Trusted

วิธีบรรลุ “อิสรภาพทางการเงิน”: 9 ขั้นตอนที่ใช้งานได้จริง

2 mins
อัพเดทโดย Passanai Jiraruekmongkol

เส้นทางสู่ “อิสรภาพทางการเงิน” อาจจะดูเหมือนเป็นการเดินทางที่น่ากลัว หลายคนมองดูที่การเงินของพวกเขา แล้วได้เห็นว่ามันอยู่ไกลจากเป้าหมายของพวกเขาแค่ไหน จากนั้นก็สิ้นหวัง อย่างไรก็ตาม หากคุณยินดีที่จะเริ่มทำบางสิ่ง มันมีขั้นตอนที่จะสามารถนำไปใช้ได้จริงซึ่งจะช่วยให้คุณเข้าใกล้เป้าหมายในการมีอิสรภาพทางการเงินมากยิ่งขึ้น

ในบทความนี้ เราจะอธิบายให้คุณทราบถึง 9 ขั้นตอนที่คุณทำได้ที่จะช่วยให้คุณได้รับอิสรภาพทางการเงิน

“อิสรภาพทางการเงิน” คืออะไร?

อิสรภาพทางการเงิน คือ ความสามารถในการทำสิ่งที่คุณต้องการได้ด้วยเงินของคุณ การมีทรัพยากร ความปลอดภัย และความยืดหยุ่นในชีวิตทำให้คุณสามารถทำตามความฝันได้ แทนที่จะถูกรั้งไว้ด้วยการเงิน อิสรภาพทางการเงินเป็นเป้าหมายทั่วไป แต่ไม่ใช่สิ่งที่ได้มาง่ายๆ

อย่างไรก็ตาม มันมีขั้นตอนบางอย่างที่คุณสามารถทำได้เพื่อช่วยให้คุณได้เริ่มต้นการเดินทางของคุณ เราจะอธิบายถึง 9 ขั้นตอนสำคัญในการเดินทางสู่อิสรภาพทางการเงินของคุณ

1. ทำความเข้าใจสถานะทางการเงินในปัจจุบันของคุณ

สถานะทางการเงินปัจจุบันของคุณจะเป็นตัวกำหนดวิธีการจัดการเงินของคุณ กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ มันคือภาพรวมว่าคุณอยู่ ณ จุดใดในการมุ่งหน้าสู่อิสรภาพทางการเงิน เพื่อให้เข้าใจสิ่งนี้มากขึ้น ลองดูรายละเอียดต่อไปนี้:

  • คุณมีอะไรบ้าง? มันคือการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินของคุณ ทรัพย์สินของคุณอาจจะเป็นอะไรก็ได้ ตั้งแต่เงินสดออมทรัพย์ หุ้น พันธบัตร ไปจนถึงรถยนต์ หรือทรัพย์สินที่คุณเป็นเจ้าของและสามารถขายได้หากจำเป็น หนี้สินนั้นรวมไปถึง เงินที่เป็นหนี้บัตรเครดิต เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา หรือการจำนองต่างๆ มันไม่ควรมีหนี้ที่มาพร้อมกับการเป็นเจ้าของทรัพย์สิน เช่น รถยนต์หรือบ้าน (เช่น หนี้จำนอง)
  • คุณใช้เงินไปเท่าไหร่? สิ่งนี้รวมถึงค่าใช้จ่ายคงที่ (เช่น ค่าเช่าหรือค่าจ่ายจำนอง) และการใช้จ่ายตามดุลยพินิจ (เช่น การรับประทานอาหารนอกบ้านหรือการซื้อของ) คุณควรรวมเป้าหมายการออมระยะยาวไว้ในหมวดหมู่นี้ เช่น กองทุนเพื่อการเกษียณหรือบัญชีออมทรัพย์ของวิทยาลัย
  • คุณมีรายได้เท่าไหร่? มันค่อนข้างตรงไปตรงมา: คุณทำเงินได้เท่าไหร่ต่อปี? คุณสามารถประหยัดเงินได้มากแค่ไหน?

คำถามเหล่านี้เป็นคำถามที่สำคัญ เพราะมันจะบอกคุณได้ว่า คุณจะสามารถบรรลุอิสรภาพทางการเงินได้เร็วแค่ไหน และทำให้คุณมั่นใจได้ว่า คุณกำลังตั้งเป้าหมายที่เป็นไปได้จริงสำหรับตัวคุณเอง ดังนั้น นำรายได้ของคุณมาตั้ง และลบต้นทุนของความจำเป็น ความต้องการ และเป้าหมายการออมระยะยาวทั้งหมดของคุณ จากนั้น หารด้วย 12 เพื่อให้ได้ตัวเลขรายเดือนว่าควรออมเท่าไหร่ในแต่ละเดือน

การรู้ว่าคุณใช้จ่ายเงินไปเท่าไร หาได้เท่าไร และเก็บออมเท่าไรเป็นสิ่งสำคัญในการบรรลุอิสรภาพทางการเงิน การตรวจสอบตัวเลขเหล่านี้อย่างใกล้ชิดจะทำให้คุณสามารถกำหนดเป้าหมายที่เป็นไปได้จริงสำหรับตัวคุณเอง และจะช่วยให้คุณตรวจสอบพฤติกรรมการออมของคุณได้ง่ายขึ้น

2. กำหนดเป้าหมายทางการเงินของคุณ

เป้าหมายทางการเงิน คือ เหตุผลที่คุณทำงานเพื่อมุ่งสู่อิสรภาพทางการเงิน มันควรจะมีความเฉพาะเจาะจง วัดผลได้ บรรลุได้ และเป็นไปได้จริง ตัวอย่างเช่น หากเป้าหมายของคุณคือการหารายได้ 100,000 ดอลลาร์ต่อปี ภายใน 2 ปีนับจากนี้ นั่นมันจะเป็นไปไม่ได้ เว้นแต่คุณจะมีประวัติที่ดีในการหารายได้ หรือมีทักษะที่จะช่วยในการทำสิ่งนี้

ในทางกลับกัน หากเป้าหมายของคุณคือการประหยัดเงิน 20,000 ดอลลาร์สำหรับการเกษียณอายุภายในปี 2030 แต่คุณอายุเพียง 25 ปี ยังไม่มีเงินออมและยังมีเงินกู้ยืมสำหรับนักเรียนที่ต้องชำระ — มันก็ดูเหมือนจะยากพอๆ กับการหารายได้ 100,000 ดอลลาร์ต่อปี! แต่มันเป็นไปได้หากคุณเริ่มออมตั้งแต่วันนี้ และตัดสินใจลงทุนอย่างชาญฉลาดไปพร้อมกัน

เมื่อเรานึกถึงแผนการระยะยาวเพื่อ “อิสรภาพทางการเงิน” เราจะไม่ถูกกีดกันจากความปรารถนาในระยะสั้นที่อาจจะดูดี แต่ไม่คุ้มที่จะสละความอยู่ดีมีสุขในอนาคตของเราเพื่อมัน เป้าหมายทางการเงินช่วยให้เราจดจ่อกับสิ่งที่เราต้องการ แทนที่จะถูกรบกวนด้วยสิ่งต่างๆ เช่น “ฉันควรกินอะไรดี” หรือ “อีกนานแค่ไหนกว่าจะได้เงินเดือนครั้งต่อไป” หากคุณไม่มีความหน้าสู่การบรรลุเป้าหมายของคุณ บางสิ่งนั้นคงจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง

ประเด็นหลักของเป้าหมายทางการเงิน คือ การช่วยให้คุณมีแรงจูงใจและมีสมาธิ คุณสามารถกำหนดเส้นตายได้ แต่การตรวจสอบความก้าวหน้าทางการเงินของคุณเป็นประจำนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า หากคุณไม่คืบหน้าในการบรรลุเป้าหมาย ต้องมีบางอย่างเปลี่ยนแปลงเพื่อให้มันเกิดขึ้นได้เร็วยิ่งขึ้น

3. ตั้งงบประมาณ

งบประมาณของคุณจะช่วยให้คุณเข้าใจว่า เงินที่ใช้ไปในชีวิตของคุณตอนนี้คืออะไร และยังช่วยให้คุณตรวจสอบได้ว่า เงินของคุณจ่ายออกไปที่ไหน

งบประมาณสามารถตั้งได้ง่ายๆ โดยใช้ซอฟต์แวร์อย่าง Mint ซึ่งสามารถเข้าถึงได้จากอุปกรณ์ต่างๆ รวมถึง คอมพิวเตอร์เดสก์ท็อป แท็บเล็ต และสมาร์ทโฟน หากคุณไม่ต้องการใช้บริการออนไลน์ สเปรดชีตก็ทำงานได้ดีเช่นกัน ไม่ว่าจะเลือกทางไหนก็ทำได้เช่นกัน!

เมื่อคุณกำหนดรายได้ปัจจุบันและค่าใช้จ่ายรายเดือนได้แล้ว คุณอาจจะตั้งงบประมาณ (รวมถึงค่าใช้จ่ายที่จะมีการเรียกเก็บต่างๆ) ใช้เวลาทุกสัปดาห์หรือ 2 สัปดาห์เพื่อกำหนดจำนวนเงินที่จะสามารถใช้ได้สำหรับค่าใช้จ่ายอื่นๆ ตัวเลขนี้จะแสดงถึงกระแสเงินสดส่วนเกินที่มีอยู่และเกินกว่าที่จำเป็นในแต่ละเดือนเพียงเพื่อชำระค่าครองชีพขั้นพื้นฐาน เช่น ค่าเช่า/ค่าจำนองหรือค่าของใช้ต่างๆ

งบประมาณของคุณจะมี 3 ตัวแปร ได้แก่ รายได้ ค่าใช้จ่าย และการออม เมื่อรวมงบประมาณแล้ว คุณจะเห็นได้ว่า มันมีที่ว่างให้ปรับปรุงในส่วนไหนได้บ้าง ตัวอย่างเช่น หากคุณทำเงินได้น้อยกว่าที่จำเป็นสำหรับค่าครองชีพที่จำเป็น มันคงจะเป็นการดีที่สุดที่จะลดค่าใช้จ่ายหรือหาแหล่งรายได้อื่นๆ

หรือหากมีเงินสดเหลือเกินสิ้นเดือน มันก็อาจจะเป็นการดีที่จะเก็บมันไว้ เพื่อไม่ให้เงินเข้าบัญชีออมทรัพย์หรือเงินลงทุนเพียงอย่างเดียว ด้วยข้อมูลนี้ คุณจะมีความเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับรายรับและรายจ่ายรายเดือน ตลอดจนพื้นที่ที่มีศักยภาพในการปรับปรุง

4. เงินฉุกเฉิน

เงินฉุกเฉิน คือ เงินสำรองที่คุณเก็บไว้ในบัญชีแยกจากบัญชีหลักของคุณ วัตถุประสงค์ของเงินนี้เพื่อใช้ในกรณีฉุกเฉิน คุณควรมีเงินเท่ากับค่าใช้จ่ายรายเดือนที่บันทึกไว้เป็นจำนวน 3 เดือนเพื่อส่วนหนึ่งของเงินฉุกเฉินของคุณ นั่นคือ หากมีบางอย่างเกิดขึ้นกระทันหันและมันจะทำให้คุณเป็นหนี้ อย่างน้อย คุณก็จะมีเงินออมซึ่งสามารถช่วยชำระหนี้เหล่านั้นได้

มันเป็นเรื่องที่สิ่งสำคัญ เพราะว่ามันช่วยให้คุณสบายใจและช่วยป้องกันพฤติกรรมการใช้จ่ายที่ไม่ดีได้ โดยทำให้แน่ใจว่าเงินในบัญชีหลักของคุณได้รับการจัดสรรเพื่อค่าใช้จ่ายบางอย่างแล้ว ตัวอย่างเช่น สมมติว่ารถของคุณมีปัญหาที่จำเป็นต้องซ่อมแซมอย่างเร่งด่วน ขณะรอการซ่อมรถ ใครบางคนอาจจะถูกล่อลวงให้ไปซื้อของที่ร้านค้าหรือร้านอาหารโปรดอย่างหุนหันพลันแล่น จากนั้น พวกเขารู้ตัวว่าไม่มีเงินเหลือแล้วหลังจากจ่ายค่าซ่อมรถไป!

แต่จะเริ่มเก็บเงินฉุกเฉินได้อย่างไร? ก่อนอื่น ให้ทำบันทึกค่าใช้จ่ายอย่างน้อย 3 เดือน หากคุณเก็บได้มากกว่านั้น ก็เก็บไปเลย 5 หรือ 6 เดือน

การเก็บเงินฉุกเฉินต้องใช้เวลา เนื่องจากว่ามันเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะไม่ใช้เงินออมเหล่านี้ไปกับสิ่งอื่นใดนอกจากกรณีฉุกเฉินจริงๆ อย่างไรก็ตาม เมื่อคุณประหยัดเงินในกองทุนฉุกเฉินได้เพียงพอแล้ว คุณจะสามารถใช้เงินเหล่านี้ไปกับสิ่งที่เข้ามาสร้างปัญหาให้กับคุณได้ ซึ่งมันจะช่วยให้บรรลุเป้าหมายโดยให้ความอุ่นใจและป้องกันพฤติกรรมการใช้จ่ายที่ไม่ดี

5. ชำระหนี้ที่มีดอกเบี้ยสูง

อิสรภาพทางการเงิน

หนี้ที่มีดอกเบี้ยสูง คือ หนี้ประเภทใดก็ตามที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าหนี้ประเภทอื่นๆ สินเชื่อเหล่านี้รวมไปถึง บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล และสินเชื่อรถยนต์ เงินกู้ประเภทนี้มักใช้เพื่อซื้อสินค้าที่มีราคาสูง เช่น รถยนต์หรือบ้าน เนื่องจากคุณจะสามารถรับเงินกู้ได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายโดยใช้ความพยายามเพียงเล็กน้อย

อย่างไรก็ตาม การชำระเงินรายเดือนที่สูงสำหรับเงินกู้ประเภทนี้อาจจะกลายเป็นเรื่องที่น่าปวดหัวเมื่อเวลาผ่านไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้ารายได้ส่วนใหญ่ของคุณจะต้องนำไปจ่ายมันทุกเดือน แทนที่จะเป็นการออมเพื่อการเกษียณหรือการลงทุน นั่นเป็นเหตุผลที่การชำระหนี้ที่มีดอกเบี้ยสูงก่อนเป็นสิ่งสำคัญก่อนที่จะมุ่งหน้าสู่เป้าหมายทางการเงินอื่นๆ เช่นการออมเพื่อการเกษียณ การลงทุนในตัวเองผ่านโปรแกรมการศึกษา หรือ การฝึกอบรมต่างๆ

ข่าวดีก็คือ เมื่อคุณตัดเงินกู้ดอกเบี้ยสูงออกจากงบประมาณของคุณได้แล้ว — ซึ่งอาจจะทำได้ทันทีด้วยการขายรถของคุณทันที หรือ รีไฟแนนซ์รถในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า — คุณจะเห็นกระแสเงินสดที่เพิ่มขึ้นในทันทีในแต่ละเดือน และเพิ่มขึ้นในมูลค่าสุทธิจากการมีเงินเหลือไปลงทุนในที่อื่นๆ (เช่น การเกษียณอายุ)

6. ลงทุนเพื่ออนาคตของคุณ

การลงทุนเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการทำให้เงินของคุณเพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป คุณอาจจะเคยได้ยินว่าการลงทุนมีความเสี่ยง แต่ที่จริง มันก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิด

มีกฎพื้นฐานบางประการสำหรับการลงทุนที่สามารถช่วยให้คุณรับมือกับความท้าทายได้อย่างมั่นใจ:

  • เริ่มต้นด้วยจำนวนเล็กน้อย และทำให้มันเพิ่มขึ้นจากจุดนั้น การลงทุนไม่ใช่สิ่งที่คุณทำได้ในชั่วข้ามคืน — มันต้องใช้เวลาในการลงทุนกว่าที่ผลลัพท์จะผลิดอกออกผล ดังนั้น ให้เริ่มต้นด้วยจำนวนเงินที่เหมาะสมกับงบประมาณของคุณ และสะสมเพิ่มจากจุดนั้นตามที่คุณเห็นสมควร คุณอาจจะลองเริ่มต้นด้วยการลงทุนในตัวคุณเองผ่านการศึกษาหรือการฝึกอบรมต่างๆ มันจะช่วยให้คุณมีทักษะที่จำเป็นในการทำงานที่มีรายได้สูงในภายหลัง!
  • ยอมเสียเงินบ้างในบางครั้ง (และไม่ต้องตื่นตระหนกเมื่อมันเกิดขึ้น) ในบางครั้ง เราอาจจะตัดสินใจในเรื่องเงินของเราผิดพลาดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่มันก็เป็นเรื่องดีที่จะเรียนรู้จากความผิดพลาดเหล่านั้น ดังนั้น เราจึงจะสามารถจัดการการเงินได้ดีขึ้นในสถานการณ์เดียวกันในอนาคต!

การลงทุนเพื่ออนาคตจะสามารถช่วยให้คุณได้รับ “อิสรภาพทางการเงิน” การลงทุนเป็นการเดินเกมระยะยาว ดังนั้น อย่ากลัวการสูญเสียเงินไปบ้างในบางครั้ง สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่าการลงทุนไม่ใช่เพียงแค่การทำเงินเท่านั้น มันยังเป็นการเรียนรู้เรื่องวิธีการจัดการความเสี่ยงและการตัดสินใจที่จะช่วยให้คุณไปสู่เส้นทางสู่การบรรลุเป้าหมายของคุณได้

การลงทุนเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการทำให้เงินของคุณเพิ่มพูนมากขึ้น ในตอนแรก มันอาจจะดูน่ากลัว แต่มันก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิด ลองเริ่มต้นด้วยเงินจำนวนเล็กน้อยและเพิ่มมันให้มากขึ้นจากจุดนั้น

7. เริ่มต้นทำธุรกิจ

การเริ่มต้นทำธุรกิจไม่แตกต่างจากการเริ่มต้นในด้านอื่นๆ ยกเว้นเสียแต่ว่าต้องมีการทำงานและการเตรียมตัวที่มากยิ่งขึ้น คุณสามารถเริ่มต้นได้ด้วยการค้นคว้าหัวข้อที่คุณหลงใหล หรือไม่ก็ลองคิดดูว่า ทักษะประเภทใดที่คุณมีอยู่แล้วที่อาจจะเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณรู้วิธีเย็บผ้าหรือทำความสะอาดบ้าน สิ่งเหล่านี้อาจจะเป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การแบ่งปันกับผู้อื่นเพื่อหารายได้พิเศษนอกเหนือไปจากเงินเดือนประจำของคุณ

หากเป็นไปได้ ให้เริ่มต้นจากสิ่งเล็กๆ ก่อน — อย่าปล่อยให้ความกลัวทำให้คุณหยุดนิ่ง! คุณไม่จำเป็นต้องสร้างอาณาจักรขึ้นมาในทันที แค่การก่ออิฐเล็กๆ น้อยๆ ก็สามารถทำเงินได้หากทำอย่างถูกต้อง (และใช้เวลาฝึกฝนอย่างเพียงพอ) กุญแจสำคัญในที่นี้คือการค่อยๆ สร้างบางสิ่งที่จะยั่งยืนในท้ายที่สุดก็เพียงพอแล้วที่จะให้อิสรภาพทางการเงินแก่คุณ วิธีนี้จะช่วยให้คุณไม่ต้องทำงานที่ 2 ในขณะที่ยังรักษาระดับความกดดันให้อยู่ในระดับต่ำได้

การเริ่มต้นธุรกิจเป็นวิธีที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งในการบรรลุ “อิสรภาพทางการเงิน” แต่มันก็ไม่ง่ายเสมอไป มีธุรกิจอยู่หลายประเภทที่สามารถช่วยสร้างรายได้ในขณะที่ใช้เวลาทำงานน้อยกว่างานปกติ ตัวอย่างเช่น การขายสินค้าออนไลน์ผ่าน Amazon, Etsy หรือ eBay อย่างไรก็ตาม หากคุณเต็มใจที่จะทุ่มเทเวลาและความพยายาม คุณจะพบกับความเป็นอิสระจากการทำงานที่บ้านมากยิ่งขึ้น

คุณอาจจะพบว่า คุณสนใจที่จะเริ่มต้นสร้างบล็อกหรือเว็บไซต์ หรือสร้างพอดคาสต์ที่ผู้ประกอบการรายอื่นๆ มาแบ่งปันความคิดว่าพวกเขาบรรลุเป้าหมายได้อย่างไร มีอยู่หลายวิธีในการทำสิ่งนี้ แต่ที่สำคัญที่สุดคืองานของคุณจะต้องมีค่าสำหรับผู้คนทั่วไป

8. ใช้จ่ายให้น้อยกว่าที่คุณหามาได้

การใช้จ่ายให้น้อยกว่าที่คุณหามาได้ คือ หลักการของอิสรภาพทางการเงิน มันจะช่วยให้คุณประหยัดและลงทุนเงินได้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่งคั่งให้กับคุณ

ขั้นตอนแรกในการบรรลุเป้าหมายนี้คือการทำความเข้าใจความแตกต่างระหว่างความจำเป็นและความต้องการ ความจำเป็นคือสิ่งที่ต้องซื้อ (เช่น อาหาร เสื้อผ้า) ในขณะที่ความต้องการคือสิ่งที่สามารถซื้อได้ แต่ไม่จำเป็นเพื่อความอยู่รอดหรือความสะดวกสบาย (เช่น ไอศกรีม)

การไม่สร้างความสับสนระหว่างความจำเป็นกับความต้องการเป็นสิ่งสำคัญ เพราะมันอาจจะทำให้คุณใช้จ่ายเกินความจำเป็นในการซื้อสิ่งที่ไม่จำเป็น สิ่งนี้จะทำให้คุณไม่สามารถบรรลุเป้าหมายทางการเงินได้เร็วกว่านี้! สิ่งสำคัญก็คือต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าการใช้จ่ายของคุณสอดคล้องกับความจำเป็นของคุณ เพื่อให้สิ่งที่สำคัญที่สุดยังคงได้รับการจัดลำดับความสำคัญก่อนตลอดช่วงชีวิตขึ้นๆ ลงๆ ไม่ว่าคุณจะทำเงินได้มากแค่ไหนก็ตาม!

9. ตรวจสอบความคืบหน้าของคุณเมื่อเวลาผ่านไป

อิสรภาพทางการเงิน

เพื่อที่จะบรรลุ “อิสรภาพทางการเงิน” การตรวจสอบความคืบหน้าของคุณเป็นสิ่งที่สำคัญ! สุดท้ายแล้ว คุณคงจะไม่สามารถคาดหวังที่จะบรรลุเป้าหมายได้ หากคุณไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหน! มันมีอยู่หลายวิธีที่คุณสามารถตรวจสอบเป้าหมายทางการเงินและประสิทธิภาพของคุณได้ นี่คือเคล็ดลับบางประการ:

  • จดบันทึกสถิติการเงินส่วนบุคคลประจำวันที่สำคัญที่สุดสำหรับคุณเอาไว้ ซึ่งอาจจะรวมไปถึง ข้อมูลรายได้ ค่าใช้จ่าย มูลค่าสุทธิ และแต้มบัตรเครดิต บันทึกประจำวันของคุณควรมีหมายเหตุเกี่ยวกับเหตุการณ์ทางการเงินเอาไว้ด้วย
  • สร้างสเปรดชีตที่มีข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดจัดเป็นคอลัมน์ ด้วยวิธีนี้ ทุกอย่างจะเป็นระเบียบเรียบร้อย! หากเป็นไปได้ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าแต่ละแถวแสดงถึงหนึ่งเดือน (หรือช่วงเวลาที่ต้องการ) มันเป็นเรื่องง่ายสำหรับบุคคลเช่น คู่สมรสหรือคู่รักที่มีการแชร์ข้อมูลเรื่องการเงินแก่กัน เพื่อพิจารณาว่าพฤติกรรมการใช้จ่ายของพวกเขาส่งผลต่อตัวเลขเหล่านั้นอย่างไร

จดบันทึกเป้าหมายทางการเงินของคุณและขั้นตอนที่คุณได้ทำเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนั้น มันอาจจะง่ายพอๆ กับการเขียนลงไปว่า “ฉันต้องการกู้เงินที่ Bank X ภายใน 3 เดือน” คุณยังสามารถทำให้มันซับซ้อนมากยิ่งขึ้นได้ เช่น “เป้าหมายของฉันคือการประหยัดเงิน 20,000 ดอลลาร์ใน 2 ปี เพื่อที่จะสามารถซื้อบ้านได้”

คุณจะต้องจดบันทึกเหตุการณ์สำคัญที่ทำสำเร็จไปเรียบร้อยแล้วและขั้นตอนที่คุณทำเพื่อไปถึงจุดนั้น การตรวจสอบความคืบหน้าเมื่อเวลาผ่านไปเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะมันจะช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายที่สามารถวัดผลได้ ความสำเร็จเหล่านี้สามารถทำได้แทนที่จะแค่คิดและบอกตัวเองว่า “สักวันหนึ่งฉันอยากจะทำสิ่งนี้” โดยไม่ทำตามความรู้สึกเหล่านั้น!

“อิสรภาพทางการเงิน” เป็นสิ่งที่คุณทำได้!

การแสวงหาอิสรภาพทางการเงินไม่ใช่แค่ความสำเร็จที่จะเกิดเพียงครั้งเดียว มันคือกระบวนการ ไม่ใช่ปลายทาง เช่นเดียวกับการเดินทางใดๆ ทางเดินที่คดเคี้ยวไปมาหลายครั้งอาจจะทำให้คุณยังไม่สามารถบรรลุเป้าหมายได้ — แม้ว่าจะเดินไปในทิศทางที่ถูกต้อง — แต่ถ้าคุณจดจ่ออยู่กับลำดับความสำคัญ รักษาวินัยและตัดสินใจอย่างชาญฉลาดไปพร้อมกัน มันไม่มีเหตุผลใดที่คุณจะไม่สามารถบรรลุอิสรภาพทางการเงินได้!

ในท้ายที่สุด การบรรลุอิสรภาพทางการเงินหมายถึงการรับผิดชอบต่อการเงินของคุณและเริ่มต้นการวางแผนทางการเงินที่เหมาะสมสำหรับคุณ คุณไม่จำเป็นต้องรอจนกว่าคุณจะเกษียณ – เริ่มการออมและการลงทุน ทำสิ่งนี้ในช่วงต้นของชีวิตจะสามารถช่วยให้แน่ใจได้ว่า เงินของคุณทำงานให้คุณแทนที่จะต่อต้านคุณเมื่อถึงเวลาที่คุณเกษียณ

และเช่นเคย เราหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจถึงวิธีที่ผู้อื่นบรรลุเป้าหมายและช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้อื่นไปพร้อมๆ กันได้! ขอให้โชคดี!

มาเข้าร่วมกลุ่ม BeInCrypto Telegram เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวล่าสุดในภาคการเงิน คุณจะได้รับความรู้โดยตรงเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของอุตสาหกรรม พร้อมทั้ง ได้เรียนรู้วิธีปฏิบัติที่มีประสิทธิภาพอื่นๆ อีกมากมาย

คำถามที่พบบ่อย

วิธีที่รวดเร็วที่สุดในการบรรลุอิสรภาพทางการเงินคืออะไร?

7 ขั้นตอนสู่อิสรภาพทางการเงินมีอะไรบ้าง?

การบรรลุอิสรภาพทางการเงินหมายความว่าอย่างไร?

3 ขั้นตอนในการบรรลุอิสรภาพทางการเงินคืออะไร?

แพลตฟอร์มคริปโตที่ดีที่สุดในไทย | พฤศจิกายน 2024
แพลตฟอร์มคริปโตที่ดีที่สุดในไทย | พฤศจิกายน 2024
แพลตฟอร์มคริปโตที่ดีที่สุดในไทย | พฤศจิกายน 2024

ข้อจำกัดความรับผิด

ข้อมูลทั้งหมดที่มีอยู่บนเว็บไซต์ของเราเผยแพร่ด้วยเจตนาที่ดีและเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น การกระทำใด ๆ ที่ผู้อ่านดำเนินการตามข้อมูลที่พบบนเว็บไซต์ของเราถือเป็นความเสี่ยงของผู้อ่านโดยเฉพาะ Learn ให้ความสำคัญกับข้อมูลคุณภาพสูง เราอุทิศเวลาให้กับการแยกแยะ ค้นคว้า และสร้างเนื้อหาเพื่อการศึกษาซึ่งเป็นประโยชน์กับผู้อ่าน เพื่อเป็นการรักษามาตรฐานนี้และเพื่อสร้างเนื้อหาคุณภาพได้อย่างต่อเนื่อง พาร์ตเนอร์ของเราอาจตอบแทนเราด้วยค่าคอมมิชชั่นสำหรับการจัดวางตำแหน่งต่าง ๆ ในบทความของเรา อย่างไรก็ดี ค่าคอมมิชชั่นนี้ไม่มีผลต่อกระบวนการของเราในการสร้างเนื้อหาที่ไร้อคติ ตรงไปตรงมา และเป็นประโยชน์

Akhradet-Mornthong-Morn.jpg
Akradet Mornthong
อัครเดช หมอนทอง เป็น นักแปล/นักเขียนคอนเทนต์ ผู้เชี่ยวชาญทางด้าน NFT Games, Metaverse, AI, Crypto และเทคโนโลยีใหม่ๆ เขาจบการศึกษาในสาขาอังกฤษเพื่อการสื่อสารสากล และมีประสบการณ์ในการทำงานในวงการเกมมากกว่า 10 ปี เมื่อ NFT Games ได้กลายเป็นกระแสขึ้นมาในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เขาก็ไม่พลาดที่จะก้าวเข้ามาในวงการนี้เพื่อศึกษาข้อมูลในเชิงลึกต่างๆ ของวงการ NFT รวมไปถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Blockchain และ Crypto อีกด้วย
READ FULL BIO
ได้รับการสนับสนุน
ได้รับการสนับสนุน