Delegated Proof of Stake (DPoS) คือ บล็อกเชนแบบฉันทามติประเภทหนึ่ง ที่อนุญาตให้ผู้ใช้งานสามารถโหวตผ่านตัวแทนได้ เมื่อเลือกตัวแทนเหล่านี้แล้ว พวกเขาจะสามารถตัดสินใจแนวทางของโปรโตคอลต่างๆ ได้ เช่น ผู้รับมอบสิทธิ์หรือตัวแทนเหล่านี้ สามารถตั้งกฎ เปลี่ยนแปลงกฎในการตรวจสอบธุรกรรมต่างๆ
โดยทั่วไป DPoS เป็นหนึ่งในกลไกที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดของระบอบฉันทามติ และทำให้โปรโตคอลสามารถสเกลขนาดในด้านต่างๆ ได้ นอกจากนี้มันยังไม่ได้ต้องใช้พลังงานในการขุดและพิสูจน์ธุรกรรมอย่าง Proof of work อีกด้วย บทความนี้จะมาเรียนรู้ทำความรู้จัก DPoS และข้อดีต่างๆ ของมัน
ระบบฉันทามติคืออะไร (Consensus Algorithm)
ก่อนที่จะเข้าสู่พื้นฐานของ DPoS และวิธีการทำงาน สิ่งสำคัญคือต้องทราบว่าอัลกอริธึมฉันทามติคืออะไร เครือข่ายบล็อคเชนทำงานได้เนื่องจากมันมีการกระจายอำนาจ ซึ่งหมายความว่าทุกโหนดในเครือข่ายจะตรวจสอบธุรกรรมรวมกันทั้งหมด โหนดมักจะเป็นคอมพิวเตอร์หรือระบบที่คล้ายคลึงกัน
เนื่องจากโหนดบล็อคเชนทุกโหนดต้องมีการตรวจสอบความถูกต้องของธุรกรรมแยกกันจากคนละจุด ตัวเครือข่ายเองจึงต้องใช้วิธีบางอย่างเพื่อให้แน่ใจว่าแต่ละโหนดทำงานร่วมกันในการพิสูจน์ธุรกรรมว่าถูกต้องหรือไม่ วิธีที่เครือข่ายใช้เพื่อให้แน่ใจว่าทุกโหนดเห็นด้วยกับธุรกรรมนั้นๆ คืออัลกอริธึมฉันทามติของบล็อคเชน บล็อกเชนแต่ละประเภทใช้อัลกอริธึมที่แตกต่างกัน
Delegated Proof of Stake หรือ ระบบแต่งตั้งตัวแทนคืออะไร
DPoS ทำงานคล้ายๆ กับระบบ Proof of stake (PoS) แต่มันมีระบบการโหวตและการแต่งตั้งตัวแทนด้วย เพื่อให้ผู้ใช้งาน stake เหรียญเข้าไปในระบบเพื่อรักษาความปลอดภัยของระบบ ยิ่งมีผู้เข้าร่วมมากเท่าไหร่และมีตัวแทนที่กระจายตัวมากเท่าไหร่ ระบบก็จะมีความกระจายศูนย์มากเท่านั้น
ผู้ใช้ต้องวางเหรียญของตนเพื่อเข้าร่วมในกลไกฉันทามติทั้ง PoS และ DPoS การพิสูจน์บล็อกเชนให้สำเร็จในแต่ละบล็อกคือการทำงานร่วมกันระหว่างผู้ที่ถูกแต่งตั้ง และผู้แต่งตั้งหรือผู้วางเหรียญ ผู้ถูกแต่งตั้งและผู้มีสิทธิ์โหวตเหล่านี้ จะเป็นผู้พิสูจน์ธุรกรรม
ผู้แทนเหล่านี้มักถูกเรียกว่า Block producer หรือ witness เมื่อใช้ระบบ DPoS รายย่อยผู้ถือเหรียญสามารถ stake เหรียญของเขาไว้ในพูลแพลตฟอร์มใด แพลตฟอร์มหนึ่งได้ และพูลตัวกลางนั้นจะเชื่อมโยงกับผู้แทนต่างๆ ที่คุณจะให้สิทธิ์เขาไปโหวตหรือพิสูจน์ธุรกรรมแทนส่วนของคุณ กระบวนการการแต่งตั้งนี้ “เหรียญของคุณไม่ได้ถูกโอนออกจากกระเป๋าไปสู่กระเป๋าคนอื่น” เมื่อผู้แทนได้รับรางวัลจากบล็อก คุณก็จะได้สัดส่วนของรางวัลตามจำนวนเหรียญที่คุณแต่งตั้งอำนาจให้กับเขา
ทำไมบล็อกเชนต้องใช้กลไกฉันทามติ
เพื่อทำความเข้าใจว่าการพิสูจน์แบบแต่งตั้งตัวแทนนั้นมีประโยชน์เพียงใด สิ่งสำคัญอันดับแรกคือต้องรู้ว่าเหตุใดเทคโนโลยีบล็อคเชนจึงต้องการฉันทามติ Blockchain เป็นบัญชีแยกประเภทชนิดหนึ่งที่สามารถบันทึกธุรกรรมทั้งหมดที่เกิดขึ้นในเครือข่ายได้
การกระจายอำนาจได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นองค์ประกอบสำคัญของเทคโนโลยีบล็อกเชนทั้งหมด มันหมายความว่ามันไม่ได้มีศูนย์กลางที่จุดๆ เดียวในการพิสูจน์หรือควบคุมธุรกรรม ธุรกรรมเหล่านี้จะถูกกระจายไปทั่วโหนดจำนวนมากในเครือข่ายแทน
แม้ว่าธุรกรรมจะกระจายไปตามโหนดต่างๆ มากมาย แต่ก็เป็นไปได้ที่จะตรวจสอบความถูกต้องของธุรกรรมด้วยฟังก์ชันแฮชที่เข้ารหัสลับ ฟังก์ชันเหล่านี้สร้างค่าที่ไม่ซ้ำกันสำหรับอินพุตที่ไม่ซ้ำกันต่างๆ เราจึงสันนิษฐานได้ว่าบันทึกที่มีโหนดเข้าร่วมตรวจสอบมากที่สุดจะมีข้อผิดพลาดน้อยกว่าการมีโหนดจำนวนน้อย
ดังนั้น เพื่อให้เทคโนโลยีบล็อกเชนทำงานได้อย่างถูกต้อง มันจึงจำเป็นต้องมีระบบฉันทามติที่กระจายตัวได้ดี เทคโนโลยีนี้ยังป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ใช้เหรียญเดียวในการทำธุรกรรมสองรายการแยกกัน ซึ่งเรียกว่าการใช้จ่ายซ้ำซ้อน
หากเทียบกับ Bitcoin ที่ใช้โปรโตคอลฉันทามติที่พิสูจน์การทำงานแบบ PoW ซึ่งมีความกระจายศูนย์ที่ดี แต่มันใช้เวลานานและใช้พลังงานมากกว่า DPoS อยู่มาก ด้วยเหตุนี้ ความเร็วในการทำธุรกรรมจึงต่ำเมื่อเทียบกับโปรโตคอลเครือข่ายมาตรฐานที่ใช้โดยบริษัทต่างๆ เช่น Visa และ MasterCard
องค์ประกอบใน DPoS
DPoS มีองค์ประกอบหลายๆ อย่างที่ทำให้เทคโนโลยีทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ว่าปัจจุบันระบบ PoS และ PoW จะได้รับความนิยมมากกว่า แต่ DPoS ถูกสร้างขึ้นเพื่อแก้ปัญหาที่ PoS และ PoW มี
ระบบแต่งตั้งตัวแทนโดยส่วนมากจะถูกแต่งตั้งผ่านระดับชื่อเสียงที่พวกเขามี (reputation) ทุกๆ คนที่ถือเหรียญในระบบจะสามารถมอบอำนาจของตนให้แก่ตัวแทนเหล่านั้น เพื่อไปพิสูจน์ธุรกรรมแทน ก่อนที่ผู้ใช้งานจะลงทุน ควรจะทราบว่าระบบแต่งตั้งตัวแทนนี้มีประโยชน์ข้อดี ข้อเสียอย่างไร
- การโหวต
ในการจะพิสูจน์ธุรกรรมใดๆ ผู้ที่จะเข้ามาทำหน้าที่จำเป็นต้องได้รับการโหวตมอบอำนาจโดยผู้ถือเหรียญของโปรโตคอลนั้นๆ อย่างไรก็ตามส่วนใหญ่แล้ว DPoS ก็เปิดโอกาสให้ผู้ถือเหรียญสามารถโหวตด้วยตนเองได้เช่นกัน โดยไม่จำเป็นต้องแต่งตั้งตัวแทนหากพวกเขาต้องการ
ผู้ถูกแต่งตั้งจะสามารถสร้างบล็อกขึ้นเพื่อพิสูจน์ธุรกรรม และหากบล็อกนั้นๆ ถูกพิสูจน์ว่าถูกต้อง พวกเขาก็จะได้รับรางวัลและรางวัลเหล่านั้นจะถูกแบ่งให้กับผู้มีส่วนร่วมทุกๆ คน
หากผู้ถูกแต่งตั้งไม่ยอมพิสูจน์ธุรกรรม แน่นอนว่าพวกเขาจะไม่ได้รับรางวัลใดๆ รวมถึงผู้ที่มอบอำนาจให้แก่เขาด้วย และบล็อกนั้นๆ จะถูกส่งต่อไปให้ผู้พิสูจน์รายอื่นๆ ผู้พิสูจน์ที่ได้รับบล็อกนั้นไปก็จะได้รับรางวัลจากบล็อกดังกล่าวแทน
- พยานร่วมพิสูจน์ (Witnesses)
ดังที่กล่าวไว้ข้างต้น พยานหรือผู้พิสูจน์มีหน้าที่รับผิดชอบในการรักษาความปลอดภัยและตรวจสอบความถูกต้องของบล็อคเชน แม้ว่าผู้เป็นพยานจะไม่ต้องใช้เหรียญใดๆ ในการวางเพื่อที่จะเป็นพยาน แต่พวกเขาจะต้อง “ได้รับคะแนนเสียงแต่งตั้งมามากพอที่จะมาทำหน้าที่ดังกล่าว”
เมื่อพยานยืนยันการทำธุรกรรมได้ ก็จะถูกบันทึกไว้บัญชี จำนวนพยานทั้งหมดในเซิร์ฟเวอร์เดียวสามารถมีได้ตั้งแต่ 21 ถึง 101 หน่วย แม้ว่าพยานจะสามารถปฏิเสธธุรกรรมได้ แต่พวกเขาไม่สามารถเปลี่ยนแปลงข้อมูลการทำธุรกรรมได้
การโหวตเลือกพยาน สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา หมายความว่า ผู้ที่เป็นพยานอาจเปลี่ยนแปลงเป็นคนอื่นได้ตลอด เมื่อมีคนสมัครเป็นพยานเป็นจำนวนมาก การแข่งขันอาจเกิดขึ้น ในกรณีนี้ ชื่อเสียงอาจเป็นกุญแจสำคัญในการพิจารณาว่าคนใดจะได้รับเลือกขึ้นมาทำหน้าที่เป็นพยาน และคนใดที่จะถูกปฎิเสธ
- เวลาที่ใช้ในการทำธุรกรรม
แน่นอนว่ามันเป็นนวัตกรรมที่เกิดหลังระบบ PoS และ PoW และการเพิ่มความเร็วในการประมวลผลก็เป็นความพยายามหนึ่ง อย่างไรก็ตามความเร็วของแต่ละโปรโตคอลย่อมไม่เท่ากัน ยกตัวอย่างเช่น TRON ที่ใช้ DPoS ที่มีความเร็วในการทำธุรกรรมอยู่ที่ประมาณ 1 นาที
สำหรับ TRON การจะทำธุรกรรมให้สำเร็จ มันจะเป็นต้องได้รับการยืนยันจำนวน 20 confirmation ในแต่ละบล็อกจะมี confirmation 2 ครั้งและเชื่อมต่อกับอีกบล็อกหนึ่งเป็นทอดๆ ไป ในขณะที่ TRON ใช้เวลาส่ง stablecoin ประมาณ 1 นาที การส่งบน PoS อาจใช้เวลาถึง 5 นาที
- ผู้แทน (Delegate)
ผู้รับมอบสิทธิ์หรือผู้แทนในระบบ DPoS คือผู้ดูแลแนวทางของบล็อกเชน (governance) ผู้รับมอบสิทธิ์ต้องได้รับการโหวตแต่งตั้งจากผู้ใช้รายอื่น ตัวแทนอาจจะเสนอให้เปลี่ยนขนาดของบล็อกบล็อกหนึ่งได้ หรือเปลี่ยนจำนวนพยานที่จะได้รับรางวัลจากการตรวจสอบบล็อก เมื่อมีการเสนอการเปลี่ยนแปลงโดยตัวแทน ผู้ใช้ภายในบล็อคเชนจะต้องลงคะแนนอีกครั้งเพื่อยอมรับหรือปฏิเสธการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้
- ผู้ตรวจสอบ (Validator)
ผู้ตรวจสอบบล็อก คือโหนดเต็มรูปแบบที่สามารถตรวจสอบว่าบล็อกที่สร้างโดยพยานที่แตกต่างกันนั้นเป็นไปตามกฎฉันทามติ หากผู้ใช้กลายเป็นผู้ตรวจสอบบล็อก สิ่งที่พวกเขาต้องทำคือเรียกใช้เครื่องมือตรวจสอบและยืนยันเครือข่าย ต่างจากการเป็นพยาน ผู้ตรวจสอบบล็อกจะไม่มีแรงจูงใจทางการเงินในการเป็นผู้ตรวจสอบความถูกต้อง
- ความแตกต่างระหว่าง PoS และ DPoS
ความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่าง DPoS และ PoS คือ ความเป็นประชาธิปไตยที่มากกว่าสำหรับระบบ DPoS ผู้ใช้ PoS สร้างบล็อคตามเงินวางที่พวกเขามีในสกุลเงินโปรโตคอลนั้นๆ ทำให้คนที่มีจำนวนเงินมาก อาจกลายเป็นผู้มีอำนาจมากที่สุดโดยอัตโนมัติ แต่ DPoS แตกต่างกันตรงที่มีเพียงแค่ผู้ที่ได้รับมอบหมายหรือโหวตโดยคนส่วนมากเท่านั้นที่จะมีอำนาจดังกล่าว
- ข้อจำกัดของ DPoS
แม้ว่าระบบ DPoS จะมีข้อได้เปรียบด้านการมีส่วนรวมของชุมชนแต่มันก็มีข้อจำกัดบางอย่าง นั่นคือความเป็นไปได้ที่ระบบจะมีความรวมศูนย์ที่สูงเพราะการพิสูจน์ธุรกรรมต่างๆ มีพยานเพียงไม่กี่คนเท่านั้น มันจึงเป็นไปได้ที่ผู้ถือเหรียญรายย่อยอาจจะไม่ได้มีส่วนร่วมใดๆ มากนักในเชิงปฏิบัติ
Delegated Proof of Stake ในปัจจุบัน
- EOS
ผู้แทนทั้งหมดในเครือข่ายนี้จะเรียกว่าผู้สร้างบล็อก (block producer) ผู้ใช้งานจะวางเหรียญ EOS บางส่วนและจะสามารถโหวตผู้สมัครได้มากถึง 30 คน จากนั้นจะมีผู้ถูกเลือกเหลือ 21 คนเท่านั้น ข้อกำหนดฮาร์ดแวร์ขั้นต่ำสำหรับผู้ผลิตบล็อกแต่ละจะต้องมี Ram 8GB ขึ้นไป
- TRON
ผู้แทนจะถูกเรียกว่า Super Representatives เมื่อมีผู้ใช้งานวางเหรียญ TRON พวกเขาจะสามารถแต่งตั้งตัวแทนดังกล่าวได้ 5 คน ต่อการเลือกตั้ง 1 ครั้ง การโหวตจะเกิดขึ้นทุกๆ 24 ชั่วโมง ส่วนผู้ที่อยู่ใน 27 อันดับแรกจะนับให้เป็นพยานในการตรวจสอบธุรกรรมจะได้รับรางวัลจากบล็อกและการโหวต ส่วนอำดับ 28-127 จะได้รับเพียงรางวัลจากการโหวตเท่านั้น
- Cosmos
ผู้แทนจะถูกเรียกว่า ผู้พิสูจน์ธุรกรรม (Validator) บน Cosmos ซึ่งมีจำนวนราว 100 คนเท่านั้นในตอนแรก อย่างไรก็ตามทางโปรโตคอลต้องการขยายผู้พิสูจน์เพิ่มถึง 300 เพื่อเพิ่มความกระ
ข้อจำกัดความรับผิด
ข้อมูลทั้งหมดที่มีอยู่บนเว็บไซต์ของเราเผยแพร่ด้วยเจตนาที่ดีและเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น การกระทำใด ๆ ที่ผู้อ่านดำเนินการตามข้อมูลที่พบบนเว็บไซต์ของเราถือเป็นความเสี่ยงของผู้อ่านโดยเฉพาะ Learn ให้ความสำคัญกับข้อมูลคุณภาพสูง เราอุทิศเวลาให้กับการแยกแยะ ค้นคว้า และสร้างเนื้อหาเพื่อการศึกษาซึ่งเป็นประโยชน์กับผู้อ่าน เพื่อเป็นการรักษามาตรฐานนี้และเพื่อสร้างเนื้อหาคุณภาพได้อย่างต่อเนื่อง พาร์ตเนอร์ของเราอาจตอบแทนเราด้วยค่าคอมมิชชั่นสำหรับการจัดวางตำแหน่งต่าง ๆ ในบทความของเรา อย่างไรก็ดี ค่าคอมมิชชั่นนี้ไม่มีผลต่อกระบวนการของเราในการสร้างเนื้อหาที่ไร้อคติ ตรงไปตรงมา และเป็นประโยชน์