Ron DeSantis ผู้ว่าการรัฐฟลอริดาเป็นนักการเมืองพรรครีพับลิกันที่แสดงจุดยืนต่อต้านธนาคารกลางสกุลเงินดิจิทัล (CBDC) ในสหรัฐอเมริกา
เมื่อเร็วๆ นี้ ผู้ว่าการ DeSantis ออกมาประณามเทคโนโลยีดังกล่าวว่าเป็นเครื่องมือที่ละเมิดความเป็นส่วนตัวทางด้านการเงินของผู้ใช้งานและประกาศแบนสกุลเงินดิจิตอลของธนาคารกลางในรัฐที่เขากำกับดูแล
จุดยืนที่ต่อต้าน CBDC
DeSantis แชร์ผ่าน Twitter เมื่อวันจันทร์ เขากล่าวเกี่ยวกับนโยบานสินทรัพย์ดิจิทัลของประธานาธิบดี Biden ในเดือนมีนาคม 2022 ซึ่งเรียกร้องให้หน่วยงานรัฐบาลสำรวจการสร้างสกุลเงินดิจิตอลของธนาคารกลาง
Sponsored“สิ่งนี้ทำให้รัฐบาลทราบการเคลื่อนไหวทางด้านการเงินทุกอย่างของผู้บริโภค” ผู้ว่าการรัฐกล่าว โดยสังเกตว่า ผลิตภัณฑ์นี้ “แตกต่าง” จาก cryptocurrencies อย่าง Bitcoin
“สกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลางเกี่ยวข้องกับการสอดแนมชาวอเมริกัน และควบคุมพฤติกรรมของชาวอเมริกัน” เขากล่าวต่อ
ในขณะที่ Bitcoin แม้มันจะไม่มีความเป็นส่วนตัวในทางเทคนิค เพราะธุรกรรมทั้งหมดสามารถมองเห็นได้บน blockchain สาธารณะ แต่พวกเขายังคงไม่เปิดเผยตัวตน ทุกคนทั่วโลกสามารถเข้าถึงเครือข่ายได้ฟรีโดยไม่จำเป็นต้องระบุตัวตนหรือกระเป๋าเงินของตน
ในขณะเดียวกันประธานธนาคารกลางสหรัฐ Jerome Powell เคยอ้างว่า สกุลเงินของธนาคารกลางแม้ผู้ใช้งานเครือข่ายทั้งหมดจะถูกระบุและตรวจสอบ แต่ประวัติการทำธุรกรรมของพวกเขาจะยังคงเป็นส่วนตัว
ตัวอย่างที่เกิดขึ้นใน จีนและไนจีเรีย
DeSantis ยกตัวอย่างเงินหยวนดิจิทัลของจีน ซึ่งธนาคารประชาชนจีนเฝ้าติดตามพฤติกรรมการใช้จ่ายและสามารถ “ตัดการเข้าถึงสินค้าและบริการ” นอกจากนี้ เขายังอ้างถึงกรณีในไนจีเรีย ซึ่งธนาคารกลางบังคับจำกัดการถอนเงินจากตู้ ATM เพื่อกระตุ้นการยอมรับ eNaira ซึ่งก่อให้เกิดการจลาจลเมื่อเดือนที่แล้ว
ผู้ว่าการกลัวว่าหากสกุลเงินดังกล่าวถูกนำมาใช้ในสหรัฐอเมริกา รัฐบาลอาจใช้สกุลเงินนี้เพื่อเซ็นเซอร์ธุรกรรมที่พวกเขาไม่เห็นด้วย เช่น การขายอาวุธปืนและน้ำมัน “คุณกำลังมอบอำนาจจำนวนมากให้กับธนาคารกลาง” เขากล่าวต่อ
DeSantis ไม่ใช่คนแรกที่พูดต่อต้านผลิตภัณฑ์นี้ Tom Emmer สมาชิกสภาคองเกรสของพรรครีพับลิกันเป็นอีกคนที่เสนอร่างกฎหมายเมื่อเดือนที่แล้วเพื่อห้ามธนาคารกลางสหรัฐไม่ให้ออกสกุลเงินดิจิตอลนี้แก่ผู้บริโภค โดยอ้างถึงประเด็นการละเมิดสิทธิในลักษณะเดียวกัน
ด้านวุฒิสมาชิก Ted Cruz ได้เสนอร่างกฎหมายที่คล้ายกันในเดือนมีนาคมปีที่แล้ว เพื่อให้แน่ใจว่ารัฐบาลจะไม่ “รวมศูนย์และควบคุม cryptocurrency”
