75 [Basis Points] มันจะทำให้ตลาดปรับตัวขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่จะมีการเปิดเผยข้อมูลอัตราเงินเฟ้อที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ในเดือนหน้า!”
นั่นเป็นการอ่านอนาคตของ Crypto ซึ่งการเปลี่ยนแปลงของราคาจะเกิดขึ้นก่อนเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นจนกระทั่งพบว่ามันไม่ได้เป็นเช่นนั้น ตอนนี้ ทุกสายตาจับจ้องไปที่ Fed
ข้อจำกัดความรับผิด
หมายเหตุบรรณาธิการ: เนื้อหาต่อไปนี้ไม่ได้สะท้อนถึงมุมมองหรือความคิเห็นของ BeInCrypto มันจัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้นและไม่ควรถูกตีความว่าเป็นคำแนะนำทางการเงิน กรุณาทำการวิจัยของคุณเองก่อนที่จะทำการตัดสินใจลงทุนใดๆ