Web3 กำลังกลายเป็นกระแสหลักอย่างรวดเร็ว บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ ต่างให้ความสนใจ Metaverse ที่มีศักยภาพที่ไร้ขีดจำกัด ซึ่งช่วยให้สามารถมีปฏิสัมพันธ์ในรูปแบบใหม่ๆ ในรูปแบบออนไลน์ได้ บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ หลายแห่งรับรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้และกำลังกลายเป็น บริษัท Web3 อย่างรวดเร็ว — หรืออย่างน้อยๆ ก็ทำให้มันกลายเป็นส่วนสำคัญในธุรกิจของพวกเขา
เราจะกล่าวถึงบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ 5 แห่งที่กำลังมุ่งมั่นทำงานเกี่ยวกับเทคโนโลยีและโซลูชัน Web3 อย่างที่เราจะได้เห็นต่อไป บริษัทเหล่านี้เป็นยักษ์ใหญ่ในโลกของเทคโนโลยี และกลยุทธ์ของพวกเขาก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ 5 อันดับที่ใช้เทคโนโลยี Web3
องค์กรสำคัญๆ และบริษัทร่วมทุนหลายแห่งกำลังลงทุนอย่างหนักใน Web3 เพื่อไม่ให้พวกเขาถูกทิ้งไว้ข้างหลัง รายชื่อด้านล่างนี้คือ บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ 5 แห่งที่นำเทคโนโลยี Web3 มาใช้
1. Meta
Facebook เป็นเจ้าของบริการโซเชียลเน็ตเวิร์กที่โดดเด่น เช่น WhatsApp, Instagram และ Messenger ในเดือนตุลาคม พวกเขาได้เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น Meta เพื่อสะท้อนถึงพันธกิจของพวกเขาในการให้คำแนะนำเพื่อเข้าสู่ Metaverse
Meta ตั้งเป้าที่จะดึงดูดผู้ใช้งานหลายพันล้านคน จากข้อมูลของ Statista มีผู้ใช้งานอย่างน้อย 2.87 พันล้านคนที่ใช้ Facebook, Instagram, WhatsApp หรือ Messenger ทุกวันในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2022 Meta มองว่า Web3 เป็นเส้นทางที่มีแนวโน้มที่จะนำไปสู่อินเทอร์เน็ตรุ่นที่ 3 ซึ่งนี่เป็นช่องทางสำคัญที่บริษัทตั้งใจจะเข้าไปมีอิทธิพลในโลกของ Metaverse
นอกจากนี้ Meta ตั้งใจที่จะผสานรวมอุปกรณ์สวมศีรษะน้ำหนักเบาราคาไม่แพงไว้ในโครงสร้างทางสังคมของพวกเขา ดังนั้น หลังจากการเปลี่ยนแปลง Meta ได้ลงทุนใน Oculus Quest ซึ่งเป็นอุปกรณ์ในโลกความจริงที่ออกแบบมาเพื่อให้ผู้บริโภคสามารถมองเห็นสิ่งที่อยู่ใน Metaverse ได้
2. Shopify
Shopify เป็นบริษัทในแคนาดาที่รับผิดชอบต่อผู้ค้าปลีกออนไลน์หลายล้านราย มันเปิดตัวเป็นแพลตฟอร์มการซื้อขาย NFT รุ่นเบต้าในปี 2021 ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสร้างเหรียญและแม้กระทั่งขาย NFT ที่สะสมได้บนบล็อกเชนหลายตัวได้
Tobi Lutke CEO ของ Shopify และแม้แต่ประธานบริษัท Harley Finkelstein ได้แสดงความกระตือรือร้นต่อเทคโนโลยี Web3 แล้ว
Finkelstein กล่าวในวิดีโอบน YouTube ว่า
“ผมคิดว่าอนาคตของการค้าปลีกและการพาณิชย์จะเกิดขึ้นทุกที่ ทุกพื้นที่ มันอาจจะเป็นการออนไลน์ใน Metaverse, AR หรือ VR มันอาจจะเป็นการออฟไลน์ที่ร้านขายเสื้อผ้าที่สวยงามหรือตลาดของเกษตรกรที่ยิ่งใหญ่ก็ได้”
ตั้งแต่ปี 2018 Shopify ได้เริ่มผสานรวมความสามารถในการขายแบบ AR เข้ากับพื้นที่ดิจิทัล เหตุการณ์ล่าสุดที่เกิดขึ้น ได้แก่ การเข้าซื้อกิจการบริษัทออกแบบบ้านที่ใช้ AR เป็นหลัก ซึ่งก่อตั้งโดยทีมงานเบื้องหลัง Primer
ประสบการณ์การขายแบบ AR มุ่งหวังที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ของสินค้าที่สมจริงและโต้ตอบได้ เพื่อขยายค่าใช้จ่ายในการสนทนาและรักษาผลตอบแทนให้น้อยที่สุด บริษัทต่างๆ เช่น Instant Pot, Allbird และ Magnolia เป็นหนึ่งในผู้ผลิตชั้นนำที่ใช้เทคโนโลยี AR ของ Shopify
นอกจากนี้ Shopify ยังได้ยื่นจดสิทธิบัตรหลายฉบับเกี่ยวกับความเป็นจริงเสริม (AR) ซึ่งรวมไปถึงระบบการวัดร่างกายที่ใช้ความเป็นจริงเสริมและสามารถแนะนำขนาดที่แน่นอนของเสื้อผ้าได้
โปรแกรม NFT ของ Shopify ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสร้างและขาย NFT ของตนได้ กระบวนการนี้สามารถทำได้โดยใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน เช่น Ethereum และ Polygon แตกต่างจากตลาด NFT อื่นๆ ส่วนใหญ่ พ่อค้าแม่ค้าไม่จำเป็นต้องรับเงินดิจิทัลเป็นการชำระเงิน ซึ่งหมายความว่าพวกเขาสามารถรับบัตรเดบิต Shop Pay และบัตรธนาคารสำหรับการชำระเงินของ Shopify ได้
3. Twitter
Twitter นั้นให้ความสำคัญกับ Web3 โดยมีขั้นตอนเบื้องต้นหลายประการ ในฐานะที่เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ได้รับความนิยมมากที่สุด มันสามารถมีอิทธิพลได้อย่างมหาศาล พวกเขานั้นได้เริ่มการทำงานกับ NFT แล้ว
การใช้ NFT เป็นรูปโปรไฟล์ดูเหมือนจะเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมสำหรับเจ้าของ NFT ในการแสดงสถานะของพวกเขา นี่อาจจจะเป็นการแสดงความเป็นเจ้าของในสินทรัพย์ดิจิทัลที่พวกเขาอาจจะมีได้่ ในทางตรงกันข้าม Twitter เป็นแพลตฟอร์มเทคโนโลยีขนาดใหญ่เพียงแพลตฟอร์มเดียวที่มีการนำแนวคิดใหม่นี้มาใช้ในขณะนี้
โดยเฉพาะผู้ที่สมัครรับข้อมูล Twitter Blue จะสามารถเลือก NFT เป็นรูปโปรไฟล์หลักได้ ผู้ที่มี NFT ที่ผ่านการตรวจสอบแล้วจะแสดงเป็นรูปหกเหลี่ยมในโปรไฟล์ ในขณะที่เขียนบทความอยู่นั้น มันยังมีอุปสรรคอยู่อีกมากมายในการสร้าง NFT เป็นรูปโปรไฟล์ Twitter
ตัวอย่างเช่น คุณสมบัตินี้จะมีเฉพาะใน iPhone และผู้ใช้งานในสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย แคนาดา และนิวซีแลนด์เท่านั้น Twitter ยืนยันว่าการสนับสนุน NFT จะพร้อมใช้งานสำหรับผู้ใช้งานในระบบ Android ในเร็วๆ นี้ โดยสรุปแล้ว การนำ NFT มาใช้งานของ Twitter แสดงให้เห็นถึงความปรารถนาที่จะเปลี่ยนไปใช้งานเว็บในเจเนอร์เรชั่นต่อไป
4. Spotify
Spotify เป็นบริการสตรีมเพลงของสวีเดนที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2006 โดย Daniel Ek และ Martin Lorentzon จำนวนผู้ใช้งานที่เพิ่มขึ้นทำให้เครือข่ายนี้เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งที่ใหญ่ที่สุดในโลก ปัจจุบัน แพลตฟอร์มนี้มีผู้ใช้งานอยู่ 422 ล้านคน
แพลตฟอร์มเพลงนี้เพิ่งเปิดรับสมัครตำแหน่งงานเกี่ยวกับ Web3 รวมไปถึงตำแหน่งสำหรับผู้จัดการ วิศวกร และผู้เชี่ยวชาญในการพัฒนาเทรนด์ใหม่ๆ
จากความจริงที่ว่า แม้แต่ศิลปินก็เริ่มขายผลงาน NFT ของพวกเขาแล้ว จึงไม่น่าแปลกใจที่ Spotify จะเข้าสู่สังเวียนของ Web3 ความไม่แน่นอนคือว่า Spotify จะสร้างตลาดสำหรับ NFTs หรือไม่ อย่างไรก็ตาม ศิลปินอย่าง Snoop Dogg, King of Leon และ Grimes ก็ประสบความสำเร็จในการขายเพลง NFT เมื่อไม่นานมานี้
5. Microsoft
Microsoft เป็นหนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดในโลก พวกเขากล่าวว่าจะช่วย Astar Network ในการสร้างอนาคตของ Web3 ผ่านโปรแกรม Astar Incubation
ความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยให้ Microsoft สามารถจัดหาเครื่องมือและการสนับสนุนให้กับธุรกิจ Astar Incubation Program ซึ่งจะรวมไปถึงเครือข่ายการให้คำปรึกษาและความช่วยเหลือด้านการตลาดอีกด้วย
Microsoft กำลังแข่งขันกับยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอื่นๆ เช่น Meta บริษัทแม่ของ Facebook ในการแย่งส่วนแบ่งของตลาดบล็อกเชน พวกเขาได้สนับสนุน ConsenSys ด้วยคลังแสงของตน โดยเข้าร่วมในรอบการลงทุน 450 ล้านดอลลาร์ เพิ่มมูลค่าตลาดของสตาร์ทอัพเป็นสองเท่าเป็น 7 พันล้านดอลลาร์
ConsenSys เป็นแรงผลักดันเบื้องหลัง MetaMask ซึ่งเป็นกระเป๋าเงินบล็อกเชนที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก Microsoft และ ConsenSys เริ่มแนะนำลูกค้าของพวกเขาไปที่ Consensys ในปี 2021 เมื่อพวกเขาหยุดให้บริการบล็อกเชนของ Azure และเริ่มทำงานร่วมกัน
Microsoft ยังแสดงความสนใจใน Polkadot ซึ่งเป็นเทคโนโลยีสัญญาอัจฉริยะที่แข่งขันกับ Ethereum ผ่าน Astar Network ดังนั้น มันจึงเป็นเรื่องที่เยี่ยมยอดที่จะจับตามองการทำงานร่วมกันนี้
บริษัท Web3 เชื่อมโยงไปยังอนาคตใหม่ๆ
Web3 จะเต็มไปด้วยคุณค่าอันเนื่องมาจากการผสมผสานเทคโนโลยีต่างๆ เช่น เครื่องจักร IoT การเรียนรู้ และการวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ ปัจจัยขับเคลื่อนเบื้องหลังความก้าวหน้าที่สำคัญในด้านนี้คือการนำเสนอต่อผู้ใช้งานปลายทางอย่างตรงไปตรงมา เรียบง่าย และมีประสิทธิภาพสูงสุด
Web3 จะเปลี่ยนวิธีที่เราโต้ตอบกับสภาพแวดล้อมดิจิทัลไปอย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งหมายความว่าผลกระทบที่ตามมาต่อผู้คนและองค์กรอาจจะมีอย่างมหาศาล อย่างไรก็ตาม เราจำเป็นจะต้องเข้าใจด้วยว่า การย้ายจาก Web2 เป็น Web3 จะไม่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว มันแสดงให้เห็นว่า บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่เหล่านี้มีเวลาเพียงพอในการที่จะประเมินและดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว
สำหรับข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับ Web3 คุณอาจจะอยากเข้าไปดูข้อมูลในกลุ่ม BeInCrypto Telegram คุณจะได้ทราบเกี่ยวกับพัฒนาการล่าสุดว่ามันเกิดขึ้นอย่างไรและเมื่อใด
คำถามที่พบบ่อย
บริษัทที่เป็น Web3 คือบริษัทใด?
ผลิตภัณฑ์ Web3 คืออะไร?
เครือข่าย Web3 คืออะไร?
บริษัท Blockchain ที่ใหญ่ที่สุดคือบริษัทอะไร?
ข้อจำกัดความรับผิด
ข้อมูลทั้งหมดที่มีอยู่บนเว็บไซต์ของเราเผยแพร่ด้วยเจตนาที่ดีและเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น การกระทำใด ๆ ที่ผู้อ่านดำเนินการตามข้อมูลที่พบบนเว็บไซต์ของเราถือเป็นความเสี่ยงของผู้อ่านโดยเฉพาะ Learn ให้ความสำคัญกับข้อมูลคุณภาพสูง เราอุทิศเวลาให้กับการแยกแยะ ค้นคว้า และสร้างเนื้อหาเพื่อการศึกษาซึ่งเป็นประโยชน์กับผู้อ่าน เพื่อเป็นการรักษามาตรฐานนี้และเพื่อสร้างเนื้อหาคุณภาพได้อย่างต่อเนื่อง พาร์ตเนอร์ของเราอาจตอบแทนเราด้วยค่าคอมมิชชั่นสำหรับการจัดวางตำแหน่งต่าง ๆ ในบทความของเรา อย่างไรก็ดี ค่าคอมมิชชั่นนี้ไม่มีผลต่อกระบวนการของเราในการสร้างเนื้อหาที่ไร้อคติ ตรงไปตรงมา และเป็นประโยชน์