ดูเพิ่มเติม

การแยกคริปโต (Crypto Fork) คืออะไร

1 min
อัพเดทโดย Passanai Jiraruekmongkol

In Brief

  • ความเป็นไปได้ที่ไลฟ์บล็อกเชนจะเกิดการแยก
  • การแยกแบบอ่อน (Soft Fork)
  • การแยกแบบแข็ง (Hard Forks)
  • การโคลนคืออะไร
  • อนาคตของการแยกคริปโต (Crypto Fork)
What are Crypto Forks?

ในโลกคริปโตนั้น Crypto Fork หมายถึงการเปลี่ยนชุดกฎพื้นฐานของบล็อกเชน ทำให้เกิดบล็อกเชนสายใหม่ เนื่องจาก Cryptocurrency นั้นตั้งอยู่บนฐานของระบบเครือข่ายไม่รวมศูนย์ (Decentralized Network) ทำให้ทุก ๆ ฝ่ายต้องใช้กฎเกณฑ์แบบเดียวกันและร่วมมือกันอย่างถูกต้องเพื่อที่จะคงไว้ซึ่งความเป็นไปของตัวบล็อกเชน ไม่อย่างนั้น ผลลัพธ์ของการไม่ดำเนินการไปในทิศทางเดียวกันบล็อกเชนสองบล็อกไม่สามารถทำงานพร้อมกันได้ในส่วนต่าง ๆ ของระบบ เราเรียกเหตุการณ์เช่นนั้นว่า Chain Split

ความเป็นไปได้ที่ไลฟ์บล็อกเชนจะเกิดการแยก

  • การแยกโดยบังเอิญ (Accidental Fork) เกิดขึ้นเมื่อนักขุดรายต่าง ๆ เจอบล็อกเกือบจะในเวลาเดียวกัน นำไปสู่การสร้างสองบล็อกเชน โดยบล็อกที่มีบล็อกอื่น ๆ มาต่อเยอะกว่าจะกลายเป็นสายบล็อกใหม่ และบล็อกอื่น ๆ ที่ไม่มีบล็อกอมาต่อเยอะเท่าจะไม่ถูกใช้งานต่อ
  • การแยกโดยตั้งใจ (Intentional forks) เกิดขึ้นเมื่อเหล่า Developers มีความเห็นต่างกันว่าตัวซอฟต์แวร์ควรทำงานอย่างไร ทำให้กฎพื้นฐานถูกเปลี่ยน นำไปสู่การเกิดเหรียญใหม่ขึ้นมา แต่หากเหรียญใหม่นั้นไม่ได้รับความสนใจเพียงพอ ค่าของมันจะกลายเป็นศูนย์ อย่างไรก็ตาม การแยกแบบตั้งใจจะประสบความสำเร็จต่อเมื่อมีกลุ่มคนที่พร้อมจะสนับสนุนเหรียญใหม่นั้นอยู่แล้ว โดยสินทรัพย์ที่แยกออกมานั้นจะถูกพัฒนาต่อไป
bitcoin abc sv

ทั้งนี้ เราสามารถจำแนก Crypto Fork ออกได้ 2 ประเภท คือการแยกแบบอ่อน (Soft Fork) และการแยกแบบแข็ง (Hard Fork)

การแยกแบบอ่อน (Soft Fork)

การแยกแบบอ่อน (Soft Fork) คือการปรับแต่งเสริมที่ยังสามารถเข้ากันได้กับกฎเกณฑ์ที่ยังมีอยู่ โดยกฎชุดเก่ายังไม่หมดอายุ ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องอัปเดตเนื่องจากบล็อกที่ยังมีอยู่นั้นสามารถประมวลผลได้ ทั้งนี้ มีเพียงบล็อกเชนเดียวที่จะยังคงใช้งานได้เมื่อผู้ใช้งานอัปเดตจากรุ่นเก่า

การแยกแบบแข็ง (Hard Forks)

การแยกแบบแข็ง (Hard Fork) เกิดขึ้นเมื่อการปรับปรุงที่เกิดขึ้นนั้นไม่สามารถใช้กับรุ่นเก่าได้ เป็นการเปลี่ยนแปลงถาวรซึ่งผู้ใช้งานทุกคนจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนไปใช้กฎเกณฑ์ชุดล่าสุด หากมีกลุ่มใดที่ไม่อัปเกรด จะเกิดการ Chain Split และทำให้มีสองบล็อกเชนเกิดขึ้นไปพร้อมกันหลังเกิดการแยก ในกรณีเช่นนี้ ทั้งสองบล็อกเชนอาจทำงานไปพร้อม ๆ กันได้หรืออันใดอันหนึ่งขึ้นมามีอิทธิพลเหนืออีกอันหนึ่ง

Bitcoin SV Hard Fork

ในบางครั้ง การแยกแบบแข็งเป็นมติเอกฉันท์ ทุกฝ่ายต้องยินยอมที่จะยอมรับกฎเกณฑ์ชุดใหม่

การแยกแบบแข็งที่เป็นที่รู้จัก (Notable Hard Forks)

  • กรณีที่ 1 Bitcoin cash (BCH) ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 2017 และยังคงเป็นการแยกแบบแข็งที่ประสบความสำเร็จของ Bitcoin (BTC) โดยทั้ง Bitcoin และ Bitcoin Cash ดำเนินไปด้วยกันจนถึงบล็อกที่ 478,558 โดยเบื้องหลังการเกิด Bitcoin Cash มาจากการเห็นต่างที่กินระยะเวลามาพักหนึ่งภายในกลุ่มผู้ใช้งานว่าด้วยเวอร์ชันที่แท้จริงของ Satoshi สำหรับบิตคอย์น โดยเฉพาะเกี่ยวกับขนาดของบล็อกและการปรับใช้ Segregated Witness (การแยกลายเซ็นธุรกรรม)
bitcoin cash
  • กรณีที่สอง Ethereum Classic (ETC) ถือเป็นกรณีที่ประสบความสำเร็จของ Ethereum (ETH) ที่เกิดขึ้นหลัง Decentralized Autonomous Organization (DAO) ถูกแฮ็ก โดยมีเหรียญ ETH มูลค่ากว่า $50 ล้านถูกโจรกรรมไป ชุมชนผู้ใช้งาน Ethereum ต่างพากันหาทางออกว่าควรทำอย่างไรต่อ และลงเอยที่การแยกแบบแข็งที่บล็อกลำดับที่ 1,920,000

การโคลนคืออะไร

การโคลนมักจะถูกเข้าใจผิดว่าเป็นสิ่งเดียวกับการแยก (Forking) อย่างไรก็ตาม การโคลนคือการคัดลอกรหัสพื้นฐาน (codebase) ของเงินสกุลหนึ่งโดยสร้างการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยให้กับสกุลนั้นโดยใช้บัญชีประเภทที่แตกต่างไปเลย

github

การโคลนมักเป็นที่นิยมทำกันในแพลตฟอร์ม code-sharing อย่าง Github โดยผู้ใช้งานสามารถคัดลอกโหนดซอฟต์แวร์ที่มีอยู่แล้ว โดยเพิ่มเติมหรือเปลี่ยนแปลงโหนดเหล่านั้น  นอกจากนี้ ยังสามารถรันโค้ดตัวใหม่และสร้างบล็อกเชนสายใหม่ได้บนบัญชีที่แยกออกมา การทำเช่นนี้มักนำไปสู่การพัฒนาสิ่งใหม่ ๆ เช่น หากนำ Bitcoin Core มา แล้วเปลี่ยนแปลงบางพารามิเตอร์ จากนั้นนำโค้ดไปรันเพื่อสร้างเหรียญใหม่ สามารถกล่าวได้ว่าได้มีการแยกโค้ดของบิตคอย์นนั้นออกมา ลักษณะนี้คือการสร้างเหรียญทางเลือก (alternative coins/altcoints)

ตัวอย่างเช่น ในปี 2011 Charlie Lee อดีตวิศวกรจาก Google ได้สร้าง Litecoin โดยใช้โค้ดดั้งเดิมจาก Bitcoin และนำมาเปลี่ยนแปลงพารามิเตอร์บางส่วน เช่นในส่วนของความท้าทายในระบบ Proof of Work ของโค้ดตัวนั้น รวมถึงความเร็วในการสร้างบล็อกของโค้ดเดิม การคิดค้นนี้ทำให้เขาปรับปรุงความเร็วและความสามารถในการรองรับการขยายตัวในการทำธุรกรรม นำไปสู่การสร้างเหรียญที่ใช้ได้ในทุกวันแต่ถือเป็นธุรกรรมที่ขนาดเล็กลง

อนาคตของการแยกคริปโต (Crypto Fork)

การแยกคริปโต (Crypto Fork) นั้นถือว่ามีผลกระทบอย่างยิ่ง (ทั้งในเชิงบวกและเชิงลบ) ต่อระบบนิเวศของ Cryptocurrency เพราะการแยกคริปโตไม่ใช่แค่วิธีการสร้างและพัฒนา Cryptocurrency เท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างกระแส เพิ่มความเสี่ยง และแพร่กระจายความลังเลใจในหมู่ผู้ใช้งาน Cryptocurrency อีกด้วย เนื่องด้วยผู้คนที่เข้ามาในโลกของคริปโตนั้นต่างมีจุดประสงค์ต่างกัน การแยกคริปโตย่อมมีบทบาทสำคัญต่อไปในการเติบโตและการพัฒนาอุตสาหกรรมโดยรวมของ Cryptocurrency

แพลตฟอร์มคริปโตที่ดีที่สุดในไทย | เมษายน 2024

Trusted

ข้อจำกัดความรับผิด

ข้อมูลทั้งหมดที่มีอยู่บนเว็บไซต์ของเราเผยแพร่ด้วยเจตนาที่ดีและเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น การกระทำใด ๆ ที่ผู้อ่านดำเนินการตามข้อมูลที่พบบนเว็บไซต์ของเราถือเป็นความเสี่ยงของผู้อ่านโดยเฉพาะ Learn ให้ความสำคัญกับข้อมูลคุณภาพสูง เราอุทิศเวลาให้กับการแยกแยะ ค้นคว้า และสร้างเนื้อหาเพื่อการศึกษาซึ่งเป็นประโยชน์กับผู้อ่าน เพื่อเป็นการรักษามาตรฐานนี้และเพื่อสร้างเนื้อหาคุณภาพได้อย่างต่อเนื่อง พาร์ตเนอร์ของเราอาจตอบแทนเราด้วยค่าคอมมิชชั่นสำหรับการจัดวางตำแหน่งต่าง ๆ ในบทความของเรา อย่างไรก็ดี ค่าคอมมิชชั่นนี้ไม่มีผลต่อกระบวนการของเราในการสร้างเนื้อหาที่ไร้อคติ ตรงไปตรงมา และเป็นประโยชน์

ได้รับการสนับสนุน
ได้รับการสนับสนุน